กามโรค
กามโรคนี้เคยเรียกกันว่า “โรคบุรุษ” ก็มี เรียกว่า “โรคสตรี” ก็มีอย่างจีนงี้เรียกว่า “จาโบ๊ฮวง” หรือโรคสตรีทีเดียว ญวนเรียกว่า “ปั๊กชุมพ่อง” ก็ไม่ทราบว่าแปลว่า บุรุษหรือสตรี
ก็โทษกันไปโทษกันมา ที่แท้มันก็ทั้งบุรุษและสตรีจึงเกิดกามโรคได้
กามโรคมีหลายชนิด ที่สำคัญคือ หนองใน กับ ชิฟิลิส แต่ก็ยังมีชนิดอื่นๆ อีก ตามที่จะกล่าวต่อไป
1. หนองใน
หนองใน นี้ทางแพทย์เรียกว่า โกโนเรีย เกิดจากเชื้อโกโนเรีย ซึ่งเป็นชนิดจำเพาะมีลักษณะคล้ายเม็ดกาแฟแฝด
หนองในเป็นกามโรคที่พบบ่อยกว่าซิฟิลิสและกามโรคชนิดอื่นๆ มาก
อาการที่สำคัญ ในผู้ชาย คือ ถ่ายปัสสาวะแสบลำกล้อง หรือมีหนองไหลออกมาจกท่อปัสสาวะ ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะมีอาการตกขาว ทั้งนี้จะเป็นในระยะ 1 ถึง 10 วัน หลังจากร่วมเพศที่อาจเป็นเหตุ (โดยมากก็ผู้ชายนั่นแหละ ไปเที่ยวส่ำส่อน แล้วก็เอาเชื้อมาติดภรรยา)
การอักเสบอาจทำให้ไข่ดัน (ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ) บวมและเจ็บด้วย
เชื้อโกโนเรียถ้าเข้าตาอาจทำให้ตาอักเสบ และตาบอดได้ (เขาจึงห้ามไปเอาผ้าขาวม้าของผู้ชายพรรค์อย่างว่ามาเช็ดหน้า) ถ้าแม่เป็นโรคหนองใน ขณะที่คลอดเชื้ออาจเข้าตาเด็กทำให้ตาบอดได้ ฉะนั้นในกรณีที่สงสัย เมื่อเด็กคลอดเขาจึงหยอดตาเด็กด้วยยาฆ่าเชื้อหนองใน
หญิงที่เป็นหนองในเรื้อรัง อาจมีการอักเสบของปีกมดลูก ทำให้ไข่เดินมาสู่โพรงมดลูดไม่สะดวก อาจมีสาเหตุให้มีการตั้งท้องนอกมดลูกได้ เนื่องจากการที่มีหนองไหล จากท่อปัสสาวะหรือมีการตกขาวทางช่องคลอดไม่จำเป็นต้องเกิดจากเชื้อหนองในเสมอไป การที่จะวินิจฉัยว่าเป็นหนองในได้แน่นอน ต้องเอาหนองไปย้อมแล้วตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ แล้วพบเชื้อหนองใน
โรคหนองในแต่เดิมรักษาด้วยเพนนิซิลลินได้ผลดี แต่ระยะหลังนี้เชื้อหนองในดื้อต่อยานี้มากเสียแล้ว การรักษาในปัจจุบันที่ดีที่สุดและถูกที่สุด คือ การใช้แอมพิซิลลิน 2 กรัม ร่วมกับโปรเบเนซิด 1 กรัม
กินโปรเบเนซิด 1 กรัม (2 เม็ดๆ ละ 1/2 กรัม) ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนแล้วกินแอมพิซิลลิน 2 กรัม (8 หลอดๆ ละ 250 มิลลิกรัม) เท่านั้นเป็นเสร็จพิธี หนองในส่วนใหญ่จะหายด้วยวิธีนี้
โปรเบเนซิด ไม่ได้ฆ่าเชื้อหนองใน แต่ไปห้ามไตมิให้ขับถ่ายแอมพิซิลลินเร็วนัก ทำให้แอมพิซิลลินคงอยู่ในเลือดได้ระดับสูง ทำให้ฆ่าเชื้อได้ดีขึ้น โปรเบเนซิด 1 กรัม ราคาบาทกว่าเกือบสองบาท แอมพิซิลลิน หลอดละ 2 บาท 8 หลอดก็ตก 16 บาท
2. หนองในเทียม
หนองในเทียม หมายถึง การมีหนองออกทางท่อปัสสาวะ หรือตกขาวทางช่องคลอด เหมือนเป็นหนองในแท้ แต่มิได้เกิดจากเชื้อโกโรเนีย หากแต่เกิดเชื้ออื่นๆ อะไรก็ได้ เช่น เชื้อแบคทีเรียตัวอื่นๆ เชื้อรา เชื้อพยาธิ ฯลฯ จะเกิดจากการร่วมเพศหรือไม่เกิดจากการร่วมเพศก็ตาม
ในกรณีที่อาจเป็นทั้งหนองในแท้ และหนองในเทียม วิธีที่จะแยกจากกันได้ก็คือ การตรวจหาเชื้อที่เป็นต้นเหตุดังกล่าวแล้ว
