• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ตาบอดตาใสรู้ไว้ใช่ว่า

ตาบอดตาใสรู้ไว้ใช่ว่า
 

 

 ผู้เขียนได้กล่าวตอนต้นถึงโรคที่เข้าข่ายของการเป็นคนที่จะได้ชื่อว่า “ตาบอด – ตาใส “ ที่พบเสมอๆ พอสังเขปได้ว่ามี 7 โรค และฉบับที่ 43 ได้ว่าไว้
1. โรคตาเข
2. โรคตาผิดปกติ
3. ต้อหินชนิดเรื้อรัง

ฉบับที่ 44 ได้กล่าวถึง
4. ประสาทจอรับภาพเสื่อมชนิดเกิดกับเซลล์มีสีที่เรียกว่า โรคเรทติไนติสปิคเม้นท์โตซ่า
5. โรคประสามตาเสื่อมหรือฝ่อ
6.โรคจอรับภาพมีการเปลี่ยนแปลงจากโรคความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง หรือโรคเบาหวานระยะท้าย
7.จอรับภาพหลุดลอก

6.โรคจอรับภาพมีการเปลี่ยนแปลงจากโรคความดันโลหิตสูงมากๆ หรือโรคเบาหวานนานๆ  
   ( Retinopathy)
ตาจะมัวเป็นพักๆตามความรุนแรงของโรคพื้นฐาน เป็นตันว่า ถ้ามีผลมาจากโรคความดันโลหิตสูง อาการมัวจะเกิดขึ้นทันทีในขณะที่ความดันโลหิตกำลังขึ้น ถ้าไม่รีบรักษาตาจะมัวอยู่เช่นนั้นเรื่อยๆไป ในที่สุดบอดได้เมื่อเข้าระยะท้ายโดยที่อาการทางลูกตาส่วนหน้าไม่พบสิ่งผิดปกติแม้แต่เพียงน้อยนิด
หรือจากเบาหวาน อาการตามัว จะเกิดมากน้อยแล้วแต่ระยะเวลาและปริมาณน้ำตาลในเลือด ถ้าน้ำตาลมากเป็นร้อยกว่าสองร้อยหรือสามร้อยกว่าอยู่นานๆ เป็นปีหรือสองปีตนเองไม่รู้ตัว ไม่เคยเจาะเลือดตรวจเบาหวานดูเลย เพียงแต่สายตามัวลงทีละน้อยๆเพราะข้อดีอยู่อย่าง พวกเบาหวานในระยะเริ่มต้นหรือระยะกลางๆสานตัวที่มัวอาจช่วยด้วยการใส่แว่นแบบสายตาสั้นประทังไปได้ ทำให้ผู้นั้นคิดว่าตนเองสายตาสั้น แต่อาการสายตาสั้นที่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามปริมาณน้ำตาลที่มีในร่างกาย

ท่านใดก็ตามที่เปลี่ยนแว่นตาบ่อยกว่าที่ควร น่าจะตรวจหาเบาหวานดูด้วย เพราะมิฉะนั้นแล้ว ตาอาจบอดได้ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงภายในตาและจอประสาทรับภาพโรคนี้บอดได้สนิทดีจริงๆแก้ไขยาก ต้องเริ่มป้องกันเสียตั้งแต่เป็นเบาหวานน้อยๆ

   

การรักษา :
รักษาตามโรคพื้นฐานที่ทำให้เกิดคนที่มีอายุกลางคนหรือสูงอายุ รูปร่างอ้วนใหญ่ พุงค่อนข้างยื่น หน้าฉุๆ กินอาหาร ดื่มน้ำวันละมากๆ น่าจะใกล้เคียงโรคทั้ง 2 มากที่สุด หรือพวกกินดีอยู่สุขสบาย ไม่ค่อยออกกำลังกายเลย มุแต่งานเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตำแหน่งหน้าที่การงานและผลประโยชน์ของตนเองยิ่งเข้าข่ายมากไปอีก
โปรดระวังด้วย ใครมีหุ่นสมาร์ทดังกล่าว อาจตาบอด-ตาใส ด้วยโรคใดโรคหนึ่งได้ง่ายมาก
ถึงคุณจะมีเงินในธนาคารเป็นสิบๆ ล้าน ถ้าตาบอดตาใสด้วยโรคทั้ง 2 แล้วแล้วละก็..เศร้า ! เข้าทำนองที่ว่า .....”เดี๋ยวจะว่าหล่อไม่เตือน” นั่นแหละ


7.จอรับภาพหลุดลอก (Retinal detachment )
หมายถึงภาวะที่มีการหลุดลอกของจอประสาทรับภาพภายในลูกตา ( Retina ) ออกจากที่เกาะ เนื่องจากสาเหตุอะไรก็ได้ที่พบเสมอ คือ หลุดออกเองโดยไม่ทราบสาเหตุ กับอีกภาวะคือ การโดนกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณตาข้างนั้น

