• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เมื่อเป็นดีซ่าน ควรทำอย่างไร?

เมื่อเป็นดีซ่าน ควรทำอย่างไร?

อย่างไรถึงเรียกว่าดีซ่าน

ดีซ่าน หมายถึง อาการตาเหลือง ตัวเหลือง และปัสสาวะเหลืองเหมือนสีขมิ้นทุกครั้ง

คนที่ถูกเพื่อนทักว่า ตาขาวมีลักษณะสีขุ่นๆ ออกน้ำตาลหรือเลืองเล็กน้อยโดยที่ตัวไม่เหลือง ปัสสาวะใสดี และไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ แต่อย่างไร มักจะไม่ใช่เป็นดีซ่าน

คนที่มีอาการหน้าซีดหน้าเหลืองโดยที่ตาขาวไม่เหลือง และปัสสาวะใสดี ก็ไม่ถือว่าเป็นดีซ่าน มักจะเป็นอาการของโรคซีด โลหิตจาง

คนที่กินมะละกอสุกหรือฟักทองเข้าไปมาก สารสีเหลืองที่เรียกว่า แคโรทีน ในผลไม้เหล่านี้อาจเข้าไปจับตามฝ่ามือฝ่าเท้า ทำให้มือเท้าเหลือง โดยไม่มีอาการเหลืองของตาหรือปัสสาวะร่วมด้วย ก็ไม่ถือว่าเป็นโรคแต่อย่างไร

บางคนอาจรู้สึกตกใจเมื่อสังเกตว่าปัสสาวะออกเป็นสีเข้มคล้ายน้ำชาเป็นบางครั้งบางคราว ไม่ใช่สีเหลืองทุกครั้ง และตาไม่เหลือง ตัวไม่เหลือง แสดงว่าดื่มน้ำน้อยไป ปัสสาวะจึงมีสีเข้ม ถ้าดื่มน้ำให้มากขึ้นปัสสาวะก็จะกลับใสได้ อย่างนี้ก็ไม่ถือว่ามีความผิดปกติเช่นกัน

ทำไมจึงเป็นดีซ่าน

ดีซ่านเกิดจากสารสีเหลืองที่เรียกว่า บิลิรูบิน ในกระแสเลือดมีระดับสูงไปจากปกติ

บิลิรูบิน เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง โดยปกติตับจะทำหน้าที่ดึงเอาสารนี้ออกจากกระแสเลือด แล้วนำไปสร้างเป็นน้ำดี

น้ำดีที่สร้างในตับจะระบายผ่านท่อน้ำดีลงไปสู่ลำไส้ แล้วถูกขับออกมาพร้อมกับอุจจาระ ด้วยเหตุนี้อุจจาระจึงมีสีเหลือง

ถ้าหากร่างกายมีการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติ มีการอุดตันของท่อน้ำดี เป็นโรคตับอักเสบเป็นฝีในตับ หรือถุงน้ำดีอักเสบ ก็จะทำให้มีการคั่งของสารบิลิรูบินในเลือด หรือพูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ มีน้ำดีซ่านในกระแสเลือด (ดีซ่าน) ทำให้เกิดอาการเหลืองทั่วร่างกาย (ทั้งที่ตาขาว ตามผิวหนัง และปัสสาวะ)

วิธีแยกแยะสาเหตุอย่างง่ายๆ

การดีซ่านมีสาเหตุจากโรคมากมายหลายชนิด ในที่นี้จะขอกล่าวถึงสาเหตุที่พบได้บ่อย ดังนี้

1. ถ้ามีอาการดีซ่าน ไข้สูง หนาวสั่น และปวดเจ็บในท้องรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตรงบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่ อาจเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีอักเสบ หรือเป็นฝีในตับ ทางที่ดีควรไปหาหมอโดยเร็ว หากปล่อยไว้ อาจเป็นอันตรายได้

2. ถ้ามีอาการดีซ่านร่วมกับท้องมาน (ท้องบวม) ถ้าบวม อาจมีสาเหตุจาก ตับแข็ง ซึ่งจะพบมากในพวกที่ชอบดื่มสุราจัดมานาน ควรงดดื่มสุราโดดเด็ดขาด หมออาจให้ยาขับปัสสาวะเพื่อลดบวม วันละ 1 เม็ด

3. ถ้ามีอาการดีซ่านร่วมกับอาการซีดขาว อ่อนเพลีย มักเกิดจากโรคเลือด ควรหาหมอ

สาเหตุที่พบก็คือ โรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ จะมีอาการซีดเหลือง ตับโต ม้ามโต หน้าตาดูแปลกๆ และขี้โรคมาตั้งแต่เกิด เป็นโรคที่พบได้มากในบ้านเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสานและภาคเหนือ คนที่เป็นโรคนี้ควรกินอาหารพวกเนื้อ นม ไข่ และผักสดให้มากๆ ห้ามกินยาบำรุงเลือด (ที่เข้าธาตุเหล็ก) เพราะอาจทำให้ร่างกายสะสมธาตุเหล็กจนเป็นพิษได้

ถ้ามีอาการซีดเหลืองและมีไข้สูงเป็นครั้งราว มักจะเป็นโรคเลือดที่เกิดจากเม็ดเลือดแดงสลายตัวเฉียบพลันขณะเป็นไข้หรือแพ้ยาบางอย่าง (เช่น แอสไพริน ยารักษามาลาเรีย)

4.ถ้ามีอาการดีซ่านร่วมกับอ่อนเพลีย น้ำหนักลดฮวบฮาบ หรือคลำได้ก้อนแข็งๆ ขรุขระ บริเวณใต้ชายโครงขวา ควรหาหมอโดยเร็ว อาจเป็นมะเร็งตับได้ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีทางรักษา และมักจะตายภายใน 6-12 เดือน

5. ถ้ามีอาการดีซ่านเฉยๆ โดยไม่มีไข้ ไม่ปวดท้องมาก ไม่บวม ไม่ซีด มักมีสาเหตุจากโรคตับอักเสบจากไวรัส (ไวรัสลงตับ)

กว่าร้อยละ 80 ของคนที่เป็นดีซ่าน จะมีสาเหตุโรคนี้

คนที่เป็นโรคนี้อาการอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนเล็กน้อย ปวดจุกแน่นในท้องเล็กน้อย คนที่สูบบุหรี่อาจรู้สึกเหม็นเบื่อบุหรี่ บางคนอาจมีอาการไข้คล้ายไข้หวัดนำมาก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ ทางที่ดีควรไปหาหมอ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่ใช่มีสาเหตุจากโรคที่ร้ายแรงอื่นๆ

ถ้าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัสจริง ไม่จำเป็นต้องกินยาฉีดยาแต่อย่างไร เพราะโรคที่เกิดจากไวรัสในปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาโดยตรง ผู้ป่วยส่วนมากจะค่อยๆ หายได้เองภายใน 1-2 เดือน โดยการพักผ่อน ห้ามตรากตรำงานหนัก กินน้ำหวาน กินพวกเนื้อ นม ไข่ ผัก ผลไม้ให้มากๆ

ส่วนน้อยอาจมีโรคแทรกที่ร้ายแรงเช่น ตับแข็ง หรือกลายเป็นมะเร็งในตับได้ ถ้าดูแลรักษาสัก 1-2 สัปดาห์แล้ว อาการดีซ่านไม่ดีขึ้นหรือมีความผิดปกติอื่นๆ ตามมา ก็ควรจะปรึกษาหมอ

ข้อมูลสื่อ

82-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 82
กุมภาพันธ์ 2529
เรื่องน่ารู้
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