• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

วิวาห์หลอน...ต้องหวีด

"คุณอาร์ตทำไมต้องล็อกกลอนประตูและหน้าต่าง ทุกบานด้วยค่ะ" พยาบาลถามขึ้น หลังจากเห็นพฤติกรรมแปลกที่คุณอาร์ตแสดงออกมา
"ผมต้องล็อกประตูให้แน่ใจก่อนครับ...เดี๋ยวหนิงจะเข้ามาทำร้ายผมได้" คุณอาร์ตพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว ราวกับเห็นปีศาจอยู่เบื้องหน้า
"หนิง...ใครกันค่ะ?"Ž
"เธอเป็นเจ้าสาวของผมเองครับ..."

หลังจากที่คุณอาร์ตได้นั่งพัก ดื่มน้ำเพื่อให้สงบสติอารมณ์ลงได้ ป้าหมอก็เริ่มถามไถ่ถึงสาเหตุของอาการหวาดกลัวที่คุณอาร์ตประสบอยู่

คุณอาร์ตเงยหน้าที่ซีดราวกับกระดาษขึ้นมองป้าหมอก่อนพูดว่า "ชีวิตของผมพังหมดแล้วครับ เมื่อก่อนผมเป็นคนร่าเริง เข้ากับคนได้ง่าย ไม่เคยมีปากเสียง หรือทะเลาะกับใครรุนแรง แต่..."Ž

คุณอาร์ตเหลียวหลังกลับไปมองประตูและหน้า-ต่างที่ปิดสนิทก่อนจะพูดต่อว่า "แต่...ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปตั้งแต่ผมแต่งงาน..."

ผมรู้จักกับหนิงซึ่งเป็นเจ้าสาวของผมจากงานปาร์ตี้ เธอเป็นผู้หญิงที่สวย ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน ตัวเธอมักจะหอมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ อยู่ตลอดเวลา ในงานปาร์ตี้คืนนั้นมีคนที่ผมรู้จักมาร่วมงานมากมาย แต่ผมกลับมองแต่เธอ ตอนนั้นผมรู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ผมจะใช้ชีวิตด้วย ผมรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์จากเธอ หนิงอายจนแก้มแดงก่อนจะค่อยๆจดเบอร์ลงเศษกระดาษแล้วส่งให้ผม

หลังจากได้เบอร์โทรศัพท์มา ผมก็รีบสานความสัมพันธ์ทันที เราโทร.คุยกันทุกวัน วันละหลายครั้ง ผมทำงานบริษัทเอกชน ส่วนครอบครัวของเธอค่อนข้างจะมีฐานะ เธอจึงช่วยกิจการของที่บ้าน ไม่ต้องออกไปทำงานข้างนอก

หนิงเป็นผู้หญิงที่พูดเก่ง น่ารัก แม้จะทำงานบ้านไม่ค่อยเป็น ไม่เก่งเรื่องงานครัว และบางครั้งดูจะเอาแต่ใจตัวเองบ้าง แต่ผมก็ไม่ถือ ผมคิดว่าขอเพียงเขารักเราเท่านั้นก็พอแล้ว

ตลอดเวลาที่เราคบกัน ผมไม่เคยฉวยโอกาสกับหนิงเลย เวลาไปพบหนิงที่บ้าน ผมจะนั่งรอตรงห้องรับแขกเสมอ ไม่เคยเดินเข้าไปยังส่วนอื่นๆ ของบ้าน คุณพ่อคุณแม่ของหนิงก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่ใจดี ท่านทั้งสองให้ความเอ็นดูผมเป็นอย่างมาก อาจจะเกิดจากความสุภาพและการเข้าตามตรอกออกตามประตูของผมก็เป็นได้

เราคบหากันอยู่ประมาณ 2 เดือน ผมจึงตัดสินใจพาหนิงเข้าไปแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ของผมได้รู้จัก หนิงก็ดูจะเข้ากับครอบครัวของผมได้รวดเร็ว ไม่รังเกียจที่บ้านเราไม่ใหญ่โตหรือร่ำรวยนัก ทุกคนในครอบครัวของผมดูจะรักและเอ็นดูหนิงเป็นอย่างดี มีแต่น้องชายของผมเท่านั้นที่พูดออกมาว่า "แฟนของพี่อาร์ตนี่ดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้"

