• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โฆเลสเตอรอลสูงเพราะอะไร

 

เมื่อประมาณ 20ปีมาแล้ว สมาคมหัวใจแห่งอเมริกาได้ประกาศเตือนประชาชนทั่วไป (เพียงอย่างเดียว) ว่าการกินอาหารที่มีไขมันมาก ๆ จะทำให้ระดับโฆเลสเตอรอลในโลหิตสูง อันจะนำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้ง่าย แต่ปัจจุบันนี้การวิจัยใหม่ ๆ ทางการแพทย์แย้งความเชื่อเก่า ๆ นั้นว่าการกินไขมันมากจะทำให้โฆเลสเตอรอลสูงเพียง 1 คนใน 3 คนเท่านั้น มิได้เป็นกันทุกคน

ก่อนอื่นเราน่าจะทำความรู้จักกันว่าโฆเลสเตอรอบนั้นคืออะไร
โฆเลสเตอรอลเป็นเคมีวัตถุจำพวกสเตียรอลซึ่งเป็นชนิดหนึ่งของไขมัน ที่แตกต่างไปจากไขมันทั้งชนิดอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว ประโยชน์ของโฆเลสเตอรอลคือช่วยสร้างผนังของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายฮอร์โมนเพศ วิตามินดีและเกลือแร่ในน้ำดีที่ช่วยในการย่อยอาหาร แต่โทษของมันก็มี คือการไปทำให้หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตัน (หลอดเลือดโคโรนารี) อาหารที่มีโฆเลสเตอรอลมากได้แก่ไข่แดง และเนื้อจากอัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ตับ ไต สมอง และตับอ่อน

กลับมาพูดถึงเรื่องไขมันอีกครั้ง ไขมันแบ่งเป็น 2 ประเภทดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว คือชนิดอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว ไขมันทั้ง 2 นี้มีหน้าที่ช่วยห่อหุ้มร่างกายและป้องกันการกระทบกระเทือนแรง ๆ และยังเป็นที่เก็บสะสมพลังงานสำรองไว้ด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ไขมันอิ่มตัว ได้มาจากมันแข็งจากสัตว์ เนย น้ำมันหมู และแผ่นมันในเนื้อสัตว์
ไขมันที่ไม่อิ่มตัวได้มาจากน้ำมันพืชเช่น ข้าวโพด, ถั่ว, งา และเมล็ดทานตะวัน เป็นต้น
จากโครงการทางเคมีพบว่า ไขมันทั้งสองชนิดนี้ก็คือลูกโซ่ของคาร์บอนและไฮโดรเยนอะตอมนั่นเอง
คำว่าอิ่มตัว หมายความว่า อะตอมคาร์บอนทุกตัวเกาะกับอะตอมโฮโดรเยนทั้งหมดเท่าที่มันจะเกาะได้
(คือ 4 ตัว) ไขมันที่ไม่อิ่มตัว หมายความว่า มันยังมีที่ว่างสำหรับเกาะไฮโดรเยนได้อีกอย่างน้อย 4 ตัว
และมาการีนก็มิใช่อะไรนอกจากเนยเทียมที่เราอัดไฮโดรเยนเข้าไปในไขมันที่ยังไม่อิ่มตัวเช่น น้ำมันมะพร้าว ยิ่งอัดไฮโดรเยนมาก เนยเทียมก็ยิ่งแข็งตัวมาก และในประการสุดท้าย โฆเลสเตอรอลจะถูกขนส่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยกลุ่มโปรตีนใหญ่ ๆ 2 กลุ่ม คือชนิด “โปร่ง” (low density lipoproteins ไลโปแปลว่า ไขมัน) ซึ่งทำหน้าที่หนักในการขนส่งโฆเลสเตอรอล ซึ่งส่วนหนึ่งจะนำไปยังหลอดเลือด โคโรนารีที่หัวใจ

