• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

สนามบิน

สนามบิน

ผมเป็นส่วนหนึ่งของปอด “อาโก” อาโกเป็นคนจีนที่อพยพมาอยู่เมืองไทยตั้ง 40 ปีแล้ว อาโกของผมมีอาชีพขายหวยเบอร์ของรัฐบาลอยู่แถวตลาดหนองมน ใครๆ ก็รู้จักอาโกทั้งนั้น ถ้า “เปรียบตัวอาโก” เหมือนกับประเทศๆ หนึ่ง อย่างประเทศนายน้อย (ดูเรื่อง “สงครามโลก” ตอนสงครามชายแดน ใน “หมอชาวบ้าน” ฉบับที่ 10 ปีที่ 1) ผมก็จะเป็นส่วนหนึ่งของท่าอากาศยาน หรือสนามบินระหว่างประเทศนั่นแหละครับ พูดง่ายๆ ปอดของอาโก ก็คือ สนามบินดอนเมืองของประเทศอาโกนั่นเอง

ปอดของอาโก หรือของใครๆ ก็ตาม มีลักษณะสลับซับซ้อน มากมายยิ่งกว่าดอนเมืองเป็นไหนๆ แม้จะมีทางเข้าทางเดียวก็ตาม แต่ทางแยกมากมายหลายแห่ง ผมจะเล่าเฉพาะแยกใหญ่ๆ นะครับ

เริ่มตั้งแต่จมูก ซึ่งเป็นต้นทางของสนามบิน คุณลองส่องกระจกมองดูรูจมูกของคุณซิครับ คุณจะมองเห็นขนสั้นๆ อยู่พอควรทีเดียว ต่อไปจะมองเห็นเนื้อแดงๆ และเห็นในโพรงจมูกแคบลงเล็กน้อย นักบินทั้งหลายเวลาขับเครื่องผ่านบริเวณนี้ต้องระวังให้ดีนะครับ มิฉะนั้น จะชนตกลงมาตายเสียก่อนจะลงสนาม ขนรูจมูกมีหน้าที่กรองอากาศ และสิ่งแปลกปลอมขั้นต้นครับ เรียกว่า เป็นหน่วยป้องกันท่าอากาศยานด่านแรก

คราวนี้นอกจากส่องกระจกดูรูจมูกแล้ว คุณลองเอาสำลีแหย่รูจมูกดูซิครับ ฮัดเช่ย เห็นไหมล่ะครับคุณจามทันที สำลีปลิวว่อนทีเดียว การจามก็เป็นกรรมวิธีอีกอย่างหนึ่งของการป้องกันที่มีประสิทธิภาพด้วยเพราะเวลาจามมีกำลังลมดันจากภายในปอดค่อนข้างแรง ทำให้ขับเอาสิ่งแปลกปลอมออกไปได้

จากรูจมูกที่คุณมองเห็นลึกเข้าไปก็จะเป็นโพรงจมูก และทางเดินอากาศก็จะโค้งลง พบกับทางเดินอาหาร ถึงตอนนี้คุณอ้าปากคุณดูกว้างๆ นะครับ คุณก็จะพบลิ้นไก่ บริเวณหลังลิ้นไก่นั่นแหละ จะเป็นทางเดินอากาศร่วมกับทางเดินอาหารต่อจากนั้นคุณก็จะมองไม่เห็นต่ำลงไปเล็กน้อยจะเป็นตอนที่ทางเดินอากาศตัดกับทางเดินอาหาร คล้ายๆ สี่แยกไฟแดง อย่างนั้นแหละครับ