หากไม่สามารถทำการตรวจเชื้อได้เพราะเหตุใดก็ตามให้ทำการรักษาแบบหนองในแท้ดังกล่าวแล้วข้างต้น ถ้ายังไม่หายให้กินยา เมโทรไนตาโซล ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน เพราะส่วนหนึ่งของหนองในเทียมเกิดจากเชื้อทริโคโมแนส วาไจนาลีส (รายละเอียดอ่านในคอลัมภ์ทันโรคฉบับนี้ด้วยครับ) ยาเมโทรไนตาโซล เป็นยาฆ่าเชื้อ ทริโคโมแนสวาไจนาลีส และเป็นยาตัวเดียวกันที่ฆ่าเชื้อบิดอะมีบ้า ยานี้ราคาเม็ดละ 50 สตางค์
ถ้ายังไม่หายก็เห็นท่าจะต้องไปหาหมอล่ะครับ
3. ซิฟิลิส
โรคซิฟิลิส พบน้อยกว่าหนองในแต่ทำให้เกิดความเสียหายได้ร้ายแรงกว่า โรคนี้เกิดจากเชื้อที่มีรูปร่างเป็นเกลียวสว่าน (Spirochaete) ชนิดหนึ่งเรียกว่า ทริโปนีมา พัลลิดัม (Treponema)
โรคซิฟิลิสมี 4 ระยะ คือ
- ระยะที่ 1 เป็นแผล
แผลซิฟิลิสเกิดที่อวัยวะเพศชายมากกว่าหญิง เกิดหลังร่วมเพศ 10 ถึง 90 วัน ถ้าแผลเกิดภายในวันสองวันหลังร่วมเพศมักจะไม่ได้เกิดจากซิฟิลิส ตอนแรกจะเป็นกลุ่ม แล้วผิวบนแตกออกเป็นแผล แผลจะมีลักษณะขอบแข็งคล้ายยางลบ พื้นแผล สีแดง แผลนี้ไม่เจ็บ
แผลที่อาจเกิดที่บริเวณอื่น เช่น ขา ทวาร ริมฝีปาก สุดแต่ว่าเชื้อมันเข้าไปที่ใดบ้าง ระยะนี้ถ้าตรวจเลือดอาจยังไม่พบ “บวก” ก็ได้
- ระยะที่ 2 เข้าข้อ ออกดอก
ระยะนี้เกิดหลังจากระยะแรกประมาณ 6 สัปดาห์มีอาการปวดข้อ และมีผื่นขึ้นตามตัว ผื่นนี้ไม่คัน ระยะนี้ถ้าตรวจเลือดจะพบ “บวก” ชัดเจนผื่นจะหายไปเองโดยไม่ต้องรักษา และเข้าสู่ระยะที่ 3
- ระยะที่ 3 แฝงตัว
ระยะนี้ไม่มีอาการอะไร แต่เชื้อซิฟิลิส แฝงอยู่ข้างในอาจอยู่เป็นปีๆ หรือเป็นสิบปีกว่าจะโผล่เป็นระยะที่ 4
- ระยะที่ 4 ทำลาย
ระยะนี้มีการทำลาย ลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจรั่วบ้าง หลอดเลือดใหญ่โป่งพองบ้าง ทำลายสมองอาจทำให้เป็นอัมพาตบ้าง หรือมีสมองเสื่อมบ้าง ถ้าถึงระยะนี้ยากหรือไม่สามารถที่จะแก้ไขให้กลับคืนปกติได้
ซิฟิลิสจึงร้ายกว่าหนองในด้วยประการฉะนี้ คนที่เป็นซิฟิลิส อาจไม่ปรากฏแผลให้เห็นดังในระยะที่ 1 หรือมีเข้าข้อออกดอกในระยะที่ 2 ก็ได้ คือ เป็นการรุกเงียบ เข้าไปแฝงตัวอยู่ในร่างกาย รอระเบิดออกมาเป็นระยะที่ 4 เลย คนที่เป็นหนองในอาจเป็นซิฟิลิสแถมไปด้วยโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ทางที่ดีควรจะตรวจเลือดดูว่ามันบวกหรือไม่ การทดสอบสำหรับซิฟิลิสเขาเรียกว่า วีดีอาร์แอล (VDRL) คนที่เป็นนักเลงพรรค์อย่างว่า ก็ควรจะตรวจดูเป็นครั้งคราว
ซิฟิลิสนี้อาจไปติดภรรยาโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ทำให้เด็กตายในท้อง หรือเกิดมาก็เป็นซิฟิลิสเลย เด็กจะมีอาการบวม ซีด เหลือง ผิวหนังลอกน่าเกลียด ในหญิงมีท้องเขาจึงส่งเลือดตรวจว่ามีซิฟิลิสแฝงอยู่หรือไม่ ถ้ามีจะได้รักษาเสียแต่เนิ่นๆ
ในการรักษาซิฟิลิส นั้นยังจะต้องเจ็บตัวเพราะหมอจะฉีดยา ซึ่งมีหลายวิธี เช่น