หลังจากที่ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายรับรู้ถึงความรักของเรา ผมจึงขอให้คุณพ่อคุณแม่เดินทางไปสู่ขอหนิงที่บ้าน แม้เราจะคบหาดูใจกันเพียง 2 เดือนเศษ แต่คุณพ่อคุณแม่ของหนิงก็เห็นสมควรที่ผมและหนิงจะแต่งงานกัน

ไม่นานนัก ผมกับหนิงก็เข้าพิธีแต่งงานกัน คุณพ่อ คุณแม่ของผมซื้อทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆ ให้เป็นเรือนหอของเรา 2 คน แขกผู้ใหญ่และเพื่อนๆ ที่มาร่วมงาน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้ผู้หญิงที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา กิริยามารยาท และฐานะอย่างคุณหนิงมาเป็นคู่ชีวิต ทุกอย่างดูจะดำเนินในทางที่ดี จนกระทั่งคืนส่งตัวเข้าหอ...

เมื่อเล่าถึงตรงนี้คุณอาร์ตก้มหน้าลงมองมือทั้ง 2 ข้างที่สั่นจนหยุดไม่ได้ของตนเอง ก่อนจะเล่าต่อว่า หลังจากส่งตัวเข้าหอ ผมหลับเป็นตายจากความเหนื่อยล้าของการรับแขกที่มาร่วมงาน คืนนั้นผมฝันถึงอนาคตที่สวยงามของเรา 2 คน ก่อนที่ผมจะสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางความมืดเพราะเสียงแปลกๆ

ในความมืดสนิทของห้องหอ ผมขยี้ตาตัวเองก่อนหยิบแว่นตาขึ้นสวมเพื่อเพ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าให้ชัดเจน หลังจากที่สายตาของผมปรับระยะชัด ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือ หนิงกำลังนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวริมหน้าต่างพร้อมกับกำยาซองใหญ่ไว้ในมือ ปากก็พร่ำพูดกับใครบางคนที่ไม่มีตัวตน ที่ผมมองไม่เห็น แต่เธอมองเห็น!!!

ผมแกล้งนอนหลับจนยาที่หนิงกินหมดฤทธิ์ เธอหลับไป ผมจึงแอบลุกขึ้นมาหยิบยาจากซองนั้นเก็บไว้ 1 เม็ด เพื่อจะใช้มันในการหาคำตอบของเหตุการณ์สยองในคืนนี้

เช้าวันรุ่งขึ้นหนิงกลับมาเป็นสาวสวย เรียบร้อยและแจ่มใสเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวผมเอง ผมกลัวมาก ไม่กล้าเข้าไปคุยกับหนิง ไม่กล้านั่งกินข้าวด้วยกัน ผมได้แต่บอกกับตัวเองว่า ผมจะยอมให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ผมต้องทำอะไรสักอย่าง

ผมตัดสินใจนำยาเม็ดนั้นไปหาคุณหมอที่รู้จักกันคนหนึ่ง คุณหมอรับยาเม็ดนั้นจากมือของผมไปมองอยู่ชั่วครู่ก่อนถามขึ้นว่า "ยาเม็ดนี้เป็นยาหลอนประสาท มักจะใช้กันในหมู่นักเที่ยวกลางคืน มันทำให้เกิดอาการหลอน รีบบอกเจ้าของยาว่า ให้เลิกใช้ อันตรายมาก!"
Ž
หลังจากได้คำตอบของเรื่องที่เกิดขึ้นจากคุณหมอ ผมขับรถออกมาจากคลินิกพร้อมกับคำถามที่เกิดขึ้นมามากในสมอง แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมกับไปเผชิญหน้าหนิงได้ ผมตัดสินใจกลับไปนอนที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่สักระยะ หนิงเห็นผมหายหน้าไปหลายวันและไม่ยอมรับโทรศัพท์ เธอจึงมาขอร้องให้ผมกลับไปอยู่ที่เรือนหอของเราเหมือนเดิม คุณพ่อคุณแม่ของผมก็บอกว่า "กลับไปเถอะลูก อย่างไรเราก็รักเขาไม่ใช่หรือ?"Ž

