• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กามโรค ( ตอนที่ 1 )

เรื่องกามโรค ( ตอนที่ 1 )


หนองไหล (หนองในและหนองในเทียม)

ในบรรดาโรคภัยทั้งหลาย โรคที่เกี่ยวกับกาม หรือที่เรียกว่า “กามโรค” นั้น ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด หากใครได้เป็นเจ้าของโรคนี้แล้ว ก็เรียกว่าตกอยู่ในห้วงทุกข์กันละครับ ชนิดที่เจ้าตัวจะต้องร้องอยู่ในใจว่า ไม่น่าเล้ย ไม่น่าเลยจริง ๆ ครับ!สนุกกับมันเสียเมื่อไหร่ ไหนจะต้องเจ็บปวดทรมานร่างกาย จะเคลื่อนไหวสักนิดก็ต้องระวัง เพราะมันเจ็บระบมไปหมด ไหนจะทางด้านจิตใจที่ต้องพะวักพะวนอยากให้มันหายไว ๆ แถมยังคิดหนักว่า จะบอกภรรยาว่าอย่างไรดี จะคุยกับเพื่อนสนิทหรือแม้แต่บอกหมอก็ยังคิดอยู่หลายครั้งหลายครา เพราะนอกจากจะกลัวว่าผู้อื่นจะเข้าใจผิด (เข้าใจถูก) คืออายแล้ว ก็ยังกลัวเพื่อนฝูง หมอ หรือพยาบาล หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางคน จะแสดงความสะใจแทนความรู้สึกเห็นใจเอาเสียซี

ท่านผู้อ่านครับ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าโรคนี้นอกจากจะเป็นความเจ็บปวดที่ว่ามาแล้ว ยังเป็นโรคทางสังคมอีกด้วย ถึงกับบางคนเรียกมันว่า โรคสังคมรังเกียจ โรคอายสังคม (คน) แต่คนก็ยังเป็นกันมาอยู่เรื่อย ไม่หมดไปจากโลกนี้เสียที ยิ่งไปกว่านั้นที่รู้ ๆ สถิติการเป็นโรคนี้ยังอยู่ในอัตราที่สูงอยู่ บางคนที่เคยเป็นมาแล้ว ถึงกับสารภาพกับตนเองอย่างนุ่มนวลว่า ไม่เอาอีกแล้ว พูดอย่างชาวบ้าน ๆ ก็ว่า เข็ดจริง ๆ ให้ดิ้นตาย หายอยากเลยครับ แต่อยู่ ๆ ไปก็ต้องกลับมาลึกซึ้งกับมันอีกเป็นหนที่ 2 ที่ 3 ก็ยังมี เราจึงอยากให้คนที่เคยเป็นโรคนี้มาแล้วหรือคนที่ยังไม่เคยเป็น (หมอชาวบ้านไม่ได้สนับสนุนให้ทดลองเป็นโรคนี้นะครับ) ได้รู้จักกับหน้าตาของกามโรคชนิดต่าง ๆ เพื่อจะได้เข้าใจมัน ด้วยความหวัวว่าจะไม่ต้องไปพบกับโรคนี้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเป็นภาระแก่สังคม หรือหากเป็นแล้วจะได้หาทางออก ที่เป็นภาระแก่สังคมน้อยที่สุด และตนเองก็จะได้หายเร็ว ๆ ว่างั้นเถอะ

ครับ เราก็จะพาท่านผู้อ่านมาคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องกามโรคท่านหนึ่ง ท่านคือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์นิวัติ พลนิกร หรือ คุณหมอนิวัติ คุณหมอประจำหน่วยโรคผิวหนังและกามโรคภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
ก็อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่นะครับโรคนี้มันมีหลายชนิด คุณหมอนิวัติก็เลยจะคุยให้ฟังเป็นเรื่อง ๆ ไปซึ่งเราจะนำมาลงติดต่อกันเรื่อย ๆ เอาเรื่องแรกก็ชนิดหนองไหลก่อนฟังคุณหมอว่าเลยนะครับ

