วันนี้เป็นวันที่ป้าหมอจะปิดการรักษาคนไข้ที่ชื่อว่า "คุณแป้ง" คนไข้ที่ได้มารักษากับป้าหมอแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งนับว่าการรักษาในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เท่านั้น ...ในขณะที่ป้าหมอกำลังคิด ประตูก็เปิดออก ภาพผู้หญิงวัย 53 ปี ปรากฏทันทีด้วยความสวยงามทั้งหน้าตา ทรงผม เสื้อผ้าอาภรณ์ และเครื่องประดับ ช่างสมกับคำว่า "สวยตั้งแต่หัวจดปลายเท้า" เสียจริงๆ
ความสวยงามของเธอวันนี้ดูจะมากกว่าวันที่คุณแป้งเดินเข้ามาขอคำปรึกษากับป้าหมอเป็นครั้งแรก ใบหน้าของเธอดูซีดเซียว แววตาดูหม่นหมองจากการอดหลับอดนอน และเริ่มร้องไห้ทันทีที่ป้าหมอเริ่มการรักษา เสียงร้องไห้ของเธอช่างเป็นเสียงที่โหยหวนและยาวนานมากที่สุดเท่าที่ป้าหมอจะเคยได้ฟังมา เธอร้องไห้เสมือนเป็นการเสียน้ำตาครั้งสุดท้ายในชีวิต
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าความสุขเป็นของคู่กันกับความทุกข์ คนที่มีแต่ความสุขในชีวิต ไม่เคยได้รับรู้รสชาติของความทุกข์เลยนั้น ยามที่ต้องผิดหวัง คงต้องใช้เวลานาน กว่าจะปรับตัวได้ แตกต่างกับคนที่ในชีวิตมีแต่ความทุกข์ ยามใดที่ได้มีความสุข ก็จะรู้สึกสุขล้น
คนไข้ของป้าหมอรายนี้เข้ามาพบป้าหมอด้วยตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องพามา ป้าหมอมองเข้าไปในดวงตาที่แดงกล่ำ และถามว่า "คุณแป้งพอจะเล่าให้ป้าหมอฟังได้มั้ยค่ะ ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแป้งไม่สบายใจ เผื่อว่าเราสองคนจะได้ช่วยกันหาทางออกให้กับปัญหานี้ค่ะ"
เธอเล่าพร้อมทั้งน้ำตาที่เอ่อล้นบนใบหน้าว่า "แป้งนอนไม่หลับเลยค่ะ สับสนมาก อยากจะทำร้ายตัว อยากจะฆ่าตัวตายให้มันพ้นๆปัญหาไปเสียที แป้งไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ชีวิตของแป้ง อะไรๆ ก็ดูจะแย่ไปหมด
ปัญหาของแป้งมันเริ่มต้นมาจากเมื่อ 3 ปีก่อน สามีของแป้ง ชายหนุ่มรูปงามที่หญิงสาวทุกคนดูจะใฝ่ฝัน เขาเป็นผู้ชายที่มีมารยาทดี ฐานะดี และมีหน้าที่การงานที่มั่นคง เราพบกันจากการทำงานประสานกัน แป้งยอมรับค่ะว่าแป้งตกหลุมรักเขาแทบจะในวินาทีแรกที่เจอ ด้วยความที่เขาสุภาพและความดูแลเอาใจใส่ที่เขามีให้" เมื่อคุณแป้งเล่าถึงจุดนี้ ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นมา ภาพในอดีตที่เคยหวานชื่นคงมีความสำคัญกับเธอมาก
เธอเล่าต่อทันทีว่า "พี่เขาเข้ากับคุณพ่อคุณแม่ของแป้งได้อย่างรวดเร็วมาก จนคุณพ่อคุณแม่สนับสนุน ให้เราทั้งคู่แต่งงานกัน หลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว สามีก็ไม่ยอมให้แป้งทำงาน เค้าอยากให้แป้งอยู่บ้านเลี้ยงลูก ให้เป็นแม่บ้านเต็มตัว เพราะอาชีพของพี่เขาก็ได้รายได้ที่มากเพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวของเราได้อย่างสบาย"
หลังจากนั้นไม่นาน คุณแป้งก็ให้กำเนิดลูกชาย เป็นโซ่ทองคล้องใจ เป็นดั่งตัวแทนแห่งความรักความผูกพันของทั้งคู่ ความรักของทั้งคู่ดูจะแนบแน่นขึ้น สามีของคุณแป้งรักลูกชายมาก อีกทั้งยังเอาใจใส่ดูแลคุณแป้งและลูกชายอย่างสม่ำเสมอ
คุณแป้งก็เช่นกัน เธอรักสามีและลูกชายมาก มากเสียจนทำให้เธอคิดอยู่เสมอว่า "ทั้งชีวิตนี้...แป้งมีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่เป็นความสุข"
จนกระทั่งลูกชายเรียนจบมหาวิทยาลัย และทำตามความฝัน คืออยากเป็นนักบินเหมือนพ่อ ลูกชายของคุณแป้งแต่งงานกับแอร์โฮสเตสชาวญี่ปุ่น จึงไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ต่างประเทศ และจะกลับมาเยี่ยมคุณพ่อและคุณแม่เพียง 2-3 ปีครั้งเท่านั้น