ไลโปโปรตีนชนิดโปร่งนี้แหละเป็นตัวการสำคัญในการทำให้หลอดเลือดหัวใจ (โคโรนารี) อุดตัน
นักวิทยาศาสตร์ส่วนมากเชื่อว่าไลโปโปรตีนชนิด “ทึบ” (high density liporoteins) เป็น “พระเอก” ในการขนส่งโฆเลสเตอรอล เพราะมันจะขนไขมันจากเซลล์และเนื้อต่าง ๆ ของร่างกายไปยังตับซึ่งเป็นแหล่งกำจัดมันได้ หลักฐานบางแห่งแสดงว่า “พระเอก” ไลโปโปรตีนทึบนี้ ช่วยลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดหรือที่เรียกว่า ฮาร์ท แอทแทค (Heart attack)ได้
ปัจจุบันเชื่อกันว่าอาหารธรรมดาสามัญที่เรากินอยู่ทุกวันไม่สามารถจะเพิ่มหรือลดโปรตีนทึบได้แต่ท่านสามารถที่จะเพิ่มมันได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ลดน้ำหนักตัว เลิกดื่มสุรา และโยนบุหรี่ทิ้งเสีย (ถ้าท่านยังสูบอยู่) เมื่อก่อนเราเชื่อกันว่าไขมันที่เรากินเข้าไปนั้นจะต้องไปยังหลอดเลือดของหัวใจเสมอ บัดนี้พบว่าไม่เป็นเช่นนั้นเหมือนกันทุก ๆคน ไขมันที่กินเข้าไปบางคนก็ถูกขับทิ้งออกไปโดยไม่มีอันตรายเลย บางคนเท่านั้นที่ไปทำอันตรายแก่หัวใจ

คณะวิจัยที่มหาวิทยาลัยร๊อกกี้เฟลอล่อร์ ได้พบว่า ใครบ้างที่โฆเลสเตอรอลทำพิษได้และใครบ้างที่มันไม่เป็นพิษ และการที่หลอดเลือดของเราอุดตันนั้นมิใช่เพราะอาหารที่เรากินอย่างเดียว ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกด้วย โดยเฉพาะสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า สเตรส (stress) ไทยเราหมายถึงความคับแค้นใจ ความกดดันบีบบังคับ หรือปัญหาอะไรที่ทำให้เรากลุ้มใจ เพราะหาทางออกดี ๆไม่ได้ (เพื่อให้สะดวก บทความต่อไปนี้จะใช้คำว่า ความเครียดกังวลแทนคำว่า สเตรส) เราจะเห็นว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นความเครียดกังวลทั้งสิ้น ผิดกันที่มากหรือน้อยเท่านั้น เช่นโรงเรียนจะเปิดเทอมยังไม่มีเงินค่าเรียน เครื่องแบบและหนังสือ ฯลฯ หมอว่าเราจะต้องรับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร, สามีไปมีเมียน้อยและมีลูกด้วย, ปีนี้ไม่ได้เงินเดือนขึ้น , น้ำท่วมนาน 2 เดือน, กระสุนปืนใหญ่จากนอกประเทศตกในไทย ฯลฯ
สำหรับบุคคลที่เดือดร้อนดังกล่าวมาข้างต้นนี้การฝึกหัดผ่อนคลาย (relax) มีความสำคัญเท่ากับการตัดไขมันออกจากอาหารทีเดียว

ดังกล่าวมาแล้ว ไขมันอิ่มตัวทำให้ระดับโฆเลสเตอรอลในเลือดสูงและเพิ่มการเสี่ยงต่อโรคหัวใจ แต่เราพบว่ามิได้เป็นเช่นนั้นทุกคน เมื่อเราได้รับโฆเลสเตอรอลเข้าไปในร่างกายนั้นมีทางออก 3 ทาง คือ 1.เราขับส่วนเกินทิ้งออกไปโดยทางตับและน้ำดี 2.ถ้ากินเข้าไปมากตับจะช่วยชดเชยโดยการลดการผลิตโฆเลสเตอรอลลง 2 วิธีนี้ดีต่อท่าน 3. ตับส่งโฆเลสเตอรอลส่วนเกินเข้าไปในกระแสเลือดแล้วถ้าเนื้อเยื่อหรือเนื้อต่างๆ ในร่างกายเก็บมันสะสมเอาไว้ ท่านก็จะลำบากเพราะจะไปทำให้หลอดเลือดโคโรนารี อุดตันได้ ถ้าท่านพบว่า ระดับโฆเลสเตอรอลในร่างกายท่านสูง ต้องเลือกกินอาหารที่มีไขมันต่ำ และใช้แต่น้ำมันพืช (ที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว) จนครบ 6-8 อาทิตย์ แล้วไปทดสอบดูอีกครั้ง ถ้าระดับของมันลดลงไปร้อยละ 10-15 ก็แปลว่าได้ผลและยึดแนวการกินแบบนั้นต่อไป
ถ้าเมื่อควบคุมอาหารแล้ว โฆเลสเตอรอลยังไม่ลดลง ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าตับของท่านชดเชยการผลิตให้สูงขึ้น ท่านก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งซึ่งปรากฏว่าใช้ได้ผลในบางกลุ่มของประชาชน นั่นคือการผ่อนคลายความเครียดของชีวิต (relaxation) เพราะเราเชื่อว่าความเครียดกังวลนี้ช่วยเพิ่มไขมันในเลือดได้ เช่น ในนักศึกษาก่อนการสอลไล่ ระดับไขมันจะสูงขึ้น ทางอเมริกาถึงกับทำเทปตลับขึ้นมาขายเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นเครื่องประกอบในการทำสมาธิและผ่อนคลายความเครียดของจิตใจและร่างกาย (เนื้อกล้าม) อันเป็นการป้องกันโฆเลสเตอรอลสูงได้อีกทางหนึ่ง

