• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

คอพอก

(ตอน 3) คอพอกอย่างไร จึงจะไม่เป็นพิษ
คอพอกตอนที่ 3 นี้เป็นตอนสุดท้าย ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะได้อ่านตอนนี้ก็ขอให้กลับไปดูแผนภูมิคอพอกที่ได้ลงตีพิมพ์ใน "หมอชาวบ้าน" ฉบับที่ 52 หน้า 24 อีกครั้ง คอพอกไม่เป็นพิษ นั้นแบ่งออกได้เป็น คอพอกแบบธรรมดา คอพอกประจำถิ่น คอพอกขาดฮอร์โมน คอพอกอักเสบเรื้อรัง หรือมะเร็งธัยรอยด์ คอพอกเหล่านี้ ชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด คือคอพอกธรรมดา

คอพอกธรรมดา

ส่วนมากแล้วไม่ได้เป็นโรคอะไร และมักพบในสาวรุ่นหรือผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะต้องการฮอร์โมนธัยรอยด์ มากกว่าระยะอื่น ต่อมธัยรอยด์เลยต้องทำงานมากกว่าธรรมดา ก็เลยใหญ่ขึ้นจนเป็นคอพอก

แต่ร่างกายยังคุมต่อมนี้เอาไว้อยู่ พอสร้างฮอร์โมนพอใช้แล้ว ก็สั่งให้มันลดการทำงานลง เพราะฉะนั้น นอกจากจะไม่เป็นพิษแล้วก็ยังไม่ขาดฮอร์โมนเสียด้วย
เรียกว่า คอพอกเพื่อรักษาสมดุลก็ได้

คอพอกธรรมดานี้ อาจพบในผู้หญิง (เกือบไม่ค่อยพบในผู้ชายเลย) ที่ไม่ไดตั้งท้องหรืออยู่ในวัยอื่นที่ไม่ใช่สาวรุ่นก็ได้ บางคนมีญาติพี่น้องเป็นเหมือนๆกัน สาเหตุเกิดจากอะไรไม่ทราบแน่ชัดแต่เชื่อกันว่า อาจมกลไกทางอิมมูน (การต้านทานโรค) ของร่างกายเข้ามาเกี่ยวข้อง

หรืออาจจะพบในคนที่กำลังกินยาบางชนิด เช่น ยาพีเอเอส (เม็ดโตๆ สีน้ำตาลแดงเหมือนเม็ดมะขาม) และยาเอธิโอนาไมด์ที่ใช้รักษาวัณโรค หรือยาแก้ปวดข้อรักษาข้ออักเสบจำพวก เฟนีย์ลบูตาโซน หรือยาประเภทละลาเสมหะแก้หืดที่เข้าไอโอดีน ยาพวกนี้ถ้ากินอยู่นานๆ ก็อาจทำให้เกิดคอพอกธรรมดาได้

                                                    

คอพอกธรรมดารักษาอย่างไร
วิธีรักษาคอพอกธรรมดา
อาจไม่ต้องทำอะไรก็ได้ถ้ามันไม่โตมาก แม้แต่ในตำรา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรคคอพอกยังเขียนไว้เลยว่า ถ้าหมอตรวจคนไข้พบว่าเป็นคอพอกชนิดธรรมดาอย่างนี้และโตนิดเดียว  (จนคนไข้ไม่รู้ว่าโต) ให้เฉยๆ ไว้ก็ได้ไม่ต้องบอกคนไข้ เพราะถ้าบอกไปเดี๋ยวจะกังวลมากไป ยิ่งพวกสาวรุ่นหรือตั้งท้องอยู่ พอพ้นระยะเวลาเหล่านี้ไปแล้วคอพอกก็จะยุบหายไปหรือถ้าเกิดหลังจากได้ยาที่ทำให้เกิดคอพอกดังกล่าวก็จะหยุดหรือเปลี่ยนยาเสียคอพอกนั้นจะยุบหายไปได้

ถ้าโตมากหรือปล่อยไว้แล้วทำท่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ ก็รักษาโดยกินยาเม็ดธัยรอยด์ ซึ่งมีอยู่ 2 อย่าง คือ ยาเม็ดธัยร็อกซิน (เม็ดละ 0.1 มิลลิกรัม ราคาประมาณ 40 สตางค์) หรือยาเม็ดสกัดธัยรอยด์ เม็ดละ 1 เกรน ราคาประมาณ 50 สตางค์ กินวันละ 1-2 เม็ด จนกว่าคอพอกจะยุบหายไปแล้วลองหยุดยาดู บางคนคอพอกก็ยุบหายขาดไปเลย แต่บางคนก็โตขึ้นมาอีกหลังหยุดยาเลยต้องกินอยู่ประจำก็มี ยาเม็ดธัยรอยด์นี้บางคน(ส่วนใหญ่เป็นคนแก่)กินแล้วมีอาการเจ็บหน้าอก ใจสั่นมาก กินแล้วไม่ค่อยสบาย ต้องลดยาลงหรืออาจต้องเลิกกินยา

