เมื่อเอ่ยถึงฟักทอง ท่านผู้อ่านทุกท่านคงรู้จักดี ฟักทองนอกจากใช้เป็นอาหารและทำเป็นขนมหวานชนิดต่าง ๆได้แล้ว ฟักทองยังเป็นอาหารสมุนไพรที่มีคุณค่ามากมายอีกด้วย
⇒ ฟักทองมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cucurbita moschata (Duch) Poir วงศ์ Cucurbitaceae
ฟักทองมีรสหวาน คุณสมบัติร้อน (จัดเป็นพวกหยาง) สรรพคุณบำรุงพลัง แก้อักเสบ ระงับอาการปวด ขับพยาธิ
⇒ ตำรับยา
ไฟไหม้ ใช้เนื้อฟักทองตำให้ละเอียด พอกบริเวณที่โดนไฟไหม้ ถ้าปวดมากให้ใส่เกร็ดพิมเสนลงไปด้วย เป็นแผลบริเวณขา ใช้ไส้ฟักทองตำให้ละเอียด พอกบริเวณแผล หรือตากแห้งบดเป็นผงโรยบริเวณแผล
ขับพยาธิตัวตืด ใช้เมล็ดฟักทอง 200 เม็ด (ไม่ควรเกิน 150 กรัม) ตากแห้งหรือคั่วสุกกิน หรือใช้เมล็ดฟักทอง 30-60 กรัม ตำให้ละเอียดต้มกับน้ำเชื่อม (ให้เว้นการกินน้ำมัน 1 วัน) หรือใช้เมล็ดฟักทองสด 60 กรัม ตำให้ละเอียดผสมน้ำอุ่นแล้วคนให้เข้ากันจนคล้ายนม จะเติมน้ำตาล หรือน้ำผึ้งลงไปพอหวานก็ได้ สำหรับเด็กลดลงครึ่งหนึ่ง
ขับพยาธิเข็มหมุด ใช้เมล็ดฟักทองบดเป็นผง กินวันละ 2 ครั้ง ๆละ 1 ช้อนโต๊ะ ติดต่อกัน 5-6 วัน
ขับพยาธิตัวกลม ใช้เมล็ดฟักทองต้มน้ำกิน หรือคั่วให้สุกกิน เด็กครั้งละ 30-60 กรัม ให้กินตอนเช้าก่อนอาหารติดต่อกัน 5-7 วัน หรือตำเมล็ดฟักทองจนละเอียด (เอาเปลือกออก) จำนวน 30-60 กรัม
กวนกับน้ำจนข้นคล้ายน้ำนมแล้วเติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งพอหวาน
แท้งบ่อย ใช้ขั้วกิ่งฟักทองวางแผ่นกระเบื้องแล้วเผาไฟ (อย่าให้ไหม้) แล้วบดเป็นผง หลังตั้งครรภ์ 2 เดือน ให้ชงน้ำกินวันละขั้ว
เด็กอาเจียน ใช้ขั้วกิ่งฟักทอง 3-7 ขั้ว ต้มน้ำกินวันละ 3 ครั้ง
ตาบอดกลางคืน ใช้ดอกฟักทองจำนวนพอประมาณต้มกับตับหมู 120 กรัมกิน
ปวดกระเพาะอาหาร ใช้เถาฟักทอง 1 กำมือ ต้มน้ำให้งวดกินขณะที่อาการกำเริบ
หืด ใช้ฟักทอง 1 ลูก (หนักประมาณ ½ กก.) น้ำผึ้ง 60 มล. น้ำตาลกรวด 30 กรัม ก่อนอื่นให้ตัดส่วนบนของฟักทองบริเวณขั้วกิ่ง แล้วแคะไส้บางส่วนออกไป เอาน้ำผึ้งและน้ำตาลกรวดใส่ลงไป ปิดฝาขั้ว นำไปนึ่งนาน 1 ชั่วโมง แบ่งกินเป็น 2 ครั้ง เช้า-เย็น กินติดต่อกัน 5-7 วัน
ท้องร่วง ใช้รากฟักทองต้มแล้วกินน้ำ
อาการบวมน้ำ ท้องมาน เบาขัด
ใช้ขั้วฟักทองคั่วให้เกรียม (อย่าให้ไหม้) บดเป็นผง กินกับน้ำอุ่นครั้งละ 1.5-2 กรัม วันละ 3 ครั้ง
