• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เมื่อข้าพเจ้าใช้ห้องพักในโรงพยาบาล เป็นห้องนั่งกรรมฐาน (ตอนที่ 5)

  “เมื่อข้าพเจ้าใช้ห้องพักในโรงพยาบาลเป็นห้องกรรมฐาน” เป็นธรรมบรรยายของอาจารย์จำเนียร ช่วงโชติ สหายในทางธรรม ท่านส่งมาให้ผมช่วยตรวจแก้ อ่านแล้วสนุก ประทับใจ ทั้งในเนื้อธรรมปฏิบัติและเกร็ดขำ ๆ ในโรงพยาบาล รู้สึกเหมือนได้ดื่มธรรมโอสถขนานวิเศษแก้โรคได้จริง ๆจึงขออนุญาตท่านนำมาลงพิมพ์ในหน้าธรรมโอสถ เพื่อประโยชน์แด่ท่านผู้ใคร่ธรรมที่รักทุกท่าน

ดังนั้นดิฉันจึงพยายามโยกย้ายจิตไปกำหนดรู้ความเคลื่อนไหวของกาย ยกมือบ้าง กระดิกเท้า กะพริบตา เหลียวซ้ายขวา ในลักษณะอาการที่จะทำได้ เพื่อให้คลายความเจ็บปวด ทันใดนั้นได้ยินเสียงร้อง “หิวโว้ย-เจ็บโว้ย” ก็กำหนดรู้ตามเสียงนั้น จึงได้รู้ว่ามีเพื่อนร่วมทุกข์ด้วย มองไม่เห็นหน้ากัน เขากั้นด้วยแผง-เหล็ก เสียงประตูเปิด พยาบาลระจำตัวนำอาหารเข้ามาป้อน และพูดว่า “อาม้า ต้องรีบกินเสีย อาม้าต้องอดทนหน่อยนะ” เสียงอาม้าว่า “ฉันปวดหลังมากทนไม่ไหวแล้ว”

หลังจากนั้น ได้ยินเสียงไม้เคาะกับแผ่นเหล็กดังสนั่นเป็นจังหวะ ๆ ก็เอาเสียงนั้นมาเป็นอารมณ์ในการกำหนดรู้ แล้วมีเสียงถามว่า คุณ คุณรำคาญเสียงไหม ฉันไม่ชอบความเงียบ” ก็ตอบไปว่า “อาม้าอยากเคาะ ก็เคาะไปเถอะ ไม่รำคาญหรอก” เสียงเคาะดังอยู่พักใหญ่ จากนั้นความเงียบก็เข้าแทนที่ สักประเดี๋ยวหนึ่งอาม้าก็ตะโกนดัง ๆ ว่า “โอ้ยเจ็บโว้ย ขอยาหน่อย” พยาบาลก็เข้ามาเอายาให้กิน
สำหรับดิฉันเจ้าหน้าที่ยกถาดอาหาร มีเส้นหมี่ลูกชิ้นน้ำ และข้าวเหนียวเปียก มาวางไว้แล้วบอกว่า “คุณทานอาหารเสีย ถ้าไม่ทานตอนนี้ หิวจะไม่มีให้แล้วนะ” ดิฉันหันมามองลองทดลองเอามือจับช้อนตักอาหารเข้าปาก ไม่ถนัด ไม่เข้าปาก สิ้นปัญญาเลยไม่กิน ถ้าหิวก็จะทนเอา ในช่วงนั้นยังไม่หิวนัก เพราะน้ำเกลือเพิ่งหมด

เสียงตะโกนของอาม้าดังขึ้นอีกว่า “เจ็บอีกแล้วโว้ย เบื่อจริงโว้ย” พยาบาลก็เข้ามาจัดการกับอาม้าและพูดว่า “ถ้าอาม้าตะโกนอย่างนี้ อาม้าจะต้องยืดเวลาต่อไปอีก คุณจำเนียรไม่เห็นร้องเลย” ดิฉันได้ยินก็คิดทันที ถ้าอาม้าต้องยืดเวลาอยู่ต่อ ดิฉันก็ต้องอยู่ด้วย ใจก็คิดทันที ต้องหาวิธีช่วยอาม้าหันเหไปจากความเจ็บปวด ก็เริ่มด้วยการซักถามเรื่องส่วนตัว อาม้ามีลูกกี่คน รักใครมาก บ้านอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร เข้าโรงพยาบาลเมื่อใด ใครมาอยู่เป็นเพื่อน