เรื่องผ่าตัด เห็นจะไม่ค่อยทำกัน นอกจากคอพอกจะโตมากจนน่าเกลียดหรือไปกดหลอดลมหรือหลอดอาหารเข้า

คอพอกชนิดนี้ไม่มีพิษอีกสามอย่างดังแผนภูมิคือ เกิดจากมะเร็งต่อมธัยรอยด์ คอพอกขาดฮอร์โมน และคอพอกประจำถิ่น

มะเร็งของต่อมธัยรอยด์

คอพอกที่เกิดอาจเป็นก้อนเดี่ยวๆ หรือหลายก้อนก็ได้ (ดูรูปที่ 1) คลำดูผิวไม่ค่อยเรียบและมักเป็นก้อนแข็งๆ ขยับไปมาไม่ได้ บางทีถ้ามีเลือดออกเข้าไปในก้อนมะเร็งก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดที่ก้อนนั้นได้ ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคออาจโตด้วย

                                                      

ผู้ชายอายุน้อยๆ และคนที่เคยโดนรักษารังสีบริเวณคอเมื่อตอนเป็นเด็ก ให้ระวังมะเร็งของต่อมธัยรอยด์เป็นพิเศษเพราะมีโอกาสเป็นมากกว่าคนอื่นหลายเท่าให้รีบไปหาหมอ

วิธีการรักษามะเร็งของต่อมธัยรอยด์
วิธีรักษามะเร็งของต่อมธัยรอยด์จะใช้การผ่าตัดเป็นหลัก หรืออาจจะใช้กัมมันตรังสีรักษาร่วมด้วย

คอพอกขาดฮอร์โมน

อันนี้ตรงกันข้ามกับคอพอกเป็นพิษ คือ สร้างฮอร์โมนออกมาน้อยไม่พอใช้เลยเกิดอาการขาดฮอร์โมนธัยรอยด์ขึ้น ส่วนจะมีอาการอย่างไรบ้างนั้นก็สามารถเดาเอาได้ว่าทุกอย่างจะต้องตรงกันข้ามกับอาการคอพอกเป็นพิษแน่ๆ ชีพจรแทนที่จะเต้นเร็วก็เต้นช้า ทำอะไรก็เฉื่อยชา ขี้หนาว ผิวหนังแห้ง ท้องผูกบ่อย ถ้าเป็นเอาตอนเด็กๆ จะเตี้ยแคระ พุงป่อง ที่สำคัญคือ สมองทึบ สติปัญญาเสื่อม อะไรๆ มันดูลดลงไปหมด ยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือ ต่อมธัยรอยด์อาจจะโตขึ้นได้จนเป็นคอพอก ซึ่งเกิดขึ้นเพราะร่างกายขาดฮอร์โมนก็เลยสั่งให้ต่อมธัยรอยด์เร่งผลิตฮอร์โมนออกมาใช้ ต่อมเลยต้องทำงานเพิ่มขึ้นก็เลยโตขึ้น แต่เร่งผลิตเท่าไรก็ทำไม่ได้ หรือไม่พอใช้อยู่ดี สาเหตุอาจเกิดจากขาดไอโอดีน (อย่างเช่นคอพอกประจำถิ่น) ทำให้ขาดวัตถุดิบในการผลิตฮอร์โมนธัยรอยด์ หรืออาจเป็นเพราะต่อมผิดปกติแก่กำเนิด เลยเสียสมรรถภาพในการผลิตฮอร์โมนไป

วิธีการรักษาคอพอกขาดฮอร์โมน
วิธีการรักษาก็ง่ายแสนง่าย คือ เพียงแต่กินยาเม็ดธัยรอยด์ ชนิดเดียวกับที่ใช้รักษาคอพอกธรรมดา กินเพียงวันละ 1-3 เม็ด จะกลับมาเป็นปกติได้ อาการทุกอย่างจะหายไปหมด เป็นจะยกเวนอย่างหนึ่ง คือ เด็กที่สมองโง่ ทึบ หรือเตี้ยแคระ ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป รักษาไม่ทันจะไม่หาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะยาเม็ดธัยรอยด์นี้แสนจะหาง่าย คาถูก กินก็ง่าย ไม่ค่อยมีผลเสียมาก เพียงแต่กินยานี้ให้ทันเวลาเด็กก็จะเติบโตทั้งความสูงและสติปัญญาเป็นปกติได้

ปัญหาสำคัญคือ เมื่อเด็กขาดฮอร์โมนธัยรอยด์ ถ้าเป็นเริ่มแรกมักจะไม่แสดงอาการ พ่อแม่อาจไม่ทันสังเกตว่าเด็กเริ่มเป็นแล้วปล่อยไป ก็สายเกิน