ผมกลับมาที่เรือนหอ แต่ผมไม่สามารถข่มตามให้นอนหลับได้เลย หนิงยังใช้ยานั้นอยู่เรื่อยๆ พอผมถามว่ายาอะไร ไปเอามาจากไหน เธอมักจะตอบว่า เป็นยาคลายเครียด เธอได้มาจากเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน

ผมเริ่มมีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง ร่างกายขาดการพักผ่อน ทำให้งานของผมเสียไปด้วย จนหัวหน้างาน เรียกไปตักเตือน ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ชีวิตของผมจะพังลงแบบนี้

ผมไม่สามารถที่จะอยู่กับชีวิตกดดันแบบนี้ได้ ผมจึงขอหย่า หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่ของหนิงได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น ท่านทั้งสองก็เข้าใจและยินดีที่จะให้เราทั้งสองแยกทางกัน แต่...

หนิงกลับไม่คิดแบบนั้น เธอบอกว่า "หนิงเป็นฝ่ายเสีย ยังไงพี่อาร์ตก็ต้องอยู่กับหนิง ถึงหย่ากันไป หนิงก็จะตามไปเฝ้าทุกที่ ถ้าพี่อาร์ตมีผู้หญิงอื่น หนิงเอาตายแน่"Ž

หนิงตามไปอาละวาดผมทั้งที่ทำงานและที่บ้าน จ้างคนมาตามดูผมทั้งวัน เพราะกลัวว่าผมจะไปมีผู้หญิงคนใหม่ จนชีวิตของผมวุ่นวายไปหมด ผมต้องย้ายงาน ต้องคอยระแวง นอนไม่หลับ เครียดมาก ผมหาทางออกไม่ได้จนต้องเข้ามาพบกับป้าหมอ

หลังจากป้าหมอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของคุณอาร์ตจึงได้ทราบถึงปัญหาและวิธีแก้ไข ป้าหมอแนะนำให้คุณอาร์ตเปิดใจคุยกับคุณหนิงเพียง 2 คน เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดจากคน 2 คน เวลาแก้ปัญหาก็ต้องแก้จากคน 2 คนเช่นกัน คุณอาร์ตต้องค่อยๆอธิบายถึงสิ่งที่ตนเองต้องเจอให้คุณหนิงฟัง บอกถึงพฤติกรรมเวลาที่เธอใช้ยา ป้าหมอเชื่อว่าการแก้ปัญหาโดยมีความรักเป็นฐานจะแก้ได้ง่ายกว่าปัญหาทั่วไป

คุณอาร์ตรับการรักษากับเราเพียงไม่กี่ครั้งทุกอย่างก็ดีขึ้น ปัญหาของคุณอาร์ตและคุณหนิงไม่ใช่กรณีแรกที่ป้าหมอเคยพบ ปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากการที่คู่สมรสไม่รู้เรื่องราวของกันและกันอย่างเพียงพอ

ป้าหมออยากจะฝากถึงคนที่กำลังจะแต่งงานใช้ชีวิตสมรสร่วมกัน เราควรจะถามตัวเองให้ดีเสียก่อน ว่า เรารู้จักเขาดีพอกับที่จะใช้เวลาทั้งชีวิตร่วมกันแล้วหรือยัง เพราะเมื่อเรามีความรักเราจะมองเห็นเพียงด้านดีของกันและกัน เหมือนกับคำว่า "ความรักทำให้คนตาบอด"Ž

ข้อมูลสื่อ

349-013
นิตยสารหมอชาวบ้าน 349
พฤษภาคม 2551
ป้าหมอ