• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

นวดช่วยชีวิต

ใครบ้างจะคิดว่า การนวดสามารถช่วยชีวิตคนได้ ลองมาฟังเรื่องที่ดิฉันได้ประสบมาจากชนบทภาคใต้ดูนะคะ

ช่วงที่ครอบครัวของดิฉันย้ายไปปลูกบ้านทำสวนอยู่ในภาคใต้ใหม่ๆ มีชายคนหนึ่งซึ่งเคยรู้จักกันกับสามีดิฉันมาเยี่ยมบ้านเรา และชวนสามีดิฉันให้ไปดูน้องสะใภ้ของเขา เขาบอกว่าเธอกำลังใกล้จะตาย แม่ของเธอเรียกพี่ๆ น้องๆ ทุกคนมาดูอาการของเธอ แต่ใครๆต่างก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือเธอได้อย่างไร สามีดิฉันบอกว่า บางทีเราอาจจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง ดังนั้นเราจึงรีบพากันไปบ้านของเธอ

เมื่อเราขึ้นไปบนบ้าน ดิฉันก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งนอนลืมตาอยู่ แต่เธอมีอาการเหมือนคนไร้ความรู้สึก ที่หน้าอกก็ไม่มีอาการกระเพื่อมขึ้นลงดูราวกับคนไม่มีชีวิต

ดิฉันสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากแม่ของเธอ ได้ความว่า เด็กสาวกำลังแพ้ท้องหลังจากแต่งงานมาได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้เธอเป็นไข้ขน (คนใต้เรียกไข้ไทฟอยด์ว่า ไข้ขน) เคยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ กลับมาบ้านอาการดีขึ้นแล้ว แต่มีอยู่วันหนึ่งเธอกินน้ำแข็งเข้าไปมาก แล้วจึงเกิดอาการที่เห็นอยู่ คือนอนแต่ไม่หลับตา ไม่ลุก ไม่กินข้าว ใครซักถาม พูดคุยด้วย ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เหมือนกับว่าไม่รู้จักใครเลย เป็นอย่างน้าได้สามวันสามคืนแล้ว ญาติพี่น้องของเธอเคยเรียกเจ้าหน้าที่อนามัยประจำตำบล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก มาดูอาการของเธอ แต่เขาก็บอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร

ดิฉันขยับเข้าไปนั่งใกล้เธอ ในขณะนั้นดิฉันสังเกตเห็นผู้คนที่นั่งเฝ้าดูอยู่รอบข้างเธอมีสีหน้าหวั่นวิตก บางคนก็กำลังร้องไห้

ดิฉันเอื้อมมือไปแตะหน้าผากดูตัวเธอก็ไม่ร้อน เมื่อลองเอามือจับชีพจรเธอดู ก็เห็นว่าชีพจรยังเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่เบา ไม่หนักจนเกินไป

ดิฉันขอให้แม่ของเธอช่วยพยุงเธอลุกขึ้นนั่ง ในใจดิฉันคิดว่า บางครั้งคนเราเมื่ออยู่ในอิริยาบถนานๆ อาจทำให้การหมุนเวียนของเลือดในร่างกาย และการทำงานของกล้ามเนื้อติดขัดไม่สะดวก ดิฉันจึงเริ่มนวดให้เธอ เริ่มตั้งแต่ท้ายทอย ศีรษะ หน้าผาก บ่า ไต่ลงตามด้านข้างกระดูกสันหลังจรดเอว

ขณะกำลังนวดให้เธออยู่นั้น พี่สาวของเธอคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ร้องบอกด้วยความยินดีว่า “ดูสิ หน้าแดงแล้ว” ไม่นานนักเธอก็เอื้อมมือไปหยิบกระโถนบ้วนน้ำลาย

                                              

นวดหลังเสร็จ ดิฉันก็ขยับตัวมานวดตามแขน มือ และขาของเธอ การนวดของดิฉันจะเน้นกดจุดตรงสำคัญๆ บางตำแหน่งด้วย ถึงตอนนี้เธอเริ่มจะสื่อสารกับดิฉันได้ โดยการพยักหน้าและสั่นศีรษะเวลาตอบคำถาม เมื่อญาติของเธอเอาน้ำให้ดื่ม เธอก็พยายามดื่มจนหมดแก้ว และเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก เธอก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำได้

ดิฉันทราบจากสามีในภายหลังว่า เด็กสาวคนนี้เป็นโรคของความหวาดวิตก เพราะแม่และญาติพี่น้องของเธอ รวมทั้งสามีของเธอเชื่อว่าเธอกำลังถูกทำทางไสยศาสตร์ เนื่องจากเคยมีชายอื่นมาสู่ขอแต่เธอไม่ตกลง ในขณะที่เธอมีอาการแพ้ท้องอ่อนเพลียอยู่แล้ว เมื่อเกิดความหวาดกลัววิตกกังวลมาก จึงทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ และในที่สุดก็ลุกไม่ขึ้น เป็นดังเช่นที่เห็น

ดิฉันแวะไปเยี่ยมเธออีก และพยายามพูดจาปลอบใจให้เธอคลายความวิตกกังวล ทำจิตใจให้สบาย นอนหลับพักผ่อน และพยายามกินอาหาร เพื่อให้มีกำลังกายแข็งแรงขึ้น ลูกน้อยในครรภ์ของเธอจะได้เติบโตสมบูรณ์ รู้สึกว่าเธอจะเชื่อดิฉัน เธอพยายามฝืนแม้กินข้าวสวยข้าวต้มไม่ได้ เพราะเธออาจจะอาเจียนออกมาหมด เธอก็ยังดื่มกินน้ำข้าว ชงน้ำตาล กินผลไม้ กล้วยน้ำว้า เพื่อปรับร่างกายไปเรื่อยๆ

ดิฉันพบเธออีกครั้งหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปได้หนึ่งอาทิตย์ หน้าตาเธอแดงขึ้น และทราบว่าเธอทานข้าวได้เป็นปกติแล้ว

ดิฉันคิดว่า เรื่องราวทำนองนี้อาจเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ อีกหลายคน โดยที่โรคบางอย่างอาจตรวจหาสาเหตุไม่พบ หากใช้แต่ปรอดวัดไข้หรือเครื่องวัดความดันโลหิต เพราะอาจเป็นโรคที่เกิดจากจิตใจ และวิธีการนวดที่หลายคนอาจมองข้าม ก็อาจนำมาใช้ช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นได้ เช่นในกรณีที่ดิฉันประสบมานี้

หมายเหตุ เมื่อตอนเป็นเด็ก ผู้เขียนเคยเป็นหมอนวดประจำตัวของย่า ในตอนหลังได้ศึกษาตำราการรักษาโรคด้วยการแทงเข็มของจีน เมื่อนำเอาวิธีการนวดมาประสานกับการแทงเข็ม โดยการกดจุดบางจุดตรงตำแหน่งของการแทงเข็ม รู้สึกว่าจะทำให้ได้ผลดีขึ้น

 

ข้อมูลสื่อ

105-014
นิตยสารหมอชาวบ้าน 105
มกราคม 2531
นวดไทย
แม่ณัชชา