อาการที่น่าสงสัยว่าเด็กขาดฮอร์โมนธัยรอยด์
(เมื่อเด็กอายุ 1 เดือน) ก็คือ
เด็กเฉื่อยชา เลี้ยงง่ายกว่าปกติ เคลื่อนไหวช้า ดูดนมน้อย ท้องอืดท้อเฟ้อ ท้องผูกเสมอ ๆ และมีสะดือจุ่น พุงป่อง กระหม่อมหลังเปิดกว้าง ตัวเหลืองนานผิดปกติ หลังคลอดแล้ว 3 วันยังไม่หายเหลือง ลิ้นโตคับปาก

เมื่อเด็กโตขึ้นอาจจะเริ่มเห็นว่าใบหน้าหยาบ ผมและคิ้วบาง หนังตาบวม ผิวหนังหนาซีด หยาบ แห้ง และเด็กเจริญเติบโตช้าแขนขาสั้น รูป่างอ้วนเตี้ย (ดูรูปที่ 2)

                                                          

ช่วงอายุ 3 เดือนแรกสำคัญที่สุด ต้องรีบรักษาเสีย เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้จนอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ สมองจะมีโอกาสเสียไปมาก ขึ้น ทำให้เป็นเด็กปัญญาอ่อน ซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

คอพอกชนิดสุดท้าย (อย่าลืมดูแผนภูมิประกอบ) คือ

คอพอกประจำถิ่น
เป็นคอพอกในบ้านเราเพราะเมืองไทยยังเป็นถิ่นของคอพอกอยู่ คือพบมากตามหมู่บ้านยากจนแพวภาคเหนือและอีสานที่อยู่ใกล้ภูเขา เป็นที่ราบสูง เช่น แถวแพร่ อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และอุบลราชธานี

สาเหตุการเกิดคอพอกประจำถิ่น

เกิดจากการขาดไอโอดีน เพราะไอโอดีนมีมากในอาหารทะเลและผักผลไม้ต่างๆ ชาวบ้านแถวหมู่บ้านคอพอกไม่ค่อยมีอาหารทะเลกิน เกลือที่กินก็เป็นเกลือสินเธาว์ ซึ่งไม่มีสารไอโอดีน ดินบริเวณนั้นก็ขาดไอโอดีน พืชผักที่ปลูกไว้กินเลยพลอยขาดไอโอดีนไปด้วย

คอพอกประจำถิ่นนี้ เป็นปัญหาสาธารณสุขที่ไม่เฉพาะแต่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่เป็นทั่วโลก ถิ่นของคอพอกนี้มักเป็นบริเวณที่ราบสูงหรือบริเวณเทือกเขาดูแล้วเป็นแนวคอพอกรอบโลก บางคนเรียก goiter belt ในประวัติของโลกเมืองประมาณหนึ่งล้านปีมาแล้วซึ่งอยู่ในยุคน้ำแข็ง มีน้ำแข็งมากมายเคลื่อนที่จากบริเวณขั้วโลกเหนือลงมาทางใต้แล้วละลายไหลลงมาชะล้างเอาไอโอดีนจากผิวดินบริเวณนี้ไปหมด ทำให้ดินขาดไอโอดีน ผู้คนที่อาศัยอยู่จึงเกิดคอพอกประจำถิ่นขึ้น

เมื่อตรวจพบว่าในชุมชนใดมีผู้คนเกินกว่าร้อยละ 10 เกิดคอพอกขึ้น ให้ถือว่าชุมชนนั้นหรือหม่าบ้านนั้นมีคอพอกประจำถิ่นขึ้นแล้ว และเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ต้องแก้ไขอย่างรีบด่วน

ทำไมต้องรีบแก้ไข? ก็เพราะว่าเด็กที่เกิดมาในหมู่บ้านนั้นอาจจะกลายเป็นเด็กโง่ หูหนวก เป็นใบ้ ตัวเตี้ยแคระ ต่อไปก็ได้

ศจ.น.พ. ร่มไทย สุวรรณิก กับ นายแพทย์อมร-แพทย์หญิงอนงค์ นนทสุต และคุณอุทัย พิศลยบุตร เคยสำรวจคอพอกในจังหวัดแพร่ พบว่าในหมู่บ้านคอพอกอย่างเช่น หมู่บ้านวังบึ้งซึ่งมีชาวบ้าน 800 คน ปรากฏว่ามีคอพอกถึงร้อยละ 84 และมีเด็กสติปัญญาเสื่อม เฉื่อยชา ตัวเตี้ยแคระ หูหนวก เป็นใบ้อยู่ถึงร้อยละ 12 เด็กพวกนี้ (เรียกว่าเด็กเครติน) ผิดปกติเพราะขาดไอโอดีนตั้งแต่อยู่ในท้อง เพราะแม่ขาดไอโอดีนขณะตั้งท้องหรือขาดวัตถุดิบไอโอดีนก็เลยขาดฮอร์โมนธัยรอยด์ไปด้วย