อาม้าเป็นคนน่ารักมาก ทุกคำถามที่ถาม อาม้าจะตอบหมด ตอบเสียงดังด้วย เมื่อหมดคำถามก็เงียบกันไป สักครู่อาม้าก็ร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดอีก ดิฉันก็บอกอาม้า “เรามาท่องพุทโธกัน” ก็มีเสียง พุทโธ พุทโธ พุทโธ ดังอยู่นาน แล้วก็เงียบไป ต่อมาอาม้าร้องอีก ดิฉันก็ยกแขนขวาชูขึ้น แล้วบอกให้อาม้ายกตาม อาม้ายินยอมทำด้วยดี ให้เอาตาและใจจดจ้องที่มือแล้วกำมือก็พูด “กำ” เมื่อคลายมือก็พูด “คลาย” พูด กำ-คลาย กำ-คลายไปเรื่อย ๆ ก็ยกมือลงแล้วเปลี่ยนยกแขนซ้ายขึ้น และพูดพร้อมกับทำท่า กำ-คลาย กำ-คลาย ทำอยู่ประเดี๋ยว อาม้าก็ร้องว่า “ฉันเมื่อยแล้ว” ก็บอกให้เอาแขนลง ให้จิตตามรู้ไปด้วย ความเงียบเข้าแทนที่ อาม้าร้องอีกดิฉันก็บอก “อาม้าหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ ลึก ๆ” อาม้าก็ทำตามแล้วก็เงียบไปพักใหญ่ เงียบจริง ๆ

ในความเงียบนั้น ดิฉันได้ยินเสียงน้ำไหลจ๊อก ๆ เหมือนใครเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ ดิฉันตะโกนถามว่า “อาม้า ได้ยินเสียงน้ำไหลไหม ใครเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้” อาม้าก็สวนตอบมาว่า “ฉี่ฉันเอง” ก็เริ่มคิด เอ๊ะ ฉี่อาม้า ก็ต้องฉี่เรารวมอยู่ด้วยซินะ ทำไมอาม้าฉี่ออกมาก แม้ร่างกายจะเจ็บปวดเท่าเดิม หากแต่ใจรู้สึกปีติและขบขันระคนกัน ความเจ็บปวดเหมือนลดลง จนทนได้อย่างสบาย ๆ
เมื่อเสร็จสิ้นการฝังแร่แล้ว 2 วัน ดิฉันต้องไปพบหมอและฉายเอกซเรย์ ได้พบอาม้าไม่รู้จักตัว เรารู้จักกันด้วยเสียง แต่จำพยาบาลประจำตัวอาม้าได้ เขาแนะนำให้รู้จักอาม้า ได้คุยกับพยาบาล จึงทราบว่าอาม้าเป็นมะเร็งที่ปากมดลูกในขั้นที่ 4 ก็รู้สึกเสียใจกับความเคราะห์ร้ายของอาม้ามาก ยังติดใจเรื่องปัสสาวะ ก็ถามพยาบาลว่า ในวันฝังแร่ ทำไมปัสสาวะอาม้ามีมาก ไหลเสียงดังด้วย พยาบาลรีบตอบว่า “ปัสสาวะของอาม้าน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นของคุณจำเนียร” ก็ยิ่งขบขันมากขึ้น

จากนั้นเสียงพยาบาลดังขึ้นว่า “เหลือเวลาอีก 1 นาทีกว่า” ดีใจหนอ เวลาหมดรวดเร็วหนอ ใจบอกจะหมดทุกข์แล้วหนอ เสียงประตูเปิด หมอ 2 คน พยาบาล 2 คนเดินเข้าห้องมาจัดการเอาเครื่องมือออกจากตัวดิฉันและอาม้า และดึงผ้าออกมากองเบ้อเร่อในช่วงนี้สบายมาก ไม่เจ็บปวดแต่ประการใด ก็กำหนด “สบาย-หนอ” แล้วค่อย ๆ ลุกจากเตียงเดินออกมาจากห้อง
พยาบาลเข้ามาคุยด้วย กล่าวว่า “คุณจำเนียรสอนการบริหารให้อาม้าหรือ เห็นยกมือและพูดกันลั่น” จึงรู้ว่าห้องข้างเคียงมีทีวีจับภาพเสียง และการกระทำของเราตลอดเวลา อาม้าหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ไม่เห็นหน้ากันเลย และจากนั้นเขาให้ดิฉันนั่งรถเข็น เจ้าหน้าที่เข็นกลับถึงห้องพักเวลา 2 ทุ่ม จึงรู้ว่าอยู่ในห้องฝังแร่ถึง 11 ชั่วโมงกว่า
 

ข้อมูลสื่อ

110-020
นิตยสารหมอชาวบ้าน 110
มิถุนายน 2531
ธรรมโอสถ
พอ.(พิเศษ)ทองคำ ศรีโยธิน