• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

หลอน

คุณจะทำอย่างไร...หากคุณเห็นในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ได้ยินเสียงกระซิบที่คนอื่นไม่ได้ยิน

ป้าเย็นหญิงวัย 65 ปี มารักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อผ่าตัดเปลี่ยนเข่า ปกติป้าเย็นเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคความดัน ไม่เป็นโรคเบาหวาน มีไขมันในเลือดขึ้นเล็กน้อย สุขภาพจิตดี ยิ้มแย้มแจ่มใจ และความจำดี

ญาติๆ ของป้าเย็นรู้สึกสบายใจที่ป้าเย็นจะเข้ารับการผ่าตัด เพราะรู้ว่าหลังผ่าตัดแล้ว ป้าเย็นน่าจะเดินไปโน่นไปนี่ได้ดีกว่าเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาโรคปวดหัวเข่าทำให้ป้าเย็นแทบจะขาดการสมาคมกับญาติพี่น้อง ต้องใช้วิธีโทรศัพท์พูดคุยกันแทน

ป้าเย็นมานอนที่โรงพยาบาล เพียงคืนแรกป้าเย็นก็ปลุกลูกกลางดึก แล้วบอกว่าไม่อยากอยู่โรงพยาบาลนี้เลย รู้สึกนอนไม่สบาย แล้วห้องที่ป้าเย็นอยู่นี้ มันจะปลอดภัยหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาหารที่พยาบาลเอามาให้ก็ไม่รู้ว่าสะอาดหรือเปล่า รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่มาทำความสะอาดที่นี่ ป้าเย็นมีความรู้สึกว่าเขาจับตาดูป้าเย็นอยู่ตลอดเวลา

ลูกๆ ได้แต่ยิ้มมุมปาก แล้วบอกว่า "แม่ไม่ต้องคิดมากหรอก โรงพยาบาลนี้ดีที่สุด เราเลือกโรงพยาบาล ที่แพงที่สุด เพื่อให้แม่ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด"
Ž

ท่าทางขึงขังของป้าเย็นในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัด ก็ทำให้ลูกเริ่มเฉลียวใจ เพราะป้าเย็นเริ่มไม่กินอาหาร โดยบอกว่าน่าจะมียาพิษอยู่ในอาหาร ป้าเย็นถามถึงลูกชายที่อยู่ต่างประเทศว่า "เกิดอุบัติเหตุหรือเปล่า" และเริ่มถามถึงสามีที่อยู่ต่างจังหวัดว่า "มีคนมายิงสามีตายใช่ไหม"Ž

ครั้นพอลูกๆ ต่อโทรศัพท์ให้ป้าเย็นได้คุยกับสามี ก็ดูป้าเย็นจะเย็นใจลงสงบได้ และเมื่อติดต่อกับลูกชายที่อยู่ต่างประเทศได้ ป้าเย็นก็ดูจะกลายเป็นคนมีเหตุมีผลมากขึ้น

พรุ่งนี้จะเป็นวันผ่าตัด ตอนกลางคืน แพทย์ที่ผ่าตัดจะต้องมาเยี่ยมผู้ป่วยตามมาตรฐานการผ่าตัด เมื่อคุณหมอมาเยี่ยม ก็เป็นคุณหมอคนเดิมที่ป้าเย็นเลือกและไว้ใจ เพราะคุณหมอคนนี้เป็นคนที่ผ่าตัดพี่น้องป้าเย็นอีกหลายๆ คน แล้วป้าเย็นก็มาที่นี่ เพราะญาติแนะนำว่าหมอคนนี้ดีเยี่ยม นิสัยยอด ป้าเย็นจะต้องได้รับความสะดวกสบายอย่างดีทีเดียว

คุณหมอมาค่อนข้างดึก เนื่องจากเพิ่งออกจากห้องผ่าตัด เพราะมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ป้าเย็นหลับไปแล้ว จึงถูกปลุกขึ้นมาเพื่อคุยกับคุณหมอ บรรยากาศในห้องพักที่ป้าเย็นอยู่กับลูกๆ หลานๆ หลายคน ป้าเย็นจับมือลูกสาวที่อยู่ใกล้แม่ที่สุด พร้อมกับบอกลูกสาวว่า
"นี่ไม่ใช่หมอที่แม่ต้องการผ่าตัด"Ž
ขณะพูดป้าเย็นตัวสั่นไปหมด คุณหมอเองก็ตกใจ เพราะคำที่พูดของป้าเย็นดูเหมือนคนมีอาการประสาท หลอน แล้วป้าเย็นก็เริ่มพูดว่า
"ให้หมอคนนี้ออกไปจากห้องเลยนะ แม่ไม่ผ่าตัดกับหมอคนนี้ และจะไม่มีการผ่าตัดด้วย พรุ่งนี้แม่จะกลับบ้านด่วน แล้วถ้าเป็นไปได้นะ แม่จะกลับเดี๋ยวนี้เลย"Ž

