• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กลิ่นตัว

กลิ่นตัว

ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนจะต้องมีการพบปะกับผู้คนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ในสถานที่ชุมชน บนรถเมล์ ฯลฯ สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะวิตกคือเรื่อง “กลิ่นตัว” เพราะเกรงว่าตัวเองจะส่งกลิ่นไปรบกวนผู้อื่น มีปัญหาว่าหากใช้เครื่องสำอางระงับกลิ่นที่ขายกันทั่วไป จะเป็นอันตรายหรือเปล่า ต่อไปนี้คือ คำตอบจากคำถามเหล่านั้นค่ะ

กลิ่นตัวเกิดจากอะไร

กลิ่นตัวเกิดจากเหงื่อของคนเราออกมาผสมกับเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่บนผิวหนัง ทำให้เกิดการบูดเน่าของเหงื่อ จึงมีกลิ่นเกิดขึ้น ได้มีนักวิทยาศาสตร์เคยทดลองเอาเหงื่อมาสกัดเอาเชื้อจุลินทรีย์ออก แล้วตั้งทิ้งไว้ในที่ปลอดเชื้อประมาณ 24 ชั่วโมง พบว่าเหงื่อนั้นไม่มีกลิ่นเหม็นหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิมเลย ในทางตรงกันข้าม เมื่อนำเหงื่อมาสกัดเอาเชื้อจุลินทรีย์ออกแล้วตั้งทิ้งไว้ในที่โล่งแจ้งประมาณ 24 ชั่วโมง ปรากฏว่า เหงื่อนั้นเกิดกลิ่นเหม็นขึ้น จึงทำให้สรุปได้ว่า เชื้อจุลินทรีย์เป็นตัวที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น

ปัจจัยที่ทำให้มีกลิ่นตัว

ในบางคนก็มีกลิ่นตัวแรง แต่บางคนก็ไม่มี ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. เชื้อชาติ เช่น ชาวยุโรป ชาวอินเดีย พวกนี้จะมีกลิ่นตัวแรงกว่าชาวเอเชีย หรือคนผิวดำจะมีกลิ่นตัวแรงกว่าคนผิวขาว เป็นต้น

2. การรักษาอนามัยส่วนบุคคล ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วย คนที่อยู่ในเขตหนาวโอกาสที่เขาจะอาบน้ำชำระร่างกายก็จะน้อยกว่าคนในเขตร้อน เขาจึงมีกลิ่นตัวมากกว่า หรือคนที่อ้วนมากๆ มีโอกาสที่เหงื่อจะออกง่ายและออกมาก ทำให้คนอ้วนมักจะมีกลิ่นตัวมากกว่าคนผอม นักกีฬาที่ไม่ชอบอาบน้ำ เหงื่อจะออกมาหมักหมมกับเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้มีกลิ่นตัวแรง

3. อาหารที่เรากิน ถ้าเป็นอาหารประเภทเครื่องเทศ หัวหอม กระเทียม พวกนี้มีสารระเหยผสมอยู่ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง อาหารประเภทไขมัน นม เนย มีกรดไขมันสูง เมื่อกินเข้าไปสารระเหยในอาหารเหล่านี้มักจะปะปนออกมากับเหงื่อ ทำให้เกิดกลิ่นได้

4. ภาวะของร่างกายและจิตใจ โรคบางชนิดเป็นบ่อเกิดของสารชนิดหนึ่ง ที่จะทำให้มีกลิ่นปะปนออกมากับเหงื่อ อารมณ์เครียดเกินไปก็จะเป็นผลให้ต่อมเหงื่อขับเหงื่อออกมาเพิ่มขึ้น อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นเหงื่อได้ง่าย

กลิ่นกายกับกลิ่นตัว

ต่อมเหงื่อของคนเรามี 2 ชนิด คือ ต่อมเหงื่อทั่วไปตามร่างกาย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3 ล้านต่อม ซึ่งทำให้เกิดเหงื่อขึ้นเป็นผลให้มีกลิ่นตัวตามมาดังได้กล่าวไปแล้ว ต่อมเหงื่อที่อยู่บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า จะผลิตเหงื่อออกมาได้ง่ายเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น เวลาที่เราตื่นเต้นหรือตกใจ ส่วนต่อมเหงื่อที่อยู่ตามลำตัวจะถูกกระตุ้นออกมาได้ง่ายเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง เช่น ในเวลาที่อากาศร้อน ต่อมอีกชนิดหนึ่ง คือ “ต่อมกลิ่น” ทำหน้าที่ขจัดของเหลว สีขาวขุ่น และมีกลิ่นออกมา เรียกว่า “กลิ่นกาย”

ปกติทุกคนจะมีกลิ่นกายเป็นกลิ่นประจำตัวของแต่ละบุคคลซึ่งจะไม่เหมือนกัน ในทำนองเดียวกับที่แต่ละคนมีเสียง หรือลายมือที่แตกต่างกันออกไป กลิ่นนี้เป็นกลิ่นอ่อนๆ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นกลิ่นที่จะดึงดูดต่อเพศตรงกันข้าม ความรุนแรงของกลิ่นก็แล้วแต่บุคคล ตำแหน่ง สภาวะ และกรรมพันธุ์ของแต่ละคน

