คนเราที่เกิดมามีคู่ครองนั้นสิ่งหนึ่งที่หวังและตั้งใจเอาไว้ก็คือ การได้มีชีวิตคู่ที่สมบรูณ์ราบรื่นและเป็นสุข สิ่งที่จะขาดเสียมิได้ในการมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบก็คือ พยานรัก ที่เรียกกันว่า "ลูก" นั่นเอง
หลายต่อหลายคนใช้ชีวิตคู่มานาน...แต่ยังไม่มีพยานรักสักที ไปขอบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ยังไม่ได้ผล เพราะคนมีบุญยังไม่ยอมมาจุติ
"เอ...2 คนนี่อยู่กินกันมานานแล้วนะ เมื่อไหร่จะมีลูกสักที"
"ยายรอเลี้ยงหลานอยู่นะลูก รีบๆ มีเข้า"
"นี่เธอ...เมื่อไหร่จะท้องสักที กลัวจะอ้วนเหรอ?"
คำพูดข้างต้นเป็นสิ่งที่เสียดแทงคู่สมรสที่ไม่สามารถมีลูกได้...
ฉบับนี้จะขอนำเสนอ 8 คำถามสุดฮิต ของคนมีลูกยาก ให้กับผู้อ่านที่ต้องการมีโซ่ทองคล้องใจกันสักเล็กน้อย
1. จำเป็นไหมที่หลังจากร่วมรักแล้ว...ฝ่ายหญิงจะต้องนอนต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง?
จำเป็น เพราะหลังจากที่ฝ่ายชายหลั่งอสุจิไว้ในช่องคลอดของฝ่ายหญิงแล้ว น้ำอสุจิที่หลั่งออกมาใหม่ๆ จะมีลักษณะเป็นวุ้นข้นๆ ตัวอสุจิจะยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ตามปกติแล้วน้ำอสุจิที่เป็นวุ้นจะละลายตัวเป็นน้ำในเวลาประมาณ 15-30 นาที หลังจากที่ได้หลั่งออกมาจากผู้ชาย
หลังจากน้ำอสุจิละลายจากวุ้นกลายเป็นน้ำแล้วตัวอสุจิก็จะสามารถเคลื่อนไหวแหวกว่ายหาทางเข้าไปภายในปากมดลูก เพื่อเดินทางผ่านโพรงมดลูกไปผสมกับไข่ที่ตกมารออยู่ในท่อนำไข่ต่อไป
ถ้าจะให้ดีแล้ว ท่านอนก็มีความสำคัญเช่นกัน ผู้หญิงที่อยากตั้งครรภ์เร็วๆ ควรจะนอนในท่านอนหงาย โดยมีหมอนหนุนศีรษะมารองบริเวณสะโพก เพื่อยกช่วงกลางลำตัวให้สูงขึ้นช่องคลอดจะได้ชันเป็นมุมที่ชันขึ้นกว่าเดิม จะได้เก็บขังน้ำอสุจิได้ในปริมาณที่มากขึ้น และควรชันขาทั้ง 2 ข้างขึ้น แยกหัวเข่าออกจากกันเล็กน้อย ให้ฝ่ายชายร่วมรักในท่าดังกล่าวและหลั่งน้ำอสุจิไว้ภายในตามปกติ
2. จำเป็นไหมที่ฝ่ายชายต้องเก็บน้ำเชื้อไว้นานๆ ไม่ปล่อยออกก่อนวันไข่ตก?
เป็นความเข้าใจผิดอย่างแรง...และไม่ควรยึด ถือปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง เพราะทฤษฎีมีอยู่ว่า ถ้าไม่ค่อยปลดปล่อยออก การผลิตตัวอสุจิจะลดลง เพราะร่างกาย คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ ขณะเดียวกันถ้าใช้งานเป็นประจำสม่ำเสมอ ร่างกายจะต้องใช้จึงเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น
เพราะฉะนั้น หลักของการที่อยากให้มีตัวอสุจิที่แข็งแรงใหม่สด ในปริมาณที่มากต้องพยายามใช้งานเป็นประจำอย่างเหมาะสม ห้ามเก็บเชื้อไว้หลั่งเฉพาะวันไข่ตกเท่านั้น เนื่องจากบางครั้งไม่สามารถที่จะเก็บกักไว้ได้ ร่างกายก็จะเกิดอาการฝันเปียกออกไป เสียของดีๆ ไปหมด
แม้ว่าตัวอสุจิเมื่อหลั่งออกมาแล้วส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 48 ชั่วโมง แต่บางครั้งตัวอสุจิที่ทนๆ ก็สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ในมดลูกของฝ่ายหญิงนานถึง 4 วัน เพื่อรอการผสมกับไข่ก็มี
การร่วมรักให้มีบุตรจึงจำต้องกระทำสม่ำเสมอ อย่ารอมีอะไรกันเฉพาะวันไข่ตก ประสิทธิภาพของการมีบุตรจะลดลง
3. ปริมาณของน้ำอสุจิที่เป็นปกติมีเท่าใด และมีคุณสมบัติอย่างไรจึงจะมีบุตรง่าย?
ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกแล้ว แต่ละครั้งที่ฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิออกมาควรมีปริมาณประมาณ 2-5 มิลลิลิตร มีความเข้มข้นของตัวอสุจิมากกว่า 20 ล้านตัวต่อมิลลิลิตร และตัวอสุจิมีการเคลื่อนไหวมากกว่าร้อยละ 50
รวมทั้งมีตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปข้างหน้ามากกว่าร้อยละ 25 และมีตัวอสุจิที่มีรูปร่างสมบรูณ์อย่างน้อยร้อยละ 14 ขึ้นไป จึงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายหญิงเกิดการตั้งครรภ์
4. เป็นความจริงไหมที่สาเหตุของการมีบุตรยากจะเกิดจากฝ่ายหญิง?
ไม่เป็นความจริงเลย เพราะในความจริงแล้ว สาเหตุของการมีบุตรยากจากฝ่ายหญิงมีเพียงร้อยละ 40 เท่าๆ กับสาเหตุการมีบุตรยากที่เกิดจากฝ่ายชาย โดยที่การมีบุตรยากเกิดจากปัจจัยร่วมกันของทั้งสองฝ่ายถึงร้อยละ 20
เพราะฉะนั้น ห้ามโทษกันเด็ดขาดว่าปัญหาอยู่ที่ใคร เพราะจะทำให้การรักษาการมีบุตรยากได้ผลไม่ดีสมที่ตั้งใจไว้
และที่แน่นอนก็คือ การตรวจหาสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยากในฝ่ายหญิงจะยุ่งยากกว่าใช้เวลานานกว่า และมีโอกาสเจ็บตัวมากกว่า ในขณะที่การหาสาเหตุของฝ่ายชาย แม้จะไม่ยุ่งยากเท่า แต่ก็มักจะหาสาเหตุไม่ค่อยพบ รวมทั้งรักษาได้ยากกว่าเช่นกัน
- อ่าน 49,288 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้