• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โรคน้ำตาคลอ

โรคน้ำตาคลอ

มิได้หมายความถึง
โรคขี้ร้องไห้ หรือขี้แย
มิใช่โรคที่เกิดจากผงเข้าตา หรือเยื่อตาอักเสบ
และก็ไม่ใช่โรคที่เกิดจากขนตาเก ทิ่มเข้าไปด้านใน หรือเปลือกตาม้วนเข้าด้านในเช่นกัน หากแต่.....

โรคน้ำตาคลอ หมายถึง “โรคท่อน้ำตาตัน” เป็นโรคที่พบว่า ตาข้างหนึ่งข้างใดมีน้ำตาคลอ คอยแต่จะเอ่อท้นออกมาบริเวณหัวตา หรือเปลือกตาล่างตลอดเวลา น้อยคนที่จะเป็นพร้อมกันทั้งสองข้าง คนไข้จะบ่นกับแพทย์ผู้ตรวจว่าวัน ๆ เช็ดแต่น้ำตา ไม่รู้มันท้นมาจากไหนกัน? เช็ดหรือซับน้ำตาจนบางครั้งเปลือกตาแดงช้ำ และพลอยอักเสบส่งไปเลยก็มี

 

อะไรคือสาเหตุ?
ก่อนจะทราบว่าอะไรคือสาเหตุควรจะทราบคร่าว ๆ ว่า ลูกตาของคนเรามีระบบการสร้างและขับน้ำตาอย่างไรเสียก่อน

น้ำตาที่หล่อเลี้ยงลูกตาให้ชุ่มชื้นหรือมีแววเป็นประกายแลดูสดใส ตาสะอาด ไม่กระด้างและแห้งเหมือนตาคนตาย ก็เพราะมีน้ำตาคอยหล่อเลี้ยงนี่แหละครับ น้ำตาที่หล่อเลี้ยงลูกตาถูกสร้างมาจากต่อมน้ำตาที่มีนิวาสสถานอยู่ตรงบริเวณใต้เปลือกตาบนค่อนไปทางด้านหน้า แล้วยังซุกตัวเองอยู่ใต้เปลือกขอบกระดูกเบ้าตาอีกชั้นหนึ่งด้วย มีขนาดเท่า ๆ กับปลายนิ้วหัวมือ เป็นรูปยาวรี ไม่สามารถจะคลำได้ในภาวะปกติ นอกเสียจากเกิดการอักเสบบวม หรือเป็นมะเร็งที่ต่อม จะโตยื่นล้ำย้อยลงมาทางด้านล่าง พอจะคลำด้วยปลายนิ้วมือเราได้

ตัวต่อมน้ำตาจะมีท่อขับน้ำตาที่สร้างแล้วให้น้ำตาไหลซึมเพื่อหล่อเลี้ยงลูกตาด้านหน้าอยู่ประมาณ 10-12 ท่อเล็ก ๆ เมื่อน้ำตาถูกขับมาจากต่อม จะไหลลงมาเคลือบตาด้านหน้าดังกล่าวแล้ว จากนั้นด้วยกลไกการกะพริบตาของคนเรา ทำให้น้ำตาที่หล่ออยู่ถูกขับออกไป โดยจะไหลเข้าสู่รูเปิดของทางเดินน้ำตา ซึ่งมีอยู่บริเวณหัวตาทั้งบนและล่าง
ถ้าท่านส่องกระจกดูตาตัวเอง แล้วเอานิ้วชี้ดึงเปลือกตาล่างให้แบะลงโดยเฉพาะตรงบริเวณหัวตา จะมองเห็นมีรูเล็ก ๆ ตรงขอบตาหนึ่งรู รูนี้แหละที่จะเป็นทางให้น้ำตาที่ถูกขับไล่ด้วยการกะพริบตา หรือหลับตาแรง ๆ ไหลเข้าสู่ท่อใหญ่ซึ่งซุกอยู่ชิดกระดูกดั้งจมูกแล้วไหลลงล่างตามท่อส่งออกเข้าสู่โพรงจมูก เป็นอันสุดท้าย(ดังรูป)
                                     
ภาพวาด : แสดงทางเดินของน้ำตา เริ่มตั้งแต่ขับออกจากต่อมน้ำจนกระทั่งไหลลงสู่โพรงจมูกส่วนล่าง ตามทิศทางของลูกศร