สำหรับสาเหตุที่หลุดลอกออกเองเป็นภาวะที่อยู่ดีๆผู้ป่วยจะบอกว่า ตาข้างนั้นมืดไปแถบหนึ่งหรือซีกหนึ่ง ไม่ครึ่งบนก็ครึ่งล่าง หรือด้านซ้ายไม่ก็ด้านขวา มองเห็นไม่เต็มทิศทั้ง 4 ด้าน ความโน้มเอียงของผู้ที่จะมีจอรับภาพหลุดลอก มักมาจากหลายอย่าง เป็นต้นว่า ผู้ที่มีสายตาสั้น สวมแว่นตาหนาเตอะเหมือนก้นขวดให้ระวังไว้มาก ๆ เพราะพวกนี้ลูกตามีขนาดโตกว่าคนปกติ ทำให้น้ำวุ้นลูกตาค่อนข้างเหลว การยึดเกาะติดร่วมกันกับจอประสาทรับภาพไม่แน่นหนาพอ มีโอกาสดึงรั้งหลุดลอกเอาได้ง่าย ๆ หรือผู้เป็นโรคเบาหวานนาน ๆ วุ้นลูกตามีพังผืดเกิดขึ้น หดตัวรั้งให้จอรับภาพหลุดจากที่เกาะ หรือในคนสูงอายุที่มีความเสื่อมของจอประสาทรับภาพอาจเกิดภาวะโรคนี้ได้

ในเด็กเล็กหรือคนที่กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ไม่ค่อยพบโรคนี้ อาจเป็นเพราะร่างกายและอวัยวะดังกล่าวยังแข็งแรง มีการเกาะติดแน่นหนา ขนาดเล่นกีฬาชกมวยเสมอ ๆ บางคนยังเฉย แม้จะโดนชกบริเวณเบ้าตา ถือเป็นโชคดีของคนวัยนี้ ไปอีกประการ ส่วนที่มีสาเหตุจากแรงกระแทกโดยตรง คงไม่มีปัญหาสงสัยอะไร เพราะแรงกระแทกที่ลูกตาข้างนั้น ทำให้จอรับภาพหลุด ฉีกขาดได้ง่ายมาก
บางคน จอรับภาพหลุดโดยไม่ทราบสาเหตุ ปล่อยทิ้งไว้หรือซื้อยามากินเอง หยอดเอง ล้างตาทุกวัน ทำไมไม่หาย ปล่อยเลยตามเลย นานๆ เข้า ตาข้างนั้นจะเสื่อมถอย ไม่ใช้งาน บอดไปในที่สุด ทั้ง ๆ ที่ลูกตาด้านหน้าเหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ
จึง....ถ้าเมื่อใดมีอาการ ตาข้างใดข้างหนึ่งมืดไปซีกหรือส่วนหนึ่งโดยไม่ได้โดนกระแทก จงรีบพาตัวเองหรือผู้นั้นไปตรวจตาเสียโดยเร็วเถอะ

การรักษา :
ถ้าได้รับการตรวจและวินิจฉัยระยะต้นของโรค โอกาสรักษาหายมีมาก โดยการผ่าตัดให้จอรับภาพเข้าที่เดิม ปล่อยทิ้งไว้.....เห็นจะไม่แคล้ว...ตาบอด-ตาใส เป็นแน่
เท่าที่กล่าวมาทั้งหมดหกเจ็ดประการของภาวะที่ทำให้มีอาการ “ตาบอด-ตาใส” ข้างต้น พอจะเป็นแนวทางให้ท่านทราบว่า คนเราแม้ดูเผิน ๆ นั่งสนทนากันอยู่ตรงหน้า เขาอาจจะมีตาอีกกข้างหนึ่ง
บอดไปแล้วก็ได้ โดยที่ลูกตาด้านหน้าไม่ได้มีร่องรอยของการอักเสบ หรือผิดปกติอื่นใดให้เป็นที่สังเกตเลยจนนิดเดียว อาจจะเกิดจากภาวะหนึ่งภาวะใดได้ทั้งหมดที่กล่าวมา เว้นในกรณีบางคนเท่านั้นที่อาจจะไม่มีอยู่หกเจ็ดข้อข้างต้น ถือเสียว่า พวกพิเศษก็แล้วกัน หรือจะเรียกว่า “ช้างเผือก”คงจะได้
ทั้งนี้และทั้งนั้นทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเฉลียวใจ ความเอาใจใส่ต่อตาของท่านเอง หรือญาติพี่น้องเพื่อนฝูง รวมทั้งคนรักของท่านเป็นสิ่งสำคัญ

การวินิจฉัยที่ถูกต้องระยะเริ่มแรก เป็นเรื่องสำคัญที่จะบอกท่านว่าการรักษาจะได้ผลมมากน้อยแค่ไหนอีกด้วย บางโรคพอจะป้องกันและรักษาได้ โดยเฉพาะพวกตาเขหรือสายตาผิดปกติปล่อยทิ้งไว้ก็บอดอย่างน่าเสียดาย ไม่เป็นการเสียหายอะไรเลยที่จะไปปรึกษาแพทย์ทางด้านนี้ดูในเรื่องที่ตนสงสัย หรืออาจจะเป็นอันหนึ่งอันใดได้ทั้งนั้น ไม่มีจักษุแพทย์ท่านใดรังเกียจ
ยกเว้นในบางคนที่จัดอยู่ประเภทโรคตาบอด-ตาใสก็ได้กระมัง ได้แก่โรค “บ้ารัก” หรือ “เมารัก” ในหนุ่มสาว (แก่ ๆ อาจจะพอมี !) เข้ากับคำพังเพยที่ว่า “เมารักมักตาบอด” อะไรทำนองนั้นแหละครับ
ถ้าท่านพบพวกตาบอดเพราะบ้ารักเกิดกับผู้ใดละก็ ไม่ต้องแนะนำหรือส่งไปให้จักษุแพทย์ตรวจนะครับ ปล่อยให้ตาบอดไปเถอะ...แล้วคงจะหายได้เองตามวันเวลา!!

 

 

 

ข้อมูลสื่อ

45-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 45
มกราคม 2526
โรคน่ารู้
นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์