ตรงบริเวณสี่แยกไฟแดงที่มีกลไกที่ยุ่งยากพอควร ผมไม่เห็นเข้าใจเลยว่า ธรรมชาติทำไมสร้างให้มันตัดกันไป ตัดกันมาอย่างนี้ สร้างตรงๆ ก็ไม่ได้ ยุ่งชะมัด บริเวณตัดกันนี้อยู่เหนือลูกกระเดือก หรือกล่องเสียงพอดี ผู้หญิงก็มีลูกกระเดือกนะครับ เพียงแต่มันไม่ยื่นออกมาเป็นสันอย่างผู้ชายเท่านั้น คุณลองเอามือจับแถวลูกกระเดือกดูซิครับ แล้วลองกลืนน้ำลาย คุณจะรู้สึกได้ชัดเจนทีเดียวว่ามันเคลื่อนไหว พร้อมกับการเคลื่อนไหวของลูกกระเดือก จะมีลิ้นคอยปิดกล่องเสียงเวลาคุณกลืนอาหารหรือน้ำลายก็ตาม (ดูรูป 1) ลิ้นบริเวณนี้จะเป็นลิ้นเล็กๆ แต่โตกว่าลิ้นไก่ปลายมน ผมขอเรียกมันว่า ลิ้นเป็ด หรือ อีพิกลอตติส (Epiglottis) ใครจะเรียกเป็นภาษาบาลี-สันสกฤต อะไรผมไม่สนใจหรอกครับ ผมชอบเรียกภาษาไทยๆ ที่ไม่ต้องแปล ในเมื่อคุณมีลิ้นไก่ได้ คุณก็น่าจะมีลิ้นเป็ดได้เหมือนกันนี่ครับ
 

ถ้าคุณไม่ได้กลืนอะไร ลิ้นเป็ดมันก็จะเปิดตลอดเวลา เพื่อให้คุณหายใจเข้าออกได้สะดวก แต่เวลาคุณกลืนลิ้นเป็ด มันจะปิดกล่องเสียงทันที เพื่อให้อาหารผ่านสี่แยกตกลงไปในหลอดอาหารเหมือนกับสี่แยกไฟแดงอัตโนมัติอย่างนั้นแหละครับ ในเวลาที่คุณพูด ลิ้นเป็ดก็จะเปิดเหมือนกัน ฉะนั้นในคนที่พูดไปกินไนเจ้าลิ้นเป็ดก็ทำงานไม่ถูก ไม่รู้จะปิดหรือจะเปิดดี ถ้าคิดสับสนเข้าเมื่อใด อาหารก็จะหลุดเข้าไปในหลอดลม ถ้าอาหารชิ้นไม่ใหญ่นักอย่างน้อยๆ คุณก็สำลักหน้าดำหน้าแดงไปทีเดียว แต่ถ้าอาหารชิ้นใหญ่ๆ มีหวังได้ไปนอนสงบในวัด

มีเรื่องจริงเกิดขึ้นเมื่อปีกลาย นายพลใหญ่โตท่าหนนึ่ง จัดงานเลี้ยงวันเกิดของท่านที่บ้าน นายทหารคนสนิทรู้ว่า ท่านนายพลชอบลูกชิ้นปิงปองปิ้ง (ลูกชิ้นขนาดใหญ่) ก็เลยเหมาแม่ค้ามาตั้งในงาน รอบสระอาบน้ำ นายพลกำลังงับลูกชิ้นปิ้งใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ตาก็มองช่างภาพนายหนึ่งที่กำลังถอยหลังถ่ายภาพสาวงามอยู่อย่างขะมักเขม้น ถอยไปถอยมาช่างภาพก็หล่นลงไปในสระดังตูม นายพลหัวร่อชอบใจเต็มเอิ๊กๆ พอสิ้นเสียงเอิ๊กที่สอง นายพลก็มีอันจะเป็นไป มีเสียงร้องเบาๆ ดังอ๊อก! แล้วตาค้าง เอามือกุมคอแล้วก็ล้มลง ดิ้นกระสับกระส่าย ต่อมาครู่เดียวหน้าเขียวตัวเขียว เล่นเอาวิ่งกันชุลมุนไปหมดทั้งงาน กว่าจะควานตัวหมอในงานมาได้ นายพลก็สิ้นใจเสียแล้ว สาเหตุที่นายพลต้องตายก็เพราะว่า ขณะที่เคี้ยวลูกชิ้นปิงปองในปาก เกิดหัวเราะเอิ๊กๆ ทำให้ลิ้นเป็ดเปิดกว้างเต็มที่ พร้อมกับประตูหลอดเสียงเปิดเต็มที่ด้วย ทำให้ลูกชิ้นหล่นเข้าไปอุดตันหลอดลมกั้นทางเดินหายใจ นายพลก็ขาดอากาศหายใจ ก็ตายไปด้วยประการฉะนี้ ทางที่ดีเวลามีอาหารอยู่ในปาก ห้ามพูด และ ห้ามหัวเราะปลอดภัยที่สุดครับ และ การพูดขณะมีอาหารในปากน่ารังเกียจด้วย

