• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ไปดูลุงศิริ นวดตนเอง

การแพทย์ไทย หรือที่มักเรียกว่า การแพทย์แผนโบราณ มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคของชาวไทยมาช้านานหลายชั่วอายุคน จวบจนอิทธิพลของตะวันตกได้เข้ามามีบทบาท ทำให้แพทย์ไทยถูกละเลยและทอดทิ้ง โครงการฟื้นฟูการนวดไทย กำเนิดขึ้นมาเพื่อสืบทอดของดีของบรรพบุรุษของเรา เพื่อนำมาช่วยกันสร้างหนทางแห่งการพัฒนาการพึ่งตนเองเพื่อความเป็นไทต่อไป


ที่บ้านสวนซอยเพชรเกษม 36 เราพบกับลุงศิริ จารุตานนท์ ผู้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ทั้ง ๆ ที่ขณะนี้อายุ 76 ปีแล้ว คุณลุงกำลังวิดน้ำรดต้นไม้ด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง

“ลุงดูแข็งแรงจังเลยครับ ทำงานทั้งวันอย่างนี้ไม่ปวดเมื่อยหรือครับ?” ผมเริ่มคุยถามสารทุกข์สุกดิบ เพื่อโยงเรื่องให้เข้ากับงานที่เราจะมาทำที่นี่

โดยมากก็ไม่ปวด ถ้าปวดก็อาศัยดัดตัว บีบนวดแก้เมื่อยเอว”
ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินคำตอบ และรีบขอให้ลุงแสดงวิธีนวดให้ดูกันตรงนั้นเลย ลุงศิริใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปที่ข้างกระดูกสันหลังทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับคลึงเคล้นลงไป แล้วเลื่อนมือขึ้นกดจุดถัดไปอย่างทะมัดทะแมง

“ลุงเรียนรู้วิธีนวดมาจากไหนครับ?” ผมยิงคำถามแรกหลังจากอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมที่จะทำงาน

รู้ตอนไปบวช อาจารย์ท่านสอนวิธีนวดให้ ท่านจะบอกเส้นเรามาว่า นวดตรงนั้นไปถึงที่นั่นที่นี่ เราก็จำเอามานวดตนเอง” ลุงศิริย้อนระลึกความหลัง

ลุงศิริเป็นชาวสวนอยู่ที่ตำบลบางจาก เขตภาษีเจริญมาตั้งแต่กำเนิด พอสึกจากพระแล้วก็มาทำสวนต่อ จนลูก ๆ โตมีงานทำ ก็ยังไม่รามือจากงานสวน เพราะมีใจรักชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมกับการแสวงหาวัตถุมาปรนเปรอ วิชานวดที่ได้มาจากพระอาจารย์ก็นำมาใช้กับตัวเอง และยังได้คิดค้นดัดแปลงหาเทคนิควิธีการนวดที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตัว รวมทั้งคิดวิธีดัดตนโดยทดลองกับตัวเอง เมื่อเห็นว่าได้ผลดีก็ทำเรื่อยมาเป็นกิจวัตรประจำวัน

ตอนก่อนนอน เวลาไหว้พระเสร็จแล้ว ก็กดนวดบนที่นอน อีกเวลาก็ตอนตื่นนอน เช้าก็ทำอีกที”

ทีนี้ก็ลองมาดูวิธีนวดแก้ปวดหัวของลุงศิริกันบ้าง
ถ้าปวดหัวก็ใช้นิ้วหัวแม่มือ 2 ข้าง กดที่หัวคิ้ว ค่อย ๆ คลึงหน่วง ๆ แล้วเรื่อยไปถึงหางหางคิ้ว ใช้นิ้วชี้กดนิ่งไว้สักพัก แล้วกดข้างขมับ ใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงให้กระทบเส้นแล้วกดนิ่งไว้อีกสักพัก แล้วใช้นิ้วทั้ง 4 กดคลึงให้เส้นกระจายทั่วหัว แล้วมากดที่ใต้ท้ายทอย ใช้นิ้วหัวแม่มือกดซ้ำ แล้วก้ม ๆ เงย ๆ หัวขึ้นลง แล้วกดคลึงที่กกหู เสร็จแล้วกดที่ช่องหู ปิดหูไม่ให้ได้ยินเสียงอะไรเลย ประมาณ 2 นาที แล้วปล่อยนิ้วหัวแม่มือ ออกจากหูพร้อม ๆ กัน” ลุงศิริกล่าวสำทับอีกว่า “นวดแบบนี้แล้วอาการปวดหัวจะหายไป ไม่ต้องกินยา”

ส่วนอาการปวดหลัง ลุงศิริก็กดนวดที่สลักเพชร (เหนือกระดูกก้นกบ) แล้วขยับขึ้นไปถึงปุ่มกระดูกเชิงกรานทางด้านหน้าแล้ว กดที่บั้นเอวเหนือกระเบนเหน็บขึ้นไป พร้อมกับโยกตัวไปทางซ้าย ทางขวาหลาย ๆ ครั้ง เป็นการคลึงเส้นไปในตัว ตบท้ายด้วยการบิดตัวเอียงซ้ายขวาในท่านั่งพับเพียบ
ถ้าเวียนหัว ลุงศิริบอกให้กดที่สันหน้าแข้งด้านนอก ใช้นิ้วทั้ง 4 กดบีบส่วนสันหน้าแข้งด้านใน ลุงศิริใช้นิ้วหัวแม่มือกดนวดแทน ไม่เพียงแต่เท่านั้น ลุงศิริยังแสดงวิธีใช้กะลาเป็นอุปกรณ์ช่วยนวดด้วย ลุงบอกว่านวดได้ทั้งสะโพก เอว คอ และฝ่าเท้า เรียกได้ว่าสารพัดประโยชน์เลยครับ
ตอนท้ายลุงศิริได้แสดงท่าดัดตน บริหารร่างกาย ที่ลุงคิดค้นขึ้นมาเอง มีหลายท่าจนบรรยายกันไม่ไหว ลองดูบางท่าจากภาพก็แล้วกันครับ
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                

 

 

 

                                                 

  
 



 

 

 

 

 

               

 

                     

 


 

 

 

                       

ขากลับออกจากซอยเพชรเกษม 36 ผมอดคิดไม่ได้ว่า เรื่องราวแบบลุงศิริ จารุตานนท์ คงไม่ใช่เพียงรายเดียว เพียงแต่ประสบการณ์เหล่านี้ยังไม่ได้นำมาถ่ายทอดและเผยแพร่ออกไปเท่านั้น คอลัมน์การนวดไทยจะพยายามเสาะหาบุคคลต่าง ๆ ที่นวดตนเองมาลงตีพิมพ์ให้อ่านกันต่อนะครับ

ตอนก่อนนอน เวลาไหว้พระเสร็จแล้วก็กดนวดบนที่นอน อีกเวลาก็ตอนตื่นนอนเช้าก็ทำอีกที...”

ข้อมูลสื่อ

113-022
นิตยสารหมอชาวบ้าน 113
กันยายน 2531
นวดไทย