ในนามของชาวพุทธต้องขอขอบคุณอย่างยิ่ง ต่อคุณนิยม ปุราคำ เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ได้เสนอผลการสำรวจเรื่องชาวพุทธที่เข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม ซึ่งก็คือกิจกรรมทางศาสนาให้ทราบโดยทั่วกัน
ท่านสำรวจด้วยการสัมภาษณ์หาตัวอย่างถึง 20,000 ครัวเรือน ทั่วประเทศ ทั้งในเขตเทศบาลและนอกเขตเทศบาล แล้วประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์
สถิติใหม่เอี่ยมของคุณนิยมนี้ ผมว่าเป็นสัญญาณบอกอันตรายทั้งในด้านความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และทั้งในด้านความสงบสุขของบ้านเมืองอีกด้วย
ในด้านความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ก็บอกให้สังฆมณฑลและนักการศาสนาได้ทราบทั่วกันว่า ที่เคยภาคภูมิใจกันนักว่า เมืองไทยเรานี้แสนดีหนักหนา เป็นป้อมปราการพระพุทธศาสนาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนั้น โปรดตื่นจากความฝันหวานได้แล้ว เพราะจากตัวเลขนั้นบ่งบอกความจริงว่า ดวงใจของชาวพุทธมากกว่า 50% เกิดมีหมู่ไม้มาป้อง มีขอบฟ้ามาบังไม่ให้ได้สัมผัสกับแสงธรรมเสียแล้ว
ปราการที่ว่าแข็งแกร่งนั้น กลับหมิ่นเหม่เป็นไม้ (กำแพง) ใกล้ฝั่งเสียแล้ว
ในด้านนักปกครองผู้รับผิดชอบต่อความสงบของบ้านเมืองไทยก็โปรดทราบว่า คนที่ไม่มีพระอยู่ในดวงใจนั้น มีมากกว่าครึ่งหนึ่งของพลเมืองทั่วประเทศแล้ว เขาเหล่านี้จะใจดำ-ใจบอด-ใจร้าย ก่อคดีอุกฉกรรจ์ที่โหดเหี้ยมได้ทุกกรณี คนที่มีผีซาตานอยู่ในดวงใจแทนพระนั้น ร้ายกว่าอสรพิษ เสือ-จระเข้-งูเป็นไหน ๆ เพราะสัตว์ร้ายเหล่านั้นมันร้ายกาจกับคนอื่น แต่มันผู้รู้จักยกเว้นให้ลูกเมียของมัน ถ้าสงสัยก็เชิญไปทัศนาจรเขาดินดูได้ แต่คนใจร้ายที่ไม่มีศาสนานั้น มันเชือดคอผัวแก้วเมียขวัญของมัน ฆ่าลูกในไส้ของมันได้อย่างสบายมาก
ถ้าไม่คิดแก้สถิติของคุณนิยมให้ใกล้ชิดศาสนามากขึ้นกว่านี้ ก็โปรดเตรียมเพิ่มงบประมาณจ้างตำรวจให้มากขึ้น รีบขยายเรือนจำให้สามารถรับนักโทษให้มากขึ้นได้แต่บัดนี้ และต้องขยายทุกปีด้วยครับ
เรามาศึกษาสถิติซึ่งรายงานความห่างเหินจืดจางจากวัฒนธรรม-พิธีกรรมของชาวพุทธได้แล้ว (จากตาราง)
ตารางการสำรวจการเข้าถึงธรรมของประชาชน
ในเขตเทศบาล นอกเขตเทศบาล
1. การฟังเทศน์
- ฟังประจำ 4.5 12.9
- เป็นครั้งคราว 20.0 37.1
- ไม่เคย 75.5 50.0
2. ฟังธรรมทางวิทยุ-โทรทัศน์
- ฟังประจำ 3.3 2.3
- เป็นครั้งคราว 17.2 13.3
-ไม่เคย 79.4 84.4
3. ทำบุญตักบาตร
- ตักบาตรประจำ 11.6 17.9
- เป็นครั้งคราว 46.7 41.0
- ไม่เคย 41.7 41.1
4. สวดมนต์ (ก่อนนอน)
- สวดประจำ 21.4 20.1
- เป็นครั้งคราว 30.2 26.0
- ไม่เคย 48.4 53.9
5. ฝึกสมาธิ-วิปัสนา
- เคยฝึก 3.3 2.7
- ไม่เคยฝึก 96.7 97.3
สรุปให้ฟังอย่างชัด ๆ ก็ว่ามีชาวพุทธ เพื่อนร่วมชาติของเรา สายเลือดอันเดียวกับเราอยู่ในแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองผืนเดียวกับเรา และเขาก็บอกว่าเป็นชาวพุทธเหมือนกับเรานี่แหละ แต่จะด้วยความยากจน จะด้วยโมหะอวิชชามาปิดบัง หรือจะด้วยความไม่เอาไหนในการเผยแผ่พระพุทธธรรมให้เข้าถึงดวงใจเขาก็ตามทีเถิด บัดนี้โปรดทราบเถิดเจ้าข้า พี่น้องชาวพุทธตาดำๆ ที่ไม่เคยฟังธรรมของพระบรมศาสดาเลยมีมากกว่า 60% ไม่เคยตักบาตรเลยมากกว่า 4o% ไม่เคยสวดมนต์ก่อนนอนเลยมากกว่า 50%