ต่ำไปกว่าลิ้นเป็ดก็เป็นกล่องเสียง หรือถ้าภายนอกก็คือลูกกระเดือกนั่นแหละครับ กล่องเสียงนี้เป็นอวัยวะสำหรับทำให้เกิดเสียง เสียงที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการสั่นสะเทือนของลม ผ่านการควบคุมของประตูเสียง (Vocal cord) ขณะพูดประตูเสียงจะขยับไปมาทำให้เกิดเสียงออกมาและด้วยความช่วยเหลือของลิ้น ฟัน ปาก ทำให้เกิดเป็นเสียงพูด เสียงร้องแตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นกับการฝึกฝนเลียนแบบ ประตูเสียงนี้แม้จะไม่ใช่อวัยวะป้องกันปอดโดยเฉพาะก็จริงแต่จะช่วยป้องกันได้มาก เวลาที่ไม่ได้พูด ประตูเสียงจะเปิดไม่กว้างนักพอให้หายใจสะดวก จึงพอที่จะกั้นสิ่งแปลกปลอมใหญ่ที่ตกลงไปได้ ในผู้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกล่องเสียง เช่น โรคคอตีบ ประตูเสียงจะบวมมากจนปิดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้หอบหรือตายได้ ฉะนั้นเด็กๆ ควรฉีดยาป้องกันโรคคอตีบตามที่หมอแนะนำ จะได้ปลอดภัยจากโรคนี้

จากกล่องเสียงก็จะถึงหลอดลม คุณลองเอามือคลำคอด้านหน้า จะพบหลอดลมแข็งๆ ตลอดลำคอ นั่นแหละครับ หลอดลมคนก็คล้ายๆ กับหลอดลมไก่ตรงที่คุณเชือดคอมัน หลอดลมจะประกอบด้วยกระดูกเป็นวงแหวนเรียงต่อๆ กันไป มีขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับแต่ละเชื้อชาติ พอหมดลำคอหลอดลมก็จะมุ่งตรงเข้าหาปอด โดยมันจะแยกออกไปเป็นสองทางใหญ่ๆ ไปยังปอดขวาและปอดซ้าย และจะแยกแตกสาขาไปยังปอดย่อยลงๆ คล้ายๆ ต้นไม้กลับหัว ลำต้นก็คือ หลอดลมใหญ่นั่นเอง ปอดข้างขวามี 3 พู (lobes) ข้างซ้ายมี 2 พู เพราะข้างซ้ายต้องแบ่งที่ให้หัวใจอยู่ เลยมีพูน้อยกว่าข้างขวา

ภายในหลอดลม จะมีเซลล์มีขน (ดูรูป 2) คอยพัดโบกไปมาคล้ายๆ ไม้กวาด เก็บกวาดสิ่งแปลกปลอมในปอด เซลล์มีขนพวกนี้ทำหน้าที่ป้องกันปอด หรือสนามบินอย่างเข้มแข็งอะไรหลุดเข้ามาเป็นกวาดทิ้ง ส่งไปกับลมหายใจออกหมด นอกจากเซลล์ขนแล้วภายในหลอดลม ทั้งใหญ่ เล็ก จิ๋ว จ๋อย จะมีพวกผมที่มีชื่อว่า ทหารพี ซึ่งเป็นทหารรักษาปอด (Alveolar macrophage) หรือทหารเอ็มของหลอดลม (ดูเรื่อง สงครามโรค ตอนสงครามชายแดน ใน “หมอชาวบ้าน” ฉบับที่ 10 ปีที่ 1) อยู่เรียงรายทั่วๆ ไป เพื่อคอยป้องกันปอด ให้ปลอดภัยจากการบุกรุก