1. ฉีด แพมหรือ PAM (Procain Penicillin With Aluminium Monosterate) 2.4 ล้านยูนิตเข้าสะโพกครั้งแรกและให้อีก 1.2 ล้านยูนิตทุก 3 วันอีก 2 ครั้งหรือ
2. ฉีด เพนนิซิลลิน จี โซเดี้ยม 6 แสนยูนิตต่อวันเป็นเวลา 8 วันหรือ
3. ฉีดเบนซาธีน เพนนิซิลลินเข้าสะโพกทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1.2 ล้านยูนิต
ถ้ารักษาตามข้าวต้นด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งแล้วยังไปเที่ยวซุกซนจนเป็นใหม่ ก็ต้องตั้งต้นฉีดกันใหม่ทุกครั้งไป ถ้าซวยก็อาจแพ้ เพนนิซิลลิน ทางที่ดีล่ะก็ อย่าให้เป็นได้เป็นดี ถ้าเป็นก็ควรไปฉีดยาที่ ร.พ. ที่มีเครื่องช่วยชีวิตพร้อม หากแพ้ขึ้นมาจะได้ช่วยทัน อย่าฉีดเองเป็นอันขาด
4.โรคแผลริมอ่อน
โรคแผลริมอ่อน soft chancre หรือ แชงครอยด์ (chancroid) เป็นแผลกามโรคที่พบบ่อยที่สุด เกิดขึ้นเร็วกว่าแผลริมแข็งซึ่งเกิดจากเชื้อซิฟิลิสคือจะเกิดหลังร่วมเพศ 3-5 วัน เริ่มโดยมีเม็ดพองๆ มีหนอง ซึ่งต่อมาแตกเป็นแผลมีขอบกะรุ่งกะริ่ง ขอบไม่แข็ง และต่างจากแผลริมแข็งที่เจ็บมาก
แผลนี้มักเป็นที่ปลายอวัยวะเพศ อาจเป็นหลายแผล ถ้าหนองลามไปบริเวณใกล้เคียง ก็ทำให้เกิดแผลได้ ประมาณ 5-8 วันหลังจากเกิดแผลริมอ่อนจะมีไข่ดันบวมแดงเจ็บปวดมาก และอาจแตกออก
แผลริมอ่อนเกิดจากเชื้อดูเครย์ แต่ถ้ามีเชื้อเกลียวสว่านที่เรียกว่า Fusospirochaete ผสมโรงด้วยจะทำให้เกิดแผลกัดกร่อนกินลึกทำให้ปลายอวัยวะเพศ หรืออวัยวะเพศทั้งอันขาดหลุดออกไปก็ได้ ที่เรียกว่า “ฮวบ” ดังที่พวกนักเที่ยวเขาเกรงกลัวกันนักนั่นแหละครับ
การรักษาแผลริมอ่อนให้กิน ซัลฟาไดอาซีน (ราคาเม็ดละ 50 สตางค์) วันละ 4 กรัมเป็นเวลา 7-12 วัน หรือกินเตตร้าซัลคลีน (ราคาเม็ดละ 0.75-1.00 บาท) วันละ 2 กรัม 7-10 วัน
5. ฝีมะม่วง
ฝีมะม่วง หมายถึง ต่อมน้ำเหลืองตรงไข่ดันอักเสบบวมแดงและเป็นหนอง เกิดจากสาเหตุหลายอย่างเช่น เป็นแผลบริเวณขาและเท้า หรือเกิดจากแผลริมอ่อนดังกล่าวข้างต้น กามโรคที่ทำให้เกิดฝีมะม่วงชนิดนี้เกิดในเวลา 2-30 วัน หลังจากได้รับเชื้อ โรคชนิดนี้อาจลามไปทำให้ช่องทวารหนักตีบตันจนถ่ายอุจจาระไม่ออกก็ได้ ถ้าไปหาหมอหมออาจเจาะเอาหนองออกเพื่อกันฝีแตก เพราะชนิดนี้ถ้าแตก หรือไปผ่าเข้าจะรักษาแผลยาก
การรักษา กินยาเหมือนดังในการรักษาแผลริมอ่อนที่กล่าวข้างต้น
6. หงอนไก่
หงอนไก่ บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เกิดในคนที่ไม่รักษาความสะอาด การรักษาใช้สำลีชุบ ทิงเจอร์โปโดฟิลีน จี้ลงไปที่หงอนไก่อย่าให้ถูกเนื้อดีๆ หรือใช้ ยางของต้นหญ้าไร้ใบ ทาไปบนหงอนไก่ วันละ 1-2 ครั้งก็ได้
กามโรคยังมีชนิดเบ็ดเตล็ดอีกมาก แต่จะยังไม่กล่าวถึงในที่นี้
วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ ป้องกัน คือ การไม่ส่ำส่อนทางกาม แต่ถ้าอดสำส่อนไม่ได้ก็ควรจะใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน
สังคมแบบตัวใครตัวมัน แย่งกันกินแย่งกันใช้ ยากที่จะควบคุมกามโรคได้
- อ่าน 27,513 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้