⇒ เป็นหนองไหลจะมีอาการอย่างไร
หนองไหล ที่ชาวบ้านเรียกกันนี้ คือ โรคหนองใน และ หนองในเทียม
หนองในนี่ ถ้าในผู้ชาย 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย จะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อ 3-5 วัน อาการที่แสดงออกก็มี ปัสสาวะแสบ ๆ ในลำกล้อง และเป็นมูก ๆมีน้ำใส ๆ ออกมา จากนั้น ภายใน 12 ชั่วโมง จะกลายเป็นหนองข้น อาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตเจ็บเล็กน้อย บางคนปวดเมื่อยตามตัวด้วย

ส่วนในผู้หญิง 60 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ป่วยที่เราได้รับจะไม่มีอาการ โดยทั่วไปหนองในในผู้หญิงจะมีอาการไม่มากเท่ากับผู้ชาย อาการที่แสดงก็มีตกขาว อาจมีหนองออกมาเล็กน้อย และถ่ายปัสสาวะแสบคัน ปวดในท้องน้อย ปกติจะไม่ค่อยคั่น ถ้ามีอาการคันมากๆ อาจเป็นพวกเชื้อราหรือพยาธิในช่องคลอดมากกว่า

หนองในถ้าเป็นแล้วไม่ไปรับการรักษา ปล่อยมันไปเรื่อย ๆ หรือถ้าเป็นแล้วไม่รู้ว่าเป็น โดยเฉพาะในผู้หญิง ซึ่งไม่ค่อยแสดงอาการผลจะเป็นอย่างไร
ถ้าไม่ได้รับการรักษา ในผู้ชายก็จะมีหนองไหลอยู่ 3-4 เดือน อาจจะมีผลทำให้อวัยวะบางส่วนพิการได้ เกิดการอักเสบในท่อปัสสาวะ ทำให้ท่อปัสสาวะตีบตันได้ ทีนี้เวลาจะถ่ายปัสสาวะล่ะก็ลำบากแน่ ก็ต้องสวมท่อปัสสาวะ ถ้าเชื้อหนองในเข้าต่อมลูกหมาก ทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ บวม ถ้าเข้าถุงอัณฑะก็เป็นหนองบวม ในอัณฑะและเป็นหมันได้ มีน้อยรายที่เชื้อเข้าข้อหรือเข้าเลือด ในผู้หญิงถ้าชนิดร้ายแรงถ้าปล่อยไว้เรื้อรังจะทำให้ปีกมดลูกอักเสบ ท่อนำไข่ที่ปีกมดลูกตีบตันได้ เป็นหมัน หรืออาจทำให้ตั้งท้องนอกมดลูกเป็นอันตรายได้ ที่อันตรายที่สุดของหนองในก็คือ หากเชื้อไปที่ลิ้นหัวใจ จะทำให้ลิ้นหัวใจรั่ว ระบบหัวใจก็ล้มเหลว หัวใจวาย ตายได้ทันที แต่อันนี้พบน้อยมาก ทั่วประเทศมีปีละ 1-2 ราย

⇒ ในผู้หญิงที่เป็นหนองใน แต่ไม่ได้แสดงอาการ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้
การสังเกต บางครั้งก็บอกได้ อาการจะเป็นมากตอนมีประจำเดือน มีไข้ ปวดท้อง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ไข้ทับฤดู จริง ๆ แล้ว ปีกมดลูกอักเสบ มีตกขาวเป็นหนองออกมาทางช่องคลอด เวลาร่วมเพศเจ็บมาก การที่จะรู้แน่นอนว่าเป็นหนองในหรือไม่ ก็คงต้องใช้วิธีเอาหนองไปย้อมเชื้อ

⇒ ผู้หญิงเป็นหนองใน ในระยะตั้งท้อง จะทำให้เกิดอันตรายมากไหม
อันตรายก็เหมือนกับผู้หญิง ที่เป็นหนองใน นอกจากนั้น ก็อาจมีการอักเสบบริเวณช่องคลอดปีกมดลูกอักเสบ อันตรายที่สำคัญ ก็คือ เด็กที่อยู่ในท้องนั้นอาจได้รับเชื้อ ทำให้ตาอักเสบหรือตาบอดได้ ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็อาจมีการอักเสบที่ช่องคลอดของเด็กด้วย อันตรายของหนองในโดยทั่วไปไม่ถึงชีวิต แต่อาจทำให้พิการในส่วนต่าง ๆ