จากหลอดลมใหญ่ ก็แยกเป็นหลอดลมเล็กๆ จนถึงเล็กสุด ปลายสุดคือถุงลม คุณลองเอาดอกกะหล่ำปลีมาผ่าครึ่งดูซิครับ ลักษณะของปอดจะคล้ายกับดอกกะหล่ำปลีมาก ถ้าลองแกะดู จะเห็นว่าตรงดอกมีตุ่มเล็กๆ หลุดออกมาได้ ตุ่มเล็กๆ เปรียบเทียบได้กับถุงลมครับ ที่ถุงลมนี้มีหลอดเลือดเล็กๆ ประสานกันชิดกับผนังถุงลม (ถุงลมมีจำนวนมากมายเต็มไปทั้งเนื้อปอด) เมื่อหายใจเข้าอากาศจะพาเอาอออกซิเจนผ่านเข้ามาในถุงลม หลอดเลือดดำที่ผนังถุงลมที่มีเม็ดเลือดเสีย (หรือเม็ดเลือดที่ไม่มีออกซิเจน) ก็จะคายอากาศเสียหรือคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป รับอากาศดี หรือออกซิเจนเข้าไปแทนพอถึงตอนนี้ เม็ดเลือดแดงก็กลายรูปจากเม็ดเลือดแดงช้ำดำ เป็นสาวแรกรุ่นแก้มชมพูน่ารักมาก เพราะมีออกซิเจนและไหลผ่านเข้าหลอดเลือดแดง ซึ่งประสานกับหลอดเลือดดำเป็นร่างแห บริเวณนี้เป็นแห่งเดียวในร่างกายที่มีการไหลเวียนจากหลอดเลือดดำเข้าสู่หลอดเลือดแดง หรือจะเรียกว่า บริเวณฟอกเลือด ก็ได้ครับ ถ้าปอดถูกจ้าวโรคหรือเชื้อโรครบกวนมากๆ การแลกเปลี่ยนอากาศเสียไป ร่างกายจะขาดอกซิเจน ทำให้ต้องมีการปรับระบบการถ่ายเทของอากาศให้เร็วขึ้นจนเราเห็นว่ากำลังหอบนั่นแหละครับ

เรื่องของสนามบินมีมากครับ ผมจะค่อยๆ เล่าให้ฟัง ตอนนี้ผมจะเกริ่นเกี่ยวกับผู้โดยสารขาออกของผมก่อนนะครับ อย่างที่ผมบอกแล้วอาโกแกเป็นคนจีนแก่ๆ อาศัยในห้องแถวแคบๆ อากาศอับๆ ของกรุงเทพฯ แกก็ต้องมีจ้าวโรคที่ชอบคนจีนแก่ๆ มาอาศัยอยู่ในปอดของแกด้วย ตามธรรมเนียม วัณโรค หรือ ฝีในท้อง อย่างไรเล่าครับ

วัณโรคที่อาศัยอาโกเป็นอาหารคงอยู่กับแกมานานพอควร วัณโรคเป็นจ้าวโรคที่ค่อนข้างจะสุภาพค่อยๆ กิน ค่อยๆ เจริญเติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคงครับ ระยะหลังๆ นี้ อาโกชักมีไข้ตอนบ่ายๆ ไอบ่อยๆ น้ำหนักตัวลดลงๆ ปอดของอาโกก็มีคุณวัณโรคอยู่มากมาย อาโกเป็นคนจีนมีธรรมเนียมที่ขากเอาเสลดลงบนพื้นทุกๆ ที่ที่แกอยากบ้วน จะไปสอนแกเท่าไรแกก็คงไม่ฟัง เป็นอันว่าเวลาอาโกไอ ปอดของอาโกก็จะมีผู้โดยสารขาออกไปด้วยเสมอๆ จ้าววัณโรค คือ ผู้โดยสารขาออกที่ดี และสม่ำเสมอ