ขอบเปลือกตาด้านบนจะมีรูเปิดเล็ก ๆ หนึ่งรูเช่นเดียวกับด้านล่างและอยู่ตรงกันพอดี ช่วยขับน้ำตาเข้าสู่ท่อใหญ่ไหลลงสู่โพรงจมูกเช่นเดียวกับรูที่เปลือกตาล่างส่วนตาอีกข้าง ก็จะมีลักษณะของการสร้างและขับน้ำตาเช่นเดียวกัน
เหตุที่ทำให้น้ำตาท้นเอ่อเข้าตาอยู่ตลอดเวลา ก็จะมีต้นตอมาจากภาวการณ์อุดตันของรูเปิดบริเวณหัวตาทั้งด้านล่างที่กล่าวนี้แหละครับ ทำให้น้ำตาไหลผ่านเข้าสู่ท่อใหญ่ใกล้ดั้งจมูกไมได้ หรืออาจจะเป็นเพราะมีการอุดตันบริเวณใดบริเวณหนึ่ง นับตั้งแต่รูเปิดบริเวณหัวตาเรื่อยไปจนกระทั่งรูที่เปิดออกสู่โพรงจมูกด้านล่างโน่นเลยก็ได้

 

อะไรเล่าที่จะเป็นตัวต้นเหตุให้เกิดการอุดตันดังกล่าว
ต้นเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันมีได้จากหลายสาเหตุ ทั้งนี้ก่อนจะกล่าวถึงว่า อะไรคือต้นเหตุของการอุดตัน อยากจะเรียนให้ทราบก่อนว่า ภาวะน้ำตาท้นนี้ สามารถเกิดได้นับตั้งแต่เด็กแรกเกิด ช่วงหนึ่ง กับอีกช่วงหนึ่ง คือ ช่วงอายุเข้าวัยกลางคน ถึงวัยชรา หมายถึงตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ช่วงระหว่างกลางของสองอายุนี้ไม่ค่อยพบ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ไม่มีใครทราบแน่ ทำให้พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ สบายใจไปได้ว่า การจะเป็นโรค “น้ำตาคลอ” จากภาวะท่อน้ำตาอุดตันมีน้อย แต่อาจจะน้ำตาคลอจากอย่างอื่น ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เสียละมากกว่า มิใช่หรือ?

สาเหตุที่จะพบว่าน้ำตาคลอตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือ 2 ข้างในเด็กแรกเกิด หมายถึง นับตั้งแต่หลังคลอดประมาณ 2 อาทิตย์ไปแล้ว (เพราะเด็กแรกเกิดจะเริ่มมีน้ำตาให้เห็นประมาณวันที่ 10-12) พ่อแม่เด็กหรือผู้ปกครอง หรือกุมารแพทย์ จะสังเกตว่าตาเด็กข้างนั้น ๆ จะมีน้ำตาคลออยู่ตลอดเวลา และอาจมีขี้ตาปนด้วยเป็นครั้งคราว ทั้งนี้เป็นเพราะท่อส่งน้ำตา ให้น้ำตาไหลลงสู่โพรงจมูกตันเสียแล้ว หรือมิฉะนั้นรูเปิดบริเวณขอบตาใกล้หัวตามีเนื้อเยื่อ หรือเศษเยื่ออะไรบาง ๆ ไปอุดคลุมไว้ น้ำตาเข้าไม่ได้
พบว่า ประมาณ 1 ใน 100 ของเด็กแรกเกิด มักมีภาวะน้ำตาคลอจากการที่มีอะไรอุดท่อน้ำตา ในจำนวนนี้ 90 เปอร์เซ็นต์ มีสาเหตุมาจากเซลล์ที่อยู่ในน้ำคาวปลาภายในโพรงมดลูกเข้าไปอุดขณะที่ทารกยังขดอยู่ภายในนั้น ที่เหลือ 9 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากเซลล์ที่ก่อตัวเป็นท่อน้ำตาแตกแยกตัวให้เป็นช่องไม่สมบูรณ์ อีก 1 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ อาจเป็นเพราะโครงกระดูกที่ก่อตัวเป็นดั้งจมูกผิดรูปผิดร่างไป ทำให้ท่อระบายน้ำตาที่วางทอดขนานไปกับผิวส่วนหน้ากระดูกบริเวณดังกล่าว ถูกบีบ หรือผิดรูปผิดร่างไป น้ำตาที่ไหลลงมาออกสู่โพรงจมูกไม่ได้ จึงทันอยู่บริเวณส่วนขอบตาด้านบน