ดร.ไฟรด์แมน และ ดร.โรเซนแมน ได้เป็นต้นคิดแบ่งลักษณะของคนเราออกเป็น 2 แบบ คือ บุคคลิกเอ ได้แก่บุคคลิกที่มีความโน้มเอียงไปทางเป็นโรคหลอดเลือดอุดตันได้ง่าย เป็นคน “ด่วน”อยู่ตลอดเวลา บวกกับความก้าวร้าวที่มีต่อบุคลลทั่วไป เมื่อคนแบบนี้ได้รับการฝึกให้ “ผ่อนคลาย”เสียบ้าง ระดับของโฆเลสเตอรอลจะเริ่มลดลง
จิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในอวกาศ (aerospace medicine) อธิบายว่า เมื่อคนเราอยู่ใต้ความเครียดกังวล ต่อมหมวดไตที่จะผลิตฮอร์โมนคอร์ติโซล และแอเดรนาลิน พร้อม ๆกับที่เซลล์ประสาทขับฮอร์โมนชื่อนอรแอเดรนาลิน ออกมา และฮอร์โมนเหล่านี้ขับไขมันและโฆเลสเตอรอลออก
มาด้วย ในคนไข้ที่ใช้ยาคอร์ติโซลเพื่อโรคบางชนิด ยานี้จะทำให้โฆเลสเตอรอลสูงขึ้น อนึ่งในเวลาตั้งครรภ์ คอร์ติโซลจะสูงขึ้นค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับโฆเลสเตอรอล แพทย์จึงลงความเห็นว่า ภาวะโฆเลสเตอรอลสูงเป็นผลมาจากความเครียดกังวลเรื้อรัง

บุคคลที่ก้าวร้าว และขี้ระแวง (คนเราทุกวันนี้ใจแคบและคิดร้ายโดยทั่วไปมากขึ้น ) ปรากฏว่ามีการเสี่ยงต่อโรคหัวใจสูง และอาจมีระดับของคอร์ติโซลและโฆเลสเตอรอลสูง ในเมื่อมีความคับแค้นและกดดัน (สเตรส) คนอีกประเภทหนึ่งที่เรียกกันว่า “ เลือดร้อน” (hot reactors) จะมีความดันขึ้นสูงในขณะมีความเครียดกังวลมากกว่าคนประเภท “ใจเย็น” ในขณะที่ถูกกดดันเท่า ๆกัน ซึ่งในเวลานั้นโฆเลสเตอรอลก็จะสูงขึ้นด้วย แสดงว่าโฆเลสเตอรอลสูงขึ้นโดยอารมณ์ก็ได้ มิใช่ขึ้นอยู่กับอาหารอย่างเดียวการออกกำลังกายโดยสม่ำเสมอเมื่อมีความเครียดกังวลจะทำให้ แอเดรนาลินออกมาน้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยจะได้ออกกำลังกาย
ดังนั้นการที่คนไทยเราเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ตื่นตัวกับการออกกำลังกายเช่น มีการวิ่งมาราธอน มินิ หรือแม๊กซี่ ก็ตาม เพื่อการกุศลบ่อย ๆ จึงเป็นการส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิตโดยไม่ต้องสงสัย การเปลี่ยนบรรยากาศ ใหม่ ๆ เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ พบปะผู้คนเพื่อนฝูงมากหน้าหลายตา เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้สูงอายุมาพบกับคนหนุ่มสาว เชื่อกันว่าจะทำให้จิตใจของท่านเหล่านั้นหนุ่มสาวไปด้วย 72 ก็อาจกลับเป็น 27 ไปได้

(จาก American Health April 1984)
 

ข้อมูลสื่อ

64-008
นิตยสารหมอชาวบ้าน 64
สิงหาคม 2527
เรื่องน่ารู้
พ.ต.นพ.สุพจน์ ขวัญมิตร