ขณะที่อาโกไอ จะมีละอองน้ำลายเล็กๆ มองไม่เห็นเป็นฝอยลอยไปในอากาศ วัณโรคก็จะติดไปกับฝอยน้ำลายนั้น คุณลองดูกรรมวิธีการกระจายของฝอยน้ำลายง่ายๆ ซิครับ ถ้าคุณมีสบู่ แชมพูสระผม ลองเอามาละลายน้ำ แล้วเอาหลอดกาแฟจุ่มเป่าออกไป คุณจะเห็นฟองสบู่ลอยไปในอากาศเป็นพรวน เหมือนๆ กับละอองน้ำลายจากปากคุณๆ นั่นแหละครับ ฟองสบู่ลอยไปได้ ละอองน้ำลายก็ลอยไปได้ แถมยังพาเอาจ้าวโรคที่เกาะไปตามละอองเหล่านั้นไปด้วย ใครโชคดีดูดเข้าไปก็ได้ทำสงครามโรคแหละครับ

ผมขอพัก “สนามบิน” ไว้ก่อนนะครับ ขอเชิญติดตามภาคสองต่อได้ในครั้งหน้า

ภาคพิเศษ

ปอดของคนอยู่สองข้างของทรวงอก มีซี่โครงเป็นกรอบกำบัง หัวใจจะอยู่ตรงกลางค่อนไปทางซ้าย ปอดมีหน้าที่สำคัญ คือ การนำเอาอากาศดีหรืออ๊อกซิเจนเข้าไปจนถึงถุงลม โดยที่ปอดจะพองออกหรือหายใจเข้า เม็ดเลือดแดงก็จะจับเอาออกซิเจนไว้ และคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป พอมีคาร์บอนไดออกไซด์ในถุงลมมากปอดก็จะบีบตัวให้ลมในปอดออกไปภายนอก หรือเราเรียกว่า หายใจออก ปอดจึงทำหน้าที่คล้ายลูกสูบ คนปกติจะมีการหายใจสม่ำเสมอ เป็นไปโดยอัตโนมัติประมาณ 18-20 ครั้งต่อนาที คุณจะสั่งให้หยุดก็ได้เพียงครู่เดียว แต่สั่งให้หยุดนานๆ ไม่ได้ ไม่เชื่อคุณลองกลั้นใจตายดูซิครับ ไม่มีวันสำเร็จหรอก ถ้าขืนกลั้นใจตายกันง่ายๆ มีหวังตายกันเป็นแถวๆ คุณสาวๆ อย่าได้เชื่อ คุณหนุ่มๆ ที่จะกลั้นใจตายนะครบ อย่าว่าแต่กลั้นใจเลย ต่อให้เอามือช่วยอุดจมูกปากก็ไม่สำเร็จ มันเป็นเพราะระบบการควบคุมการหายใจขึ้นกับระบบประสาทอัตโนมัติ ที่คุณๆ เป็นเจ้าของ ไม่มีสิทธิจะสั่งการเอาได้ตามใจระบบอัตโนมัติมันจะทำงานของมันเอง เร็วหรือช้าขึ้นกับกำหนดการแบบแผนที่ๆ ได้วางไว้ในระบบงานอย่างเรียบร้อยแล้ว ว่าที่จริงจะเรียกว่า ระบบกันการสูญพันธุ์ก็ได้ เพราะถ้าไม่มีระบบนี้ คนเจ้าอารมณ์ทั้งหลายคงสั่งให้ หยุดหายใจ ตายไปตามๆ กัน ผมจบเพียงเท่านี้ครับ

สวัสดีครับ

จากทหารของอาโก

ข้อมูลสื่อ

12-014
นิตยสารหมอชาวบ้าน 12
เมษายน 2523
ทันโรค
พญ.ศมนีย์ ศุขรุ่งเรือง