⇒ การติดเชื้อหนองใน นอกจากการร่วมเพศกับคนที่เป็นหนองในแล้วจะติดต่อทางอื่นได้ไหม
เชื้อหนองในเป็นเชื้อขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายเม็ดถั่ว เล็กกว่าเม็ดเลือดแดงของคน 20 เท่า มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ เชื้อนี้โดยทั่วไปไม่มีในธรรมชาติ ปกติจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมพิเศษ อย่างเช่น ถ้าจะไปว่ายน้ำ ในสระว่ายน้ำแล้ว จะติดเชื้อหนองในมานั้นเป็นไปไม่ได้ เชื้อนี้จะมีอยู่โดยเฉพาะในคนกับลิงซิมแปนซีเท่านั้น ลิงชนิดอื่นก็ไม่เป็น การติดต่อทางอื่น นอกจากการร่วมเพศก็เช่น มีเชื้อหนองในติดอยู่ที่เสื้อผ้าของผู้ป่วย แล้วเอาผ้านั้นมาเช็ดหน้า เช็ดตา สัก3-5 วันหลังจากนั้นจะมีอาการตาแฉะ ตาอักเสบ มีหนอง และตาบอดได้ ก็เรียกว่า เป็นหนองในที่ตาอย่างหนองในคอก็เกิดจากเชื้อหนองในเข้าปากลงคอ เกิดกับผู้ที่ใช้เพศสัมพันธ์ทางปากกับคนที่เป็นหนองใน อาการส่วนใหญ่จะเหมือนคนเป็นหวัด ชนิดหวัดลงคอ เจ็บในคอ แต่อาการน้อยกว่าหวัดลงคอ

⇒การใช้ยาป้องกันหนองในจะได้ผลเพียงใด
ยาป้องกันหนองในที่ใช้กันคนที่กินส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่มีการศึกษา มีความรู้ครึ่ง ๆกลาง ๆ พวกนี้พยายามมาก พยายามป้องกันแต่กรรมกรหรือคนที่ไม่ค่อยมีความรู้ เขาจะไม่ค่อยดิ้นรนที่จะกินยาป้องกัน คือ เขาไปเที่ยวเลย เมื่อเป็นโรคจึงค่อยมารักษา ผมว่า ค่ายากินป้องกันกับค่ารักษาก็พอๆกัน แล้วกินยาป้องกันนี่ก็ ใช่ว่าจะปลอดจากการติดเชื้อกามโรค เพราะว่ายาตัวหนึ่งๆ มันก็ใช้ป้องกันได้เฉพาะเชื้อหนึ่ง ๆ เท่านั้น เช่น กินยาแอมพิซิลลิน ป้องกันหนองใน ไม่ติดเชื้อหนองในก็อาจติดเชื้อซิฟิลิสมา มันป้องกันได้ไม่แน่นอน ถ้าพูดถึงกามโรคทั้งหมด แต่ถ้าเฉพาะหนองในก็อาจจะได้


⇒ การป้องกันการติดเชื้อหนองในที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด
ในผู้ชาย
1. งดเว้นการสำส่อนทางเพศ หรือว่าในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าฝ่ายหญิงเป็นโรคนี้หรือไม่

2. การใส่ถุงยางอนามัยป้องกันได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเผื่อเราไม่มีเพศสัมพันธ์ทางปากนะ (คุณหมอย้ำกับเรา) ว่าที่ป้องกันได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ นี่เฉพาะหนองในนะ กามโรคอย่างอื่นอาจป้องกันไม่ได้ผล) ส่วนการปัสสาวะหรือฟอกสบู่ หลังจากไปเที่ยวนี้ จะป้องกันได้แค่ไหนยังไม่มีหลักฐานแน่นอน แต่อาจช่วยได้บางเล็กน้อย

3. ใช้ยาปฏิชีวนะขนาดสูง ซึ่งไม่คุ้มกับค่ายาที่พอ ๆ กับค่ารักษา และยาที่มีผลขนาดสูงนี้ อาจมีอันตรายทำให้ดื้อยา หรือบางคนอาจแพ้ยาได้
 

ในผู้หญิง
1. งดเว้นการส่ำสอนทางเพศ

2. งดเว้นการร่วมเพศกับคนที่สงสัย เพราะว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายสังเกตอาการของผู้ชายได้ง่ายกว่า ตรงที่มีหนองซึมออกมาจากท่อปัสสาวะ