ส่วนในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบ ส่วนมากจะมีความสัมพันธ์กับภาวะก่อนหรือหลังจะหมดการมีประจำเดือนของคุณน้า หรือคุณป้าคนนั้น ๆ เพราะสถิติที่มีอยู่ตำราท่านว่า ในกลุ่มที่เป็นตอนอายุมาก ๆ นี้ 8 ใน 10 คน มักพบในผู้ป่วยเพศหญิงที่อยู่ในระยะก่อนหรือหลังจะหมดประจำเดือนดังกล่าว ในผู้ป่วยที่เป็นคุณลุงหรือคุณอาพบน้อย (ท่านผู้อ่านที่เป็นชายก็คงสบายใจไปได้อีกขั้น) สาเหตุอื่น ๆ ที่พอจะเป็นข้อสนับสนุนการเกิดภาวะนี้ได้ อาจจะมีจากการเป็นโรคเยื่อตาอักเสบเรื้อรัง หรือโดนกระทบกระแทกบริเวณดั้งจมูกถูกตัดขาด หรือมีการอักเสบ ติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ช่องทางอุดตัน ฯลฯ เป็นต้น

 

อาการของโรคนี้เป็นอย่างไร
อาการของโรคทางเดินน้ำตาอุดตัน จะมีน้ำตาคลอตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นภาวะไหน ๆ ดีใจ เสียใจ หัวเราะ น้ำตาจะไหลอยู่เสมอจนรู้สึกรำคาญ วันดีคืนดีอาจมีขี้ตาปนออกมาด้วย เพราะมีเชื้อแบคทีเรียเข้าไปซ้ำเติม ร้ายยิ่งกว่านั้นอาจอักเสบแบบเฉียบพลันขึ้นมาได้ ทำให้บริเวณหัวตาใกล้ดั้งจมูกเป็นก้อนบวมแดงขึ้นมาคล้ายเป็นฝีกลัดหนอง และจะปวดมากเมื่อเอานิ้วไปถูกต้อง

 

ถ้าเป็นแล้วมีทางจะรักษาให้หายได้ไหม
การรักษาในเด็กทารกแรกเกิด ถ้าบิดามารดา หรือผู้ปกครองสงสัย ให้รีบพาไปปรึกษาหมอตาทันที อย่ารีรอหรือเข้าใจเอาเองว่า โตขึ้นจะหายได้เอง จริงอยู่เด็กบางคนเป็นอยู่ 2-3 อาทิตย์ อาจหายไปได้เอง แต่ก็น้อยคนและแสดงว่าเป็นเพียงเล็กน้อย พอเด็กไปหรือจามทำให้เซลล์ที่อุดอยู่หลุดออกไปได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอยู่ตลอดไป

การรักษาที่ถูกต้อง จะต้องล้างท่อน้ำตาด้วยน้ำยา เพื่อฉีดดันหรือไล่ให้เซลล์ที่อาจมาอุดอยู่บริเวณรูเปิดให้หลุดออกไปเสีย ทำเพียงครั้ง หรือสองครั้งก็จะหายขาด ถ้าปล่อยทิ้งไว้รักษายาก โดยเฉพาะในผู้ใหญ่มักจะปล่อยให้เป็นกันนานแรมปี พวกนี้ต้องมาล้างท่อน้ำตา และแยงท่อน้ำตาให้รูเปิดกว้างขึ้น บางคนมาทำหลายครั้งจึงจะหาย แต่บางคนก็ไม่หาย ต้องผ่าตัดเปิดทางเดินออกของน้ำตาให้ใหม่ ให้ไหลเข้าสู่โพรงจมูกโดยตรงเลย

จึงจะเห็นได้ว่า โรคท่อน้ำตาอุดตันหรือน้ำตาคลอพบได้เสมอไม่ว่าทารกแรกเกิด คุณน้า คุณป้า คุณอา คุณลุง ของท่าน หรืออาจจะเป็นกับตัวของท่านเองเข้าสักวันก็ได้ ขอได้โปรดหมั่นสังเกตบ้างว่า ระยะนี้ท่านซับน้ำตาบ่อยหรือเปล่า โดยที่มิได้มีอาการระคายเคืองตา หรือมิได้มีอะไรเข้าตา หรือเสียอกเสียใจอะไรสักน้อยก็หาไม่ หรือแม้จะหัวเราะชอบใจอะไร ทำไมน้ำตาจึงไหลอยู่นานอย่างผิดสังเกต ขอได้โปรดนึกถึงโรคนี้บ้างนะครับ

มิฉะนั้นท่านอาจจะลืม และคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ปล่อยไว้จนเวลาล่วงไปแรมเดือนแรมปี จนกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป และยังต้องมาปลงกันทีหลังอีกว่า “โธ่ รู้งี้ไปให้หมอล้างท่อน้ำตาเสียตั้งแต่แรกก็สบายไปนานแล้ว ไม่น่าจะมาทรมานรำคาญใจอยู่จนเดี๋ยวนี้เลย พับผ่าซี!!

 

ข้อมูลสื่อ

23-012
นิตยสารหมอชาวบ้าน 23
มีนาคม 2524
โรคตา
นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์