แล้วเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา สามีของคุณแป้งก็ล้มป่วย ด้วยโรคหลอดเลือดสมองแตก จนเป็นอัมพาต ทำให้ต้องออกจากงาน แต่คุณแป้งก็ดูแลเอาใจใส่สามีของเธอเป็นอย่างดี คุณแป้งไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟัง เพราะเธอคิดว่าไม่อยากจะรบกวนชีวิตครอบครัวของลูก แม้ว่าคุณแป้งจะมีชีวิตที่หรูหรา มีเงินทองมากมาย แต่การที่เธอต้องอยู่ห่างไกลจากลูกชาย อีกทั้งต้องดูแลสามีที่เป็นอัมพาตก็ทำให้เธอต้องแอบร้องไห้คนเดียวอยู่บ่อยๆ
ระยะหลังมานี้สามีของคุณแป้งก็เริ่มมีอาการแน่นหน้าอก จนมาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวกะทันหันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้
หลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไป คุณแป้งเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ กินไม่ได้ รู้สึกกระสับกระส่าย อยากฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้ตามไปอยู่กับสามีในโลกหลังความตาย เธอคิดเช่นนั้นเพราะเธอเชื่อเรื่องชาติภพ หลังความตาย
ป้าหมอให้การรักษาคุณแป้งอยู่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ อาการนอนไม่หลับและกระวนกระวายใจของเธอก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนป้าหมองดให้ยานอนหลับ เพื่อให้ร่างกายของคุณแป้งเรียนรู้การนอนหลับได้เองตามธรรมชาติ
มาวันนี้คุณแป้งเอ่ยปากถามป้าหมอด้วยความมั่นใจว่า "คุณหมอคะ ดิฉันเป็นโรคอะไรหรือคะ"
ป้าหมอตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า "ชีวิตที่ผ่านมาของคุณแป้งเป็นชีวิตที่ราบเรียบ ราบรื่นเต็มไปด้วยความสุข ไม่เคยพบกับปัญหาใดๆ มารบกวนจิตใจ ทำให้คุณแป้งไม่คุ้นเคยกับอุปสรรคต่างๆ นานา ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตของคนเรา
ดังนั้น เมื่อคุณแป้งต้องพบกับปัญหาอาการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตของสามีอย่างกะทันหัน รวมถึงการพลัดพรากจากลูกชายอันเป็นที่รัก หลายปัญหาเข้ามารุมเร้า ทำให้คุณแป้งไม่พร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่รายล้อมเข้ามาพร้อมๆ กัน"
คุณแป้งกล่าวความรู้สึกของตนด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า "หลังจากเข้ามารับการรักษากับคุณหมอ แป้งรู้สึกว่ามันทำให้แป้งเรียนรู้การจัดการปัญหาชีวิตได้ดียิ่งขึ้น แป้งเลิกคิดที่จะฆ่าตัวตายแล้ว หลังจากที่ได้พยายามเข้ากลุ่มทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ และการออกกำลังกายที่มากขึ้นๆ ต้องขอบพระคุณคุณหมอมากจริงๆ นะคะ ที่ทำให้แป้งมีวันนี้"
เธอกล่าวขอบคุณป้าหมอแล้วเดินจากไปพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ชีวิตของเด็กบางคน ซึ่งถูกเลี้ยงดูมาด้วยความดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ไม่มีภูมิชีวิตที่จะต่อสู้กับปัญหาทำให้เด็กขาดประสบการณ์และทักษะการแก้ไขปัญหา
วันใดที่ชีวิตของเราเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อพบเจอกับปัญหา เด็กบางคนสามารถเดินผ่านมันไปได้อย่างง่ายดาย แต่บางคนก็ยังไม่ทันได้เตรียมรับมือกับปัญหานั้นๆ ดังนั้นเราควรจะให้โอกาสเด็กๆ ได้เรียนรู้ความจริงของชีวิต
สุดท้ายนี้ ป้าหมออยากให้ผู้อ่านทุกคนมองวิกฤติเป็นโอกาสสำหรับเด็กๆ ที่จะได้เรียนรู้ เพิ่มความสามารถ เพื่อที่เราจะสามารถอาศัยอยู่บนโลกได้อย่างไม่พลาดพลั้งเสียที หากเราสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เปลี่ยนปัญหาให้เป็นพลังแล้วละก็ ประสบการณ์ชีวิตเหล่านี้จะแปรเปลี่ยนเป็นวัคซีนที่คอยสร้างภูมิคุ้มกันให้พวกเรามีชีวิตที่เข้มแข็งขึ้น
สวัสดีค่ะ
- อ่าน 4,522 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้