ต้องยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานของชาวพุทธผู้มีสติปัญญาทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของพระสงฆ์ องค์การพระพุทธศาสนา กรมการศาสนา กรมประชาสัมพันธ์ ครูบาอาจารย์และผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสในหมู่บ้าน ถ้าต่างสำนึกในหน้าที่ ประสานงานกันอย่างดี ด้วยกำลังเท่าที่มีอยู่เดี๋ยวนี้แหละ เราสามารถจะพลิกสถิติอันตรายจาก 50% ให้เป็น 70% ได้ในระยะเพียง 2-3 ปีเท่านั้น
การสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน และการตักบาตรเป็นครั้งคราวนั้น ต้องถือว่าเป็นปรอทเครื่องวัดความเป็นชาวพุทธระดับต่ำสุดแล้ว ง่ายกว่าการฟังธรรม ไม่ต้องไปวัด พระท่านกรุณาไปโปรดสัตว์ถึงบันไดบ้านอยู่แล้ว
จากสถิติตัวเลขของผู้ตักบาตรเป็นครั้งคราวของผู้ที่อยู่ในและนอกเขตเทศบาล สูงเป็นที่น่าพอใจถึง 40% ขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าอัตราปกติถึง 4 เท่านั้น ในฐานะที่ผมเป็นนักตักบาตรคนหนึ่ง ขอเรียนว่า นั่นเป็นอิทธิพลของวันพระครับ “วันพระสำนึก”
งานรณรงค์เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่มืดมัวให้กลับสว่างไสวขึ้นมา ดุจยุคสุโขทัยนั้น โปรดทราบว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวพุทธทุกคนครับ
ขอเสนองานเร่งด่วน เบาแรง ทำได้ทันทีก็คือ งานปลุกระดมให้พี่น้องชาวพุทธเห็นความสำคัญของ “วันพระ” ซึ่งจะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะกลับฟื้นคืนชีพสังคมของเราให้กลับเป็นสังคมพุทธแท้ ที่มีแต่ความอยู่เย็นเป็นสุขดังในบรรพกาล
โครงการวันพระนี้ ผมได้รับการถ่ายทอดมาจาก “หลวงพ่อใหญ่” สององค์ องค์แรก ท่านเจ้าคุณพระธรรมญาณมุนี แห่งวัดกวิศราราม ลพบุรี วัย 84 ครับ ท่านชี้ลงไปว่า
“เครื่องเหนี่ยวรั้งพระพุทธศาสนาให้อยู่ในความมั่นคง บริสุทธิ์ผ่องใสที่เป็นสำคัญประการหนึ่งก็คือ “วันพระ”-“การคิดถึงวันพระ”-“เรียกร้องวันพระให้กลับมา” โดยมุ่งหน้าประกอบกิจกรรมประจำวันพระ
วันของพระที่พระควรใช้เพื่อความแจ่มใสแห่งชีวิตพระ แต่พระไม่ใช้ แล้วความต่อเนื่องแห่งความเป็นพระที่น่าพึงพอใจจะอยู่ที่ไหน
โดยเฉพาะพระที่เป็นพระสังฆาธิการ โดยหน้าที่ควรต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรง”
จากลายแทงที่หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระธรรมญาณมุนีประทานให้แก่ชาวพุทธตั้งแต่พระสังฆาธิการลงมานั้น ทำให้ได้ข้อคิดว่า จุดแรกที่จะปลูกฝังให้สังคมพุทธเป็นพุทธที่มีชีวิตชีวานั้น จะต้องเรียกร้องรณรงค์ให้ทุกคน ตระหนักในความสำคัญของวันพระ มโนทุกดวงมอบถวายพระในวันพระ แล้วกุศลกรรมการตักบาตรในวันพระ การฟังเทศน์ในวันพระ ถึงไม่ใช้ที่วัด จะเป็นที่บ้านก็ได้ ฟังจากวิทยุ หรือจะทั้งชมทั้งฟังจากโทรทัศน์ก็ได้ จะพรั่งพรูออกมาทั่วบ้านทั่วเมืองไทย
สาธุ!
- อ่าน 2,546 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้