3. การใช้ยาสวนล้างช่องคลอด หรือยาเหน็บบางอย่าง ก็อาจจะป้องกันได้ แต่ก็ต้องใช้ให้ถูกวิธี และใช้ให้สม่ำเสมอ

หนองในเทียมแตกต่างจากหนองในธรรมดาอย่างไร
หนองในเทียมก็คล้ายกับหนองในมาก คือ มีหนองมีมูกเหมือนกัน แต่อาการจะน้อยกว่าหนองใน ส่วนมากจะมีเพียงมูก จะมีหนองน้อยกว่าแต่เหนียวกว่า ปัสสาวะที่ถ่ายออกมาจะมีเส้นขาว ๆ ขนาดเล็กคล้ายเส้นด้าย จะวินิจฉัยเองได้ไม่ยากโดยถ่ายปัสสาวะ ใส่แก้วน้ำนะครับ แล้วส่องไฟดูจะเห็นเป็นเส้นขาว ๆ ขนาดเล็กคล้ายเส้นด้ายลอยอยู่ อีกอันหนึ่งที่ต่างกัน คือ ระยะฟักตัวของโรคหนองในเทียมจะประมาณ 2 อาทิตย์ เชื้อที่เป็นมากและค้นพบคือ เชื้อกึ่งไวรัส เรียกว่า คลามัยเดีย (Chlamydia)

⇒ คนที่เป็นหนองในหรือหนองในเทียม วินิจฉัยเองได้โดยที่ไม่ต้องไปหาหมอ?
อาจจะมีปัญหาในกรณีที่มันคาบเกี่ยวกันอยู่ ในรายที่มีหนองออกมาน้อย ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของหนองในที่มีอาการน้อย อาจมีลักษณะคล้ายเป็นเส้น ซึ่งมันอาจเป็นหนองในก็ได้ หนองในเทียมก็ได้ จะให้ชัดเจนแน่นอนก็ต้องไปตรวจโดยการย้อมเชื้อ แต่ถ้าเราแน่ใจในประวัติของโรค อาการ ระยะฟักตัว ก็อาจวินิจฉัยได้แน่นอน

⇒ ค่าใช้จ่ายสำหรับการย้อมเชื้อ
ถูกมากครับ พูดถึงต้นทุนไม่กี่บาท แต่โดยทั่วไป การบริการเกี่ยวกับพวกกามโรค หนองในและซิฟิลิสนี้ ไม่ต้องเสียอะไรอยู่แล้ว ศูนย์กามโรคเขาให้การรักษาฟรี ไม่คิดค่าตรวจ ค่าบริการแล้วการวินิจฉัย การรักษามันแน่นอน คือ มีการย้อมเชื้อ ตรวจเลือด เมื่อเห็นเชื้อเขาจะรักษาตามแบบตารางการรักษา


⇒ โทษของหนองในเทียม
โทษก็ทำให้ท่อปัสสาวะตีบในผู้ชายอาจทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ ถุงอัณฑะอักเสบได้ เชื้ออาจเข้าตาได้ ในผู้หญิงก็ทำให้มดลูกอักเสบ และในผู้หญิงนี้ในระยะแรกจะไม่มีอาการ ปัญหาของหนองในทั้งสองอย่างนี้ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ


⇒ การรักษาหนองในและหนองในเทียม
การรักษาหนองใน ขณะนี้มีปัญหาเชื้อดื้อยาประเภทเพนนิซิลลินมาก จึงไม่ควรใช้ยาที่ใช้ได้ผลควรเป็นชนิดให้ครั้งเดียวเพียงพอยาฉีดจะดีกว่ายากินในข้อนี้ ยาที่ได้ผลมีมากมี
1. ฉีดสเปคติโนมัยซิน (Spectinmycin) เข้ากล้าม 2 กรัม
2. ฉีด กานามัยซิน (Kanamycin) เข้ากล้าม 2 กรัม
3. กินไทแอมฟินิคอล (Thiamphenical) เม็ดละ 250 มิลิกรัม จำนวน 10 เม็ด พร้อมกันติดกัน 2 วัน