เรียกน้ำนม เมล็ดฟักทอง (แกะเปลือกทิ้ง) 120 กรัม คั่วให้แห้งบดเป็นผง ผสมน้ำอุ่นกินครั้งละ 30 กรัม
เด็กเจ็บคอ ทอนซิลอักเสบ ใช้เมล็ดฟักทอง (ไม่ต้องล้างน้ำ) ตากแห้ง ต้มน้ำครั้งละ 5-10 กรัม ใส่น้ำตาลกรวดให้พอหวาน
ของมีคมบาด ใช้ใบฟักทอง ตากแห้งบดเป็นผง โรยบริเวณแผล
⇒ สารที่พบในฟักทอง
เนื้อมี Cucurbitine 20.9 มก. วิตามินบี. ไข 2 เปอร์เซ็นต์ giucose, sucrose mannitol เป็นต้น
⇒ ผลทางเภสัชวิทยา
ของเหลวที่ได้จากการแช่เมล็ดฟักทองด้วยแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ฆ่าพยาธิตัวตืดได้ ภายใน 1 ชั่วโมง แต่น้ำที่ได้จากการบีบเมล็ดฟักทองมีฤทธิ์ฆ่าพยาธิตัวตืดใน 45 นาที นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เมล็ดฟักทองยังมีฤทธิ์ฆ่าพยาธิใบไม้และแมลงตัวอ่อน (Larva)
สำหรับผู้ป่วยที่มีพยาธิใบไม้ให้กินผงที่ได้จากเมล็ดฟักทอง โดยเอาเปลือกและน้ำมันออก จำนวน 280 กรัม วันละ 3 ครั้ง ผลการทดลองผู้ป่วยที่มีอาการเฉียบพลัน หลังการกินติดต่อกัน 2 สัปดาห์ อุณหภูมิของร่างกายจะลดลงสู่ปกติ กินอาหารได้มากขึ้น หลังจากนั้น 1 เดือน จะไม่พบไข่ของพยาธิใบไม้ในอุจจาระของผู้ป่วยส่วนใหญ่
น้ำต้มเมล็ดฟักทองเข้มข้น 2-10 กรัม/กก. สวนทวารหนู จะไม่เกิดอาการพิษแต่อย่างไร แต่ถ้าเกิน 4 วัน จะมีผลต่อการทำงานของตับ ปอด ไตหนูอย่างชั่วคราว ทำให้น้ำตาลในตับลดลง และไขมันเพิ่มขึ้น สาร Cucurbitine จะทำให้เซลล์ตับเหี่ยวลงเล็กน้อย หลังหยุดยาจะทำให้การทำงานของอวัยวะดังกล่าวกลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว
ให้ Cucurbitine จำนวนมากแก่หนูโดยให้กินหรือฉีดเข้าท้อง จะมีฤทธิ์กระตุ้นแต่ถ้าให้กระต่ายหรือแมวก็จะมีฤทธิ์ยับยั้ง (มีอาการสงบ) หายใจเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ยับยั้งต่อลำไส้กระต่ายนอกร่างกายอีกด้วย
⇒ รายงานทางคลินิก
เนื้อฟักทองดิบสามารถขับพยาธิตัวกลม ผู้ใหญ่ใช้ครั้งละ 600 กรัม เด็ก 300 กรัม หลังจากกินแล้ว 2 ชั่วโมงให้กินยาถ่ายตาม กินติดต่อกัน 2 วัน จากการทดลองกับผู้ป่วย 10 ราย 6 รายมีการขับพยาธิออกมา รายที่มากที่สุดขับพยาธิออกมาร้อยกว่าตัว รายที่น้อยที่สุดขับออกมา 2 ตัว
หมายเหตุ การใช้เมล็ดฟักทอง ขับพยาธิจะไม่เกิดผลข้างเคียงใด ๆ เลย
- อ่าน 20,231 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้