ลูกๆ พยายามอธิบาย แต่รู้สึกว่าป้าเย็นเอะอะโวยวายดังขึ้นไปเรื่อยๆ จนคุณหมอบอกว่า
"การผ่าตัดในวันพรุ่งนี้คงจะต้องเลื่อนไปก่อนนะครับ คงจะต้องมีแพทย์มาดู เพื่อเตรียมผ่าตัดในลำดับต่อไป"Ž
คุณหมอคนดังกล่าวเดินออกไปอย่างเงียบๆ แล้วตัดสินใจให้ป้าหมอเข้าไปดูแลป้าเย็นก่อนเข้ารับการผ่าตัด

ตอนเช้าที่ป้าหมอไปพบป้าเย็น เธอดูเป็นหญิงชราสมวัย หน้าตาใจดี ท่าทางแจ่มใส พูดคุยกับป้าหมอ อย่างเป็นปกติ ความทรงจำดีเหมือนปกติ แทบไม่มีวี่แววของป้าเย็นคนเมื่อคืนตามที่หมอที่ปรึกษาเขียนไว้เลย

ระหว่างที่เราคุยกัน ป้าเย็นก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่มีสิ่งหนึ่งที่ป้าเย็นบอกกับป้าหมอ คือ ตนเองปฏิเสธการผ่าตัดและต้องการกลับบ้านให้เร็วที่สุด เมื่อลูกต้องการให้อยู่กับป้าหมอต่ออีกวันสองวัน ป้าเย็นก็จะลองตามใจลูกดู แต่ว่าไม่ยอมผ่าตัดแน่นอน

เมื่อเราคุยกับไปอีกระยะหนึ่ง ป้าเย็นก็เริ่มเล่าว่า แม้แต่ในห้องอาบน้ำ คุณหมอสังเกตหรือเปล่าว่ามันมีมดไต่อยู่ตามเพดาน ทุกครั้งที่เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ ป้าเย็นรู้สึกกลัว กลัวว่ามดจะมากัด กลัวว่าจะมีอันตรายกับคนในห้อง ขณะพูดนั้นป้าเย็นก็จูงมือป้าหมอไปที่ห้องอาบน้ำ

ห้องอาบน้ำมีขนาดใหญ่กว้างขวาง มีม่านกั้น มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการปัสสาวะสำหรับผู้หญิงวางอยู่ เมื่อเปิดไฟสว่างฝาผนังทุกด้านสะอาด ไม่มีมดสักตัว ขณะพูดป้าเย็นก็ชี้ไปที่ผนัง แล้วบอกว่า
"นั่นไงคะ คุณหมอ มดเดินอยู่"Ž

ป้าหมอก็เลยเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วบอกป้าเย็นว่า
"อ๋อ...หมอดูอีกทีหนึ่งไม่มีนะคะ"Ž
ขณะพูด ป้าเย็นก็ก้าวเข้ามายืนข้างๆ ป้าหมอด้วยความรู้สึกไว้วางใจ แล้วบอกว่า
"เอ๊ะ ! หรือฉันจะตาฝาดไปเอง"Ž

แต่ขณะที่ป้าเย็นกำลังจะก้าวออกจากห้อง ไม่รู้อะไรทำให้ป้าเย็นหันขวับมา เท่านั้นแหละ ป้าเย็นร้องกรี๊ดแล้วบอกว่า
"คุณหมอ ไอ้มดตัวเล็กที่ไต่ข้างฝาที่เราเห็น ตอนนี้มันกลายเป็นเลือดไปหมดแล้ว"Ž

