" ถ้ามีผู้จัดการแบบนี้...ขอตายดีกว่า"
คุณย้งประกาศกร้าวต่อหน้าป้าหมอ ก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลไป
คุณผู้อ่านอย่าเพิ่งตกใจนะคะ หัวหน้าที่คุณย้งพูดถึง ไม่ได้หมายถึงป้าหมอหรือคุณผู้อ่าน แต่หมายถึงผู้จัดการของบริษัทที่คุณย้งทำงานอยู่
คุณย้ง สาวรุ่นใหม่ บุคลิกดี คล่องแคล่ว ทำงานเก่ง พูดจาฉะฉาน แม้มองภายนอกจะดูเป็นหญิงสาวร่างเล็กธรรมดาๆ แต่ใครจะรู้ว่าเธอคือหัวหน้าฝ่ายที่มีความสามารถคนหนึ่งของบริษัทชื่อดัง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง ชนิดที่หากเอ่ยชื่อไปคงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก
คุณย้งเข้ามารับการรักษากับป้าหมอด้วยอาการนอนไม่หลับ ปวดหัว เครียด และมีอาการพูดน้อยลง
คุณย้งเล่าถึงชีวิตที่ผ่านมาว่า เธอเป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่สถานะทางการเงินไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากคุณพ่อจากไปตั้งแต่เธอยังไม่เกิด คุณแม่ต้องเดินทางไปทำงานที่ต่างจังหวัด ต้องทิ้งเธอไว้กับพี่ชาย ให้พี่ดูแลน้อง และบางครั้งก็ให้น้องดูแลพี่
ความยากจนทำให้เธอต้องออกมาหางานทำตั้งแต่ยังเล็กๆ หยิบจับงานไหนได้ก็ทำทุกอย่าง ความลำบากกับคุณย้งดูจะเป็นเพื่อนสนิทกันทีเดียว แต่ก็เหมือนกับคำพูดที่ว่า "ในอุปสรรคก็ยังมีความสวยงามซ่อนอยู่" การที่เธอต้องทำงานตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้เธอรู้จักค่าของเงิน รู้จักความอดทน ความขยัน และสอนให้เธอไม่ยอม แพ้ต่อปัญหาง่ายๆ เฉกเช่นเด็กที่ถูกเลี้ยงมาท่ามกลางความร่ำรวย
คุณย้งเป็นเด็กที่ชอบอ่านหนังสือมาก เวลาว่างจากงาน เธอจะเข้าร้านหนังสือ หรือห้องสมุดตลอด แต่เป็นเรื่องแปลกมากที่เธอกลับไม่นิยมอ่านหนังสือการ์ตูน หนังสือดารา เหมือนกับเด็กในวัยเดียวกัน เธอชอบอ่านหนังสือชีวประวัติของบุคคลในประวัติศาสตร์ ชอบที่จะเรียนรู้ถึงวิธีเข้าสู่ความสำเร็จของพวกเขา
หนังสือพวกนี้ทำให้หัวใจของเธอพองโต คนมีชื่อเสียงหลายต่อหลายท่านก็เคยมีชีวิตที่ลำบากเช่นเดียวกัน พวกเขายังได้ดี ทำไมเธอจะทำไม่ได้!