เพราะฉะนั้นถ้ามีเด็กเครตินอยู่ในหมู่บ้านถึงร้อยละ 12 เช่นนี้ ก็เป็นปัญหาที่ต้องเรียบแก้ไข
วิธีการแก้ไข ก็ง่ายและไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรมาก คือ กินเกลือไอโอดีนหรือเกลืออนามัยซึ่งมีแพร่หลายทั่วประเทศแล้วในขณะนี้ (เป็นเกลือไอโอเดทของกรมอนามัยที่เด่นชัย จังหวัดแพร่ หรือเกลือของกรมวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นเกลือสมุทรเติมโปแตสเซียมไอโอไดด์) ถ้าหาซื้อเกลือพวกนี้ไม่ได้ก็ใช้ให้ไปขอยาเม็ดไอโอไดด์ ซึ่งกรมอนามัยแจกไว้ให้ที่สถานีอนามัยผดุงครรภ์

อาหารทะเลถ้าพอซื้อมารับประทานได้ก็จะช่วยได้มาก เกลือทะเลซ้อมาถ้าเก็บไว้นานเกินไปหรือกว่าจะถึงมือคนซื้อนานเกินไปก็จะไม่ค่อยมีประโยชน์ เพราะไอโอดีนที่มีอยู่จะระเหิดหายไปหมด และถ้ายิ่งอากาศชื้นมากๆ อย่างในหน้าฝน ไอโอดีนอาจจะละลายเสียไป ส่วนเกลือสินเธาว์นั้นไม่มีไอโอดีน

ในบางประเทศเขามีกฎหมายบังคับไว้เลยว่าเกลือที่ขายให้คนกินต้องเติมไอโอดีนลงไปด้วย
คณะสำรวจเดิมที่แพร่ได้ทดลองศึกษาดูระหว่างปี พ.ศ. 2503-2523 (ประเทศไทยได้มีการรณรงค์ต่อต้านคอพอกประจำถิ่นมาแล้ว 22 ปี) ว่า พอลองให้เกลืออนามัยอย่างที่ว่านั้นก็ปรากฏว่าคอพอกในเด็กนักเรียนลดลงครึ่งหนึ่ง ภายในเวลา 3 ปีเท่านั้น และอีก 3 ปีต่อมาไม่พบว่าเด็กนักเรียนในหมู่บ้านที่ให้กินเกลืออนามัยนี้มีคอพอกกันอีกเลย

สิ่งที่สำคัญคือ ควรตรวจให้พบว่าหมู่บ้านใดบ้างที่เป็นหมู่บ้านคอพอกจะได้รับการแก้ไข และต้องมุ่งไปที่หญิงทำกำลังตั้งท้องหรือกำลังให้นมลูกและในเด็กเล็ก ๆ เป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเด็ก “เครติน”

จะตรวจคอพอกประจำถิ่นได้อย่างไร
ใช้วิธีสำรวจคอพอกระบาดอย่างง่ายๆ คือ ผส.ส หรือ อส ม. หรือใครก็ได้ในหมู่บ้านลองใช้วิธีตรวจคอพอก (อย่างที่ได้เขียนไว้แล้ว) ลองตรวจดูคนในหมู่บ้านสัก 100 คน (ตรวจนักเรียนที่โรงเรียนเห็นจะทำได้ง่ายที่สุด หรือตรวจให้ได้ทุกคนในหมู่บ้านก็ยิ่งดีใหญ่) ว่ามีคอพอกกี่คน ถ้าเกิน 10 คน (หรือร้อยละ 10 ของทั้งหมดที่ตรวจ) ละก็ ควรแนะนำกันเองให้กินเกลืออนามัยหรือไปขอยาเม็ดไอโอดีนมาแจกกินกันได้แล้ว

การรักษาอีกอย่างต้องไปหาหมอ คือ ถ้าคอพอกประจำถิ่นมันใหญ่โตเอามากๆ อย่างนี้กินเกลืออนามัยหรือกินยาอะไรมันก็คงไม่ยุบ ต้องผ่าตัดเอาออก หรือถ้าคอพอกมันโตไปเบียดเบียนกดหลอดอาหารหลอดลมเข้าทำให้กลืนอาหารลำบาก หายใจไม่สะดวก ก็ต้องผ่าตัดเอาออกเหมือนกัน

 

ข้อมูลสื่อ

54-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 54
ตุลาคม 2526
โรคน่ารู้
ผศ.นพ.สาธิต วรรณแสง