หลังจากนั้นป้าเย็นก็เริ่มเอะอะโวยวาย ควบคุมไม่ได้ การผ่าตัดหัวเข่าของป้าเย็นก็ต้องเลื่อนไปก่อน แต่เริ่มต้นด้วยการรักษาอาการหลอนที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยสูงอายุ ซึ่งได้รับความเครียดหรือนอนไม่หลับ รวมทั้งการเปลี่ยนสถานที่ในระยะเวลาสั้นๆ

เราเริ่มยาในคืนนั้น ทั้งคืนป้าเย็นหลับได้ดี และดูแจ่มใสมากขึ้นในตอนเช้า อาการป้าเย็นสงบ ป้าหมอแนะนำลูกหลานที่เฝ้าอยู่จำนวนมากว่า ขอให้เลือกคนที่ป้าเย็นรัก สนิทและคุ้นเคยกับป้าเย็น เป็นคนเฝ้าเพียง 1-2 คน เพื่อไม่ให้ป้าเย็นต้องปรับตัวกับลูกหลานหลายๆ คน

อีกข้อหนึ่งก็คือ หลังเวลาวิกาล เริ่มโพล้เพล้ ขอให้ลูกหลานอย่ามาเยี่ยม ป้าหมอรู้ว่าตาของคนแก่นั้น ในบางครั้งการมองเห็นภาพจะไม่คมชัด ทำให้เกิดภาพเหมือนหลอนได้ง่าย ลูกหลานก็เต็มใจและให้ความร่วมมือ โดยจัดหลานสาวสุดที่รัก 2 คนมานอนเฝ้า แล้วทุกคนก็กลับไป

ป้าเย็นดีวันดีคืน เพียง 3-4 วัน ทุกอย่างก็เป็นปกติ คราวนี้เมื่อป้าหมอถามป้าเย็นว่า
"ตกลงว่าคราวนี้ เรื่องผ่าตัดเข่า คิดยังไงค่ะ"Ž
ป้าเย็นก็ยิ้มหวาน พร้อมกับบอกว่า
"ผ่าได้เลยค่ะ เอาพรุ่งนี้เลย คืนนี้ดิฉันจะนอนแต่หัวค่ำ แล้วก็จะทำอย่างที่คุณหมอบอก คือไม่ให้คนมาเยี่ยม จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่"Ž

ขณะพูดกับป้าหมอ ป้าเย็นก็หันมาบอกลูกหลานว่า
"เดี๋ยวนี้ป้าไม่เห็นอะไรที่น่ากลัวแล้ว เมื่อก่อนเห็นแต่ละอย่าง น่ากลัวจริงๆ ใครไม่เห็นไม่รู้ด้วย ก็ไม่เข้าใจหรอกว่ามันน่ากลัวแค่ไหน"

แล้วเราก็เตรียมป้าเย็นสำหรับการผ่าตัดในวันมะรืนนี้ ให้ผ่าตัดกับคุณหมอคนเดิม และหลังผ่าตัดป้าเย็นก็กลับบ้านด้วยสุขภาพดีทั้งขา ทั้งสุขภาพจิต และการไม่มีภาพหลอน แต่ยังต้องกินยาป้องกันภาพหลอนไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่กินน้อยลงไปทุกทีๆ และคาดว่าจะหยุดหลังจากนั้นอีกประมาณไม่กี่เดือน

เมื่อป้าหมอบอกกับลูกหลาน ทุกคนก็บอกว่าเต็มใจที่จะรักษาตามวิธีที่ได้รับคำแนะนำ

อาการหลอนอาจจะพบได้ในผู้สูงอายุหลายราย ผู้สูงอายุที่มีอาการหลอนมักจะเกิดในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เช่น เดินทางไปอยู่บ้านพักต่างจังหวัด ย้ายบ้านไปอยู่กับลูกอีกคนหนึ่ง หรือแม้กระทั่งการเดินทางมาพักเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาล

อาการดังกล่าวจะทำให้ผู้ป่วยหวาดกลัว และทำให้ลูกหลานตกใจ ซึ่งปัจจุบันสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา และปรับสิ่งแวดล้อมเพื่อไม่ให้เป็นตัวกระตุ้นผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องสายตา ความจำ และบางรายอาจจะมีปัญหาเรื่องการได้ยินด้วย

ตอนนี้ป้าเย็นกลับมาเป็นป้าเย็นคนเดิมแล้วค่ะ
สวัสดีค่ะ

ข้อมูลสื่อ

358-018
นิตยสารหมอชาวบ้าน 358
กุมภาพันธ์ 2552
ป้าหมอ