การขจัดกลิ่นตัว

ถ้าเราทราบว่าเราเป็นคนที่มีกลิ่นตัวแรง ก็จะต้องรักษาอนามัยส่วนตัว คือ หมั่นอาบน้ำเมื่อออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆ ระวังเรื่องอาหารที่กิน คนที่อ้วนเหงื่อออกมากก็จะต้องหมั่นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นอกจากนั้นก็ใช้พวกเครื่องสำอางที่จะลดปริมาณเหงื่อให้ลดน้อยลง

เครื่องสำอางระงับกลิ่นตัว

เครื่องสำอางพวกนี้จะมีส่วนประกอบของสารที่ระงับเหงื่อและฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ อันเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดกลิ่น เครื่องสำอางพวกนี้จะมีประสิทธิภาพในการลดเหงื่อได้ประมาณร้อยละ 20 คณะกรรมการอาหารและยาจึงอนุญาตให้จำหน่ายได้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ระงับกลิ่นตัวมีจำหน่ายในท้องตลาด มีทั้งแบบที่เป็นครีม โลชั่น ลูกกลิ้ง ชนิดแท่ง ผง สเปรย์ รวมทั้งชนิดที่เป็นน้ำยาใสๆ อีกด้วย

การออกฤทธิ์ของเครื่องสำอางเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็จะคล้ายคลึงกันโดยมีองค์ประกอบ คือ ตัวยาที่เป็นเกลือของอะลูมิเนียม ทำหน้าที่ในการระงับเหงื่อ โดยการไปอุดที่ต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกสู่ผิวหนังไม่ได้ ต่อมเหงื่อก็จะหยุดผลิตเหงื่อเอง และเนื่องจากสารดังกล่าวมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อจับกับแอมโมเนียหรือสารระเหยที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ทำให้สารนั้นระเหยไม่ได้เป็นผลให้กลิ่นไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ตัวสารที่เป็นเกลืออะลูมิเนียมยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด จึงนับได้ว่าผลิตภัณฑ์ประเภทระงับเหงื่อระงับกลิ่นกายที่มีขายในท้องตลาดมีประสิทธิภาพพอสมควร

อันตรายของเครื่องสำอางระงับกลิ่นตัว

ร่างกายของคนเราขับเหงื่อออกมาเป็นปกติของธรรมชาติ ถ้าเราไปใช้ยาระงับมิให้ร่างกายขับเหงื่อออกมา นับว่าเป็นวิธีการต่อต้านระบบธรรมชาติของเรา จะทำให้ระบบควบคุมอุณหภูมิการทำงานในร่างกายของคนเราเสียไป แต่จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์พบว่า การใช้ยาระงับเหงื่อเฉพาะที่ โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ที่แม้ว่าเราจำเป็นต้องใช้ทุกวันตลอดไป ก็ยังไม่พบว่าจะเกิดอันตรายใดๆ

น้ำหอมระงับกลิ่นตัว

การใช้น้ำหอมระงับกลิ่นตัวหรือที่เรารู้จักกันทั่วไปในรูปของดีโอดอร์แรนด์ (deodorant) ซึ่งอาจเป็นในรูปของน้ำหอมที่ตั้งไว้ในรถยนต์หรือในห้องน้ำให้กลิ่นที่สดชื่นระเหยออกมาเอง รวมถึงการผสมน้ำหอมชนิดนี้มาทาใต้รักแร้เพื่อระงับกลิ่นด้วย

น้ำหอมนี้อาจจะมีกลิ่นที่สดชื่นกลบกลิ่นตัวเราได้ แต่เมื่อนำหอมระเหยออกไปแล้ว กลิ่นตัว กลิ่นคราบเหงื่อไคลก็ยังอยู่ บางครั้งเมื่อน้ำหอมผสมกับกลิ่นเหงื่อก็อาจจะเกิดกลิ่นฉุนขึ้นมาอีกกลิ่นหนึ่งได้ น้ำหอมชนิดนี้จึงไม่ควรนำมาใช้ระงับกลิ่นตัว

กล่าวโดยสรุปสำหรับผู้ที่รู้ตัวเองว่าเหงื่อออกง่าย มีกลิ่นตัวแรง ก็ควรหมั่นอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด โดยเฉพาะหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ใส่เสื้อผ้าที่สะอาดทุกวัน และระมัดระวังในเรื่องอาหารที่จะใช้บริโภค ถ้าจำเป็นอาจใช้เครื่องสำอางระงับกลิ่นตัวได้ แต่ถ้าหากระวังรักษาอย่างที่ว่าแล้วยังมีกลิ่นตัวแรงอยู่ ก็ควรไปพบแพทย์ เพราะบางท่านอาจจะเกิดต่อมเหงื่ออักเสบใต้รักแร้ทำให้มีปัญหาของกลิ่นออกมา จึงควรให้แพทย์ทำการรักษา

ข้อมูลสื่อ

132-014
นิตยสารหมอชาวบ้าน 132
เมษายน 2533
เรื่องน่ารู้
ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล