• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง เรื่องการกุมกำเนิด

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง เรื่องการกุมกำเนิด

ในสมัยนี้ เรื่องการวางแผนครอบครัว การคุมกำเนิด เป็นที่รู้จักและยอมรับกันแล้วอย่างดีในเขตเมือง ส่วนในเขตชนบทที่ห่างไกล ชาวบ้านต่างยอมรับเรื่องนี้แล้วเช่นกันสามารถที่จะพูดคุยเรื่องนี้กันได้อย่างเปิดเผย ไม่มีความอายว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรพูดในที่ชุมชนแต่อย่างใด ชาวบ้านสามารถมองซึ้งถึงปัญหาที่เกิดจากการเพิ่มจำนวนของประชากรอย่างรวดเร็ว สามารถเรียนรู้ได้ว่าการมีลูก 1 คนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูลูกเท่ากับเงิน 3 แสนบาท ในเวลา 20 ปีหรือตั้งแต่แม่ตั้งท้องจนลูกอายุได้ 20 ปี คิดเฉพาะค่าข้าวอย่างเดียว ถ้าอยู่ในเมืองก็เท่ากับ 3 หมื่น 5 พันบาท และถ้าอยู่ในหมู่บ้านไม่ต้องซื้อข้าว ก็เท่ากับข้าวเปลือก 10 เกวียน เป็นต้น ดังนั้นการมีลูกมากๆ จึงเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในเรื่องปัญหาการเลี้ยงดู

แต่ในบรรดาชาวบ้านทั้งหลายที่ใช้วิธีคุมกำเนิดอยู่ในขณะนี้ ก็ยังมีปัญหาอยู่ในหลายด้านด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวที่ว่ามีความเชื่อในข่าวลือหรือความเชื่อที่ผิดๆ ทั้งนี้เป็นเพราะไม่ได้ข้อมูลความจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีคุมกำเนิดในแต่ละแบบจากการที่ชาวบ้านเหล่านี้ยังอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ ที่ห่างไกล การคมนาคมไม่สะดวกเท่าที่ควร หรือบุคคลากรทางการแพทย์ที่ยังไม่เพียงพอและทั่วถึงจึงก่อให้เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ เกิดความลังเล ไม่กล้าที่จะใช้วิธีคุมกำเนิดแบบต่างๆ ทั้งๆ ที่ตนเองก็มีความต้องการที่จะคุมกำเนิดเพื่อให้มีลูกน้อยๆ คน

ที่เห็นได้ชัดก็คือ ในเรื่องยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งเป็นยาที่ฝ่ายหญิงจะต้องกินทุกวันเพื่อป้องกันการตั้งท้องในรายที่เพิ่งเริ่มต้นกินยาใหม่ๆ อาจจะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน คล้ายกับคนแพ้ท้องเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาที่สุด เพราะร่างกายกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับยา แต่อาการดังกล่าวจะเป็นอยู่ในแค่ช่วงระยะแรกๆ เท่านั้น แล้วก็จะหายไป บางคนที่กินยาแล้วเกิดอาการดังกล่าวและไม่ได้ทราบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเกิดความเชื่อว่ากินยาเข้าไปแล้วทำให้ไม่สบาย และพูดกันต่อๆ ไปทำให้เกิดข่าวลือที่ไม่ดีขึ้น ซึ่งความจริงแล้ว วิธีแก้อาการดังกล่าวทำได้ง่ายมาก นั่นก็คือ ควรจะกินยาเม็ดคุมกำเนิดในช่วงเวลาหลังอาหารหรือก่อนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน ทั้งนี้เพราะการกินยาเม็ดคุมกำเนิดในขณะที่ยังมีอาหารอยู่เต็มกระเพาะนั้น จะช่วยให้ยาละลายได้อย่างรวดเร็ว และการกินยาก่อนนอนจะช่วยให้อาการคลื่นไส้ลดน้อยลงได้หรือไม่เกิดขึ้นเลย นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ไม่ลืมกินยาได้ดีอีกด้วย

ยาเม็ดคุมกำเนิดนี้ นอกจากจะมีความดีในด้านที่ช่วยไม่ให้ท้องแล้วยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากโดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับการมีประจำเดือน เช่น ในกรณีที่ผู้หญิงบางคนประจำเดือนมาไม่ตรงสม่ำเสมอ เช่น เดือนหนึ่งมาครั้งหนึ่งแล้วหายไปอีก 2 เดือน ถึงจะมาอีกครั้ง อย่างนี้ผู้หญิงคนนี้สมควรที่จะกินยาเม็ดคุมกำเนิดเพราะ ยาเม็ดคุมกำเนิดจะผลช่วยให้ประจำเดือนมาตรงเวลาทุกเดือน ทั้งยังช่วยให้จำนวนของประจำเดือนที่มีมาทุกเดือนมีในจำนวนพอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป นอกจากนี้ยาเม็ดคุมกำเนิดยังช่วยลดอาการไม่สบายต่างๆ ที่ผู้หญิงเรามักประสบในระหว่างการมีประจำเดือนให้ลดน้อยลงอีกด้วย เช่น อาการปวดท้อง ปวดหลัง ฯลฯ ยาเม็ดคุมกำเนิดจะช่วยลดอาการเหล่านี้ลงได้

และในระหว่างที่ผู้หญิงกินยาเม็ดคุมกำเนิดอยู่นั้น ก็สามารถที่จะทำงานทำการต่างๆ ได้ตามปกติ ยาเม็ดคุมกำเนิดจะไม่ก่อให้เกิดอาการเหนื่อยอ่อนแต่อย่างใด เพราะยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นยาที่ช่วยป้องกันการตั้งท้องเท่านั้น ไม่ใช่ยาที่ใช้รักษาให้หายเจ็บป่วย จึงทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียตรงกันข้ามยาเม็ดคุมกำเนิดกลับจะช่วยให้ผู้หญิงนั้นดูมีน้ำมีนวล สมบูรณ์ขึ้นกว่าเก่า ทั้งนี้เพราะหมดกังวลว่าจะท้องอีกทำให้สามารถมีความสุขร่วมกันฉันสามีภรรยาได้อย่างหมดกังวล ผู้หญิงที่กินยาคุมจึงมีผิวพรรณเป็นน้ำเป็นนวลสวยขึ้นกว่าเดิม จึงบางคนเรียกว่า “ยาทำให้ผัวรัก” ก็มี

ยาเม็ดคุมกำเนิดนี้ยังสามารถกินติดต่อกันไปได้นานเท่านานเท่าใดก็ได้ เพราะผู้กินยานี้ติดต่อกันไปหลายปี ก็ไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด และเมื่อใดที่ต้องการมีลูกก็เพียงแต่หยุดกินยา ก็สามารถมีลูกได้อีกตามต้องการ และเด็กที่คลอดออกมาก็มีสุขภาพสมบูรณ์ทุกอย่าง ลูกแต่ละคนก็แข็งแรงดีเป็นพิเศษ การคลอดก็ไม่มีความลำบากแต่อย่างใด คงเป็นไปตามธรรมชาติทุกอย่าง และยังไม่มีหมอคนใดเคยค้นพบว่าจะมีสาเหตุมาจากการกินยาเม็ดคุมกำเนิดแต่อย่างใด เป็นเพียงแต่ข่าวลือกันไปเท่านั้น แต่อันตรายที่แท้จริงนั้นกลับจะมาจากการตั้งท้องและมีลูกบ่อยครั้งและถี่จนเกินไป โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป

ในเรื่องยาเม็ดคุมกำเนิดนี้ อาสาสมัครวางแผนครอบครัวชุมชน สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ซึ่งจะสังเกตได้จากป้ายสี่เหลี่ยมสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ พร้อมบริการให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิด การวางแผนครอบครัวแก่ชาวบ้านในละแวกของตน

ส่วนในกรณีที่ผู้ที่ไม่ต้องการมีลูกอีกต่อไป หรือมีลูกตามจำนวนที่ต้องการแล้ว ก็สมควรที่จะใช้วิธีคุมกำเนิดแบบถาวร นั่นคือ ทำหมันทั้งชายและหญิง ไปเสียเลย ในเรื่องการทำหมันนี้ โดยเฉพาะทำหมันชาย ประชาชนในชนบทยังมีความเชื่อที่ผิดๆ ในความคิดดั้งเดิมที่ว่าการทำหมันชาย คือ การตอน หรือหากทำแล้วจะทำให้ความเป็นชายลดน้อยลงได้ ซึ่งความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิดอย่างยิ่ง เพราตามหลักทางการแพทย์แล้ว การทำหมันชาย ก็คือ การผูกท่อหรือตัดท่อนำเชื้ออสุจิชายไม่ให้ผ่านเข้าไปผสมกับไข่ของฝ่ายหญิงได้ การทำหมันชายจึงมิใช่การตอน หรือ การตัดลูกอัณฑะดังข่าวลือหรือความเชื่อเก่าๆ นอกจากนี้การทำหมันชายยังไม่มีผลกระทบกระเทือนต่ออัณฑะในการสร้างฮอร์โมนเพศ ดังนั้น ความเป็นชายก็ยังเป็นปกติ การบ้านการเรือนก็ยังแจ๋วอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น ชายทุกคนทุกอาชีพ หลังจากที่ทำหมันแล้ว จึงมั่นใจได้ว่าสามารถที่จะทำงานหนักได้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นงานแบกหาม ทำไร่ทำนา ถางป่า ตัดไม้หรืองานหนักที่ใช้กำลังทุกอย่าง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าการทำหมันนี้เป็นเรื่องง่ายจริงๆ ก็คือ จากการที่สำนักงานบริการวางแผนครอบครัวชุมชน ร่วมกับคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยราชการหลายหน่วยจัดทำโครงการหมันชายขึ้นที่จังหวัดมหาสารคามนั้น ผลปรากฏว่าเพียงชั่วระยะเวลา 3 วัน ปรากฏว่ามีผู้ชายมาทำหมันไปแล้วถึง 264 รายซึ่งย่อมเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่าการทำหมันชายนั้น ทำได้สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัยจริงๆ เพียง 15 นาทีก็กลับบ้านได้ โดยบุคคลเหล่านี้มิได้มีความเชื่อในข่าวลือที่ผิดๆ แต่อย่างใด เพราะพวกเขาได้เห็นแล้วว่า เมื่อทำหมันแล้ว พวกเขาก็ยังสามารถทำงานหนักได้เหมือนเดิม การบ้านการเรือนก็ยังแจ๋วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ส่วนในด้านการทำหมันหญิงนั้นตามหลักการแพทย์แล้ว การทำหมันหญิงมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันมิให้เกิดการตั้งท้อง เพื่อป้องกันมิให้ไข่ของฝ่ายหญิงพบกับอสุจิของฝ่ายชายได้ ไข่ที่ผลิตขึ้นมาเรื่อยๆ ก็จะสลายตัวไปเรื่อยๆ ภายในท่อรังไข่นั้น ส่วนฮอร์โมนเพศที่รังไข่ผลิตขึ้นมานั้นก็สามารถควบคุมการทำงานของร่างกายได้ตามปกติ ดังนั้นหญิงที่ทำหมันแล้วจึงมีร่างกายและสุขภาพเหมือนเดิมทุกประการ อวัยวะส่วนต่างๆ ไม่ได้ถูกตัดทิ้งหรือนำออกจากร่างกาย มดลูก รังไข่ ก็ยังอยู่เป็นปกติและทำหน้าที่เหมือนเดิมทุกอย่าง

ผู้หญิงที่ไม่รู้ถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ก็จะมีความวิตกกังวลว่า ทำหมันไปแล้วจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น อ้วนขึ้นหรือผอมลง ร่างกายอ่อนเพลียเหนื่อยง่าย ทำงานหนักไม่ได้เหมือนเดิม ใจคอสั่น ความรู้สึกทางเพศหมดไปหรือรุนแรงยิ่งขึ้น ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจเนื่องมาจากสาเหตุอื่น เช่น วัยและอายุมากแล้ว รับประทานอาหารมากเกินไปทำให้อ้วนหรือขาดสารอาหาร ทำงานหนัก ขาดการพักผ่อนพอเพียงทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ซูบผอมหรือเกิดจากการเป็นโรคบางอย่างซึ่งควรไปปรึกษาหมอ เพื่อหาความผิดปกติต่อไป แต่ไม่ได้เกิดมาจากการทำหมันแต่อย่างใด

โดยสรุปแล้ว วิธีคุมกำเนิดแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดคุมกำเนิด หรือการใส่ห่วงอนามัย ทำหมันทั้งชายและหญิง ฯลฯ ไม่มีผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใดเหมือนดังข่าวลือหรือความเข้าใจผิดเก่าๆ ซึ่งความจริงแล้ววิธีคุมกำเนิดแบบต่างๆ นี้จะมีผลก็ในการช่วยในการป้องกันการตั้งท้อง และยังช่วยให้สุขภาพของผู้ใช้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

“ลูกมากจะยากจน”

ข้อมูลสื่อ

2-022
นิตยสารหมอชาวบ้าน 2
มิถุนายน 2522
มีชัยซะอย่าง