• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กินอย่างไรจึงขาดอาหาร

กินอย่างไรจึงขาดอาหาร

ไม่เอาลูก...พอแล้ว...ปลาน่ะ อย่ากินเข้าไปมากนะ มันไม่ดี เดี๋ยวเป็นพยาธิ”
คุณแม่ระดับปริญญา ห้ามลูกชายวัย 3 ขวบ บนโต๊ะอาหาร ไม่ให้กินปลาทูทอด ทั้ง ๆ ที่ควันยังกรุ่นอยู่ส่งกลิ่นหอมชวนให้ต่อมน้ำลายทำงานหนัก

“อ้าว...ทำไมห้ามไม่ให้ลูกกินปลาล่ะ” ผมถามไปหยั่งงั้นเอง เพราะเรื่องทำนองนี้ผมเองเมื่อสมัยเด็ก ๆ ก็เคยโดนห้ามมาแล้วเหมือนกัน

“ดิชั้น ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าทำไม ก้อผู้ใหญ่เขาห้ามเด็ก ๆ กินไม่ใช่หรือ” เธอตอบ แล้วย้อนถามผม

โอ๊ย...คุณ...นั่นมันสมัยโบราณแล้ว รุ่นเราน่ะถูกผู้ใหญ่หลอกมามากแล้ว เราก็ควรจะหาความจริง เพื่อให้รุ่นเด็ก ๆ ไม่ถูกหลอกอีก”

ผมตอบไปแบบไม่ค่อยจะตรงจุดเท่าใดนัก เป็นเชิงประชดมากกว่า ซึ่งความเป็นจริงนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากความเชื่อที่ผิด ดังตัวอย่างข้างต้น เมื่อระดับปริญญายังเป็นเช่นนี้แล้ว ระดับชาวบ้านล่ะ จะเป็นเช่นไร คำตอบคงจะไม่ยากที่เห็นกันอยู่จำนวนไม่น้อยก็คือ เป็นโรคขาดอาหาร ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ในผู้ใหญ่ไม่คอยจะน่าเป็นห่วงเท่าใดนัก แต่ในเด็ก ผู้ที่กำลังจะเป็นอนาคตของชาตินี่ซิ น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง การแก้ไขในเรื่องอาหารขาดแคลนไม่มีจะกิน เพราะความยากจน อันเป็นเหตุของการเป็นโรคขาดอาหาร อันนี้ทำได้ยาก แก้ได้ยาก แต่แก้ไขในความเชื่อผิด ๆ น่าจะแก้กันได้ หากได้ร่วมมือกันหลาย ๆ ฝ่าย

โรคขาดอาหารที่เกิดเนื่องจากมีกิน แต่ไม่ยอมกินหรือไม่ให้กิน จะได้ลดน้อยลงไปบ้าง หลายฝ่ายในที่นี้หมายถึง ทั้งนักเศรษฐกิจ สังคม นักการเมือง นักการเกษตร นักการศึกษา รัฐบาล รวมทั้งแพทย์เองด้วยยิ่งเป็นหมอทางสูติด้วยแล้ว น่าจะมีบทบาทที่สำคัญในเรื่องนี้ เพราะมีโอกาสได้ติดต่อกับแม่และเด็กเป็นประจำ บางครั้งบางคราวยังได้มีโอกาสติดต่อกับหมอตำแย ผู้มีบทบาทสำคัญในการดูแลแม่และเด็กในชนบท หมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญด้วย

ครับ...ถ้าช่วยกันคนละไม้คนละมือ
จึงจะแก้ปัญหาโรคขาดอาหารให้ทุเลาเบาบางลงได้ ดังที่ผมได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนต้นพอจะสรุปได้ว่า
การให้ความรู้ความเข้าใจ และความเชื่อถือ ต่อชาวบ้าน ทั้งในเมืองและในป่ามีความสำคัญมิใช่น้อย
ต้องให้เข้าใจว่า คุณผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น ร่างกายต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะอาหารพวกโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่

มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ยังหลงงมงายอยู่ว่า หากตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้ว จะกินอาหารพวกเนื้อไม่ได้ กินไข่ก็ไม่ได้ กินโน่นกินนี่ไม่ได้อีกหลายอย่าง จึงเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ความเข้าใจผิดเหล่านี้มาครอบงำ ทำให้ผู้เป็นแม่ ต้องขาดอาหารขณะตั้งครรภ์ ผลสะท้อนก็จะไปสู่เด็กในท้องอย่างไม่มีปัญหา
ผมเอง สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์เคยออกไปสำรวจเรื่องนี้ตามหมู่บ้านซึ่งความจริงก็มิได้อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพ ๆเมืองหลวงเท่าใดนัก แค่รัศมีประมาณร้อยกิโลเมตรเท่านั้นเอง

สิ่งที่พบหรือครับ หญิงตั้งครรภ์ ถูกห้ามกินไข่ ห้ามกินเนื้อ ห้ามกินปลา  เด็กไม่สบาย ถูกห้ามกินไข่แดง ห้ามกินเนื้อไก่ และอีกหลายสิบอย่างที่เป็นของแสลง ความจริงแล้ว เรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่แทบจะเรียกได้ว่า เป็นของปกติวิสัยของประเทศด้วยพัฒนาทั้งหลาย
มิใช่แต่ประชาชนคนไทยที่ห่างการศึกษาเท่านั้น
อีกหลายประเทศในอาฟริกา เช่น อูกันดา ก็เช่นกัน มีความนิยม กินดินเหนียวปั้นกับใบไม้ชนิดหนึ่ง กินกันเวลามีท้องด้วยความเชื่อที่ว่า ในดินน่าจะมีเกลือแร่หลาย ๆอย่าง กินแล้วจะได้แข็งแรงอะไรทำนองนั้น...

และยังมีอีกหลายอย่างครับ ที่ว่าการศึกษามีความสำคัญนั้นผมมิได้หมายความว่าต้องจบขั้นมหาวิทยาลัย หรือต้องจบปริญญาใด ๆ ไม่จำเป็นครับเพราะแม้แต่คนจบปริญญา ก็ยังมีความเชื่อผิด ๆ ได้เหมือนกันแต่การศึกษาให้ความรู้ในที่นี้ หมายถึงการให้ความรู้ถึงจุดถึงแก่นของโภชนาการกันเลยทีเดียว เอากันให้ถูกจุด เกาให้ถูกที่คัน ว่างั้นเถอะสอนให้ชาวบ้านรู้จักช่วยเหลือตนเองในการหาแหล่งอาหารสอนให้รู้จักการทำสวนครัว สอนให้รู้จักการเลี้ยงสัตว์อย่างถูกวิธี สอนให้รู้จักอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งหลาย สอนให้รู้จักวิธีเก็บอาหารไว้นานๆ สอนให้รู้จักวิธีการเกษตรที่ถูกหลัก

ให้รู้จักใช้วิทยาการพื้นบ้านสมัยใหม่ มาแทนวิธีการเก่า ๆ ที่ให้ผลน้อยหรือด้อยคุณภาพ สอนให้รู้ถึงของต้องห้ามที่แท้จริงทั้งหลาย อันไหนควรกิน อันไหนไม่ควรกิน และสิ่งที่ลืมเสียไม่ได้ คือ หากจะปรับปรุงด้านโภชนาการก็ต้องปรับปรุงด้านสาธารณสุขควบคู่กันไปด้วย เช่น การป้องกันโรคติดต่อ การป้องกันโรคพยาธิ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเหตุให้เกิดโรคหรือภาวะขาดอาหารได้เช่นกัน ก็ต้องพัฒนาควบคู่กันไปด้วย

สักวันหนึ่งข้างหน้า ผมหวังว่าโรคขาดอาหาร คงจะลดน้อยลงไปบ้างหากหลาย ๆ ฝ่ายร่วมมือร่วมใจกัน พัฒนาไปสู่จุดกลางหรือสายกลางคือ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดีกินน้อยไปก็เกิดโรค กินมากไปก็เกิดโรคต้องกินพอดี ๆ จึงจะไม่มีโรค ต้องเดินสายกลางตามคำสอนของพระพุทธองค์ เป็นดีที่สุดครับ
ขาด ๆ เกิน ๆ ต้องช่วยกันแก้ไขและปรับปรุง อนาคตของชาติจึงจะแจ่มใสโชติช่วงชัชวาล ตามความหวังและความต้องการของชาวไทยทุกคน.
 

ข้อมูลสื่อ

37-011
นิตยสารหมอชาวบ้าน 37
พฤษภาคม 2525
นพ.พนิตย์ จิวะนันทประวัติ