คุณย้งตั้งใจเรียนจนได้ที่ 1 ของห้องตั้งแต่ยังเล็กๆ แม้ฐานะทางบ้านจะไม่ดี แต่เธอก็ฝันที่จะเรียนสูงๆ พี่ชายของคุณย้งลาออกจากโรงเรียนมาทำงานรับจ้าง ติดหนี้ติดสินไปทั่ว เมื่อเธอมองเห็นชีวิตของพี่ชาย ยิ่งทำให้เธออยากที่จะเรียนให้สูง อยากจบปริญญา อยากมีหน้าที่การงานที่ดี...แล้วฝันของเธอก็เป็นจริง
คุณย้งสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศได้ เธอใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยผิดกับเด็กวัยรุ่นทั่วไป เธอไม่ร่วมกิจกรรม ไม่ซ้อมเชียร์ เธอมุ่งมั่นเอาดีอยู่กับการเรียนเพียงอย่างเดียว จนเพื่อนๆ ถึงกับเอ่ยปากว่า "ย้งเข้าร่วมกิจกรรมบ้างก็ได้นะ เรียนด้วยตัวคนเดียวไม่จบหรอก"
คุณย้งแสดงให้เพื่อนๆ และอาจารย์เห็นถึงความมุ่งมั่นของเธอ โดยการเรียนจบปริญญาตรีด้วยเกรดเฉลี่ยที่สูงลิ่ว พ่วงด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงจุดนี้ คุณย้งรู้ได้ทันทีว่า "ชีวิตนี้ฉันต้องได้ดี"
หลังจากเรียนจบไม่นาน คุณย้งก็ถูกบริษัทชื่อดังซื้อตัวไปทำงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย ด้วยเงินเดือนหลายหมื่นบาท เธอตอบรับทันที เธอคิดว่านี่คงเป็นสิ่งที่เธอรอคอยมาทั้งชีวิต ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความร่ำรวยในฐานะทางการเงิน ชีวิตของคุณย้งในตอนนี้ เหมือนกับคนที่เดินทางรอนแรมมาในทะเลทรายที่ร้อนระอุแล้วมาพบกับแม่น้ำที่ไหลเย็น
แม้เธอจะได้งานที่ตนเองชื่นชอบ ทำงานได้ดั่งใจ เพื่อนร่วมงานก็เข้ากันได้อย่างดี แต่ชีวิตก็เปรียบดั่งเหรียญที่มี 2 ด้าน เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ คุณย้งต้องเจอกับผู้จัดการที่ปกครองลูกน้องด้วยระบบตามใจฉัน อารมณ์ดีก็พูดดี อารมณ์ร้ายก็วิจารณ์จนเสียหาย เวลาประชุมก็มักจะด่าคุณย้งต่อหน้าคนอื่นเสียงดัง ทั้งที่ตัวคุณย้งเองก็ทำงานเต็มที่มาโดยตลอด
ความเบื่อหน่ายในตัวผู้จัดการปรับเปลี่ยนไปเป็นความเกลียด เมื่อมีความเกลียดคุณย้งก็เริ่มนอนไม่หลับ เครียด ทำงานได้ไม่ตรงเป้าหมาย พอผลงานไม่ตรงเป้าหมาย ผู้จัดการก็เริ่มวิจารณ์อีก คุณย้งก็เครียดหนักขึ้นไปอีก อาการก็แย่ลงเรื่อยๆ
คุณย้งจึงตัดสินใจเข้ามาพบกับป้าหมอ ในระยะแรกป้าหมอก็ใช้วิธีแก้ไขความเครียดของคุณย้งไปทีละขั้น แก้ไขเรื่องการนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นปัญหาทางกายก่อน จากนั้นก็มาจัดการกับความเครียด ซึ่งเป็นปัญหาทางใจ
ระหว่างการรักษา ป้าหมอพูดกับคุณย้งว่า "อาการปวดหัวจะหายไป...เมื่อคุณย้งคิดได้"
"หมายความว่ายังไงค่ะ คุณหมอ"
"คุณย้งน้อยใจ และคิดว่าทำไมตนเองถึงโดนตำหนิ ทั้งที่ทำงานอย่างเต็มที่มาโดยตลอด แต่คุณย้งไม่คิดว่า พนักงานคนอื่นก็โดนตำหนิเช่นเดียวกัน เพราะผู้จัดการอาจจะต้องการงานที่ดีกว่าที่คุณย้งทำได้ ลองคิดแบบนี้จะทำให้สบายใจกว่า" ป้าหมออธิบายอย่างช้าๆ ในขณะที่คุณย้งตั้งใจฟังราวกับเป็นคำพูดที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอ
จากประโยคนี้นั่นเอง ที่ทำให้คุณย้งยิ้มได้ เธอเข้ารับการรักษาอีกเพียงไม่กี่ครั้ง ครั้งสุดท้ายที่คุณย้งเข้ามาพบป้าหมอ เธอยิ้มด้วยใบหน้าที่สดใสว่า "คุณหมอค่ะ...ตอนนี้หนูคิดได้แล้วค่ะ"
คุณผู้อ่านค่ะ...ป้าหมอยากให้ทุกท่านปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เมื่อต้องพบกับปัญหา จงอย่าคิดว่าในโลกนี้มีเพียงเราเท่านั้นที่มีทุกข์ คนอื่นที่ทุกข์กว่าเรายังมีมากมาย เพียงแต่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสบอกเล่า
ป้าหมออยากทิ้งท้ายบทความในฉบับนี้ว่า "แค่เปลี่ยนวิธีคิด...ชีวิตก็เปลี่ยน"
สวัสดีค่ะ...
- อ่าน 2,632 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้