⇒ การรักษาหนองในเทียม
ยากินได้ผลดีกว่ายาฉีด แต่ต้องกินยาประมาณ 2 สัปดาห์ที่ได้ผลดีมี
1. ยา เตตร้าชัยคลิน (Tetracycline) 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือ
2. ยาอีไรโทรมัยซิน (Erythromycin) ขนาด 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งหลังอาหาร
ทั้งหนองในและหนองในเทียมควรรักษาผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ สม่ำเสมอ เช่น คู่สมรส ไปพร้อมกันเลย

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับหนองในและหนองในเทียม
ในผู้ชายเมื่อไปรับเชื้อหนองในหรือหนองในเทียมมาแล้วก็ไปกินยาล้างลำกล้อง คิดว่าจะหายจริง ๆ ยางพวกนี้เป็นแอนตี้เซพติค (Anti Septic) ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ มันระงับการเติบโตของเชื้อ แต่ไม่ได้ทำลายเชื้อ ยาพวกนี้กินไปแล้วปัสสาวะที่ออกมาจะมีสีแปลก ๆ ไม่ได้ช่วยรักษาโรคนี้ ไม่มีประโยชน์
อีกอย่างหนองในในผู้ชายไม่จำเป็นต้องมีอาการเสมอไป แต่มีเชื้ออยู่เป็นพาหะนำโรคไปยังคนอื่นได้ เราพบประมาณ 10% ของคนที่เป็นหนองในในลำกล้องไม่มีอาการเลยหรือมีน้อยมาก แต่เป็นโรคและก็ไม่มีการแสดงอาการออกมาให้เห็น ซึ่งเชื้อมันก็อยู่ของมันเรื่อย ๆ หากใครมาสัมผัสก็รับเชื้อไปได้ คนพวกนี้เป็นพวกที่อันตรายมาก
ความเชื่อของคนไข้เกี่ยวกับของแสลง เช่น กินสาเก หรืออาหารบางอย่าง เกี่ยวกับของแสลงนี้ ยังไม่มีการยืนยันว่า มีผลต่อโรคหรือไม่แต่พวกเหล้าพวกที่มีแอลกอฮอล์นั้น มีผลทำให้หนองในไหลมากยิ่งขึ้น

⇒ เป็นกามโรคแล้วจะทำอย่างไร
กามโรคนี้นับว่าเป็นปัญหาชุมชน ในหมู่บ้าน ตำบล หรือ อำเภอเล็ก ๆ กามโรคไม่ใช่ปัญหา แต่กามโรคเป็นปัญหาของเมือง มีประชากรค่อนข้างมากและหนาแน่น หรือประมาณ 5 หมื่นคนขึ้นไป ชุมชนขนาดนี้โดยทั่วไปมีหน่วยงานของรัฐซึ่งให้บริการอยู่แล้ว คือ ศูนย์กามโรค ขณะนี้ มีศูนย์กามโรคอยู่ทั่วประเทศ 80-90 ศูนย์ ในความเห็นของผม ถ้าใครเป็นกามโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนองไหลหรือซิฟิลิส อยากให้ไปที่ศูนย์กามโรค เพราะว่า ศูนย์ก็ให้การบริการที่ได้มาตรฐานพอสมควร การบริการก็ให้เปล่า มีการรายงานปัญหาโรคของผู้ป่วย มีการติดตามผู้สัมผัสโรค เขามีเจ้าหน้าที่ออกไปติดตามแจ้งชื่อผู้ที่เอาเชื้อมาให้เรา ในเขตของเรา ดังนั้น จึงเป็นการช่วยกันควบคุมกามโรคด้วย การบริการที่เขาให้ดีกว่าแพทย์ตามคลีนิคเอกชน โรงพยาบาลเอกชน หรือร้านขายยาเสียอีก


ถ้าเรารักษาตามคลินิกใหญ่จะไม่มีการรายงาน การติดตามผู้สัมผัสโรคก็ไม่มี ดังนั้น ก็เท่ากับเราช่วยแต่ตัวเราคนเดียว เอาตัวรอดเท่านั้นเอง ผลการรักษาก็ไม่ค่อยแน่นอน และค่ารักษาก็แพงมากเกินไปโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

 

ข้อมูลสื่อ

22-005
นิตยสารหมอชาวบ้าน 22
กุมภาพันธ์ 2524
โรคน่ารู้
อุทิศ มหากิตติคุณ