• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เทคนิคการถนอมผิว

ตอนที่ 1
ในบรรดาอวัยวะทั้งหลายของมนุษย์ ผิวหนังจัดเป็นอวัยวะที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด และมีความสำคัญมากในชีวิตประจำวันซึ่งต้องอาศัยการติดต่อคบหาสมาคมเป็นสำคัญ ผิวหนังที่สมบูรณ์จะบ่งถึงสุขภาพอนามัยอันดีของร่างกาย และจิตใจ เป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็น

ในปัจจุบันธุรกิจเครื่องสำอางเครื่องประทินผิว และสถานเสริมความงามต่าง ๆ ได้มีการประชาสัมพันธ์และโฆษณาต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง ซึ่งข้อมูลจากแหล่งเหล่านี้มักจะไม่ตรงกับความจริงที่เราทราบในทางการแพทย์และผลเสียมักจะตกอยู่กับประชาชนที่หลงเชื่อโดยไม่ทราบข้อเท็จจริง เราจึงควรจะได้มาทำความรู้จักกับผิวหนังของเราให้ถ่องแท้

มารู้จักผิวหนังกันเถิด
เราอาจจะแบ่งผิวหนังออกเป็น ชั้นอย่างง่าย ๆ ได้ 3 ชั้นคือ
- ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) หรือชั้นเคราติน (Keratin)
- ชั้นหนังแท้ (Dermis)
- ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง

ชั้นหนังกำพร้า จะประกอบด้วยเซลล์อัดตัวกันแน่นหนาประมาณ 7-8 ชั้น ชั้นบนสุดจะเป็นเซลล์ซึ่งไม่มีชีวิตแล้วติดกันแน่นเป็นแผ่น ชั้นนี้จะลอกตัวออกทุกวันเป็นขี้ไคล ท่อเปิดของต่อมเหงื่อและต่อมขนจะแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ของผิวหนัง และมีปลายประสาทอยู่ทั่วไป

ชั้นหนังแท้ ประกอบด้วยเนื้อเยื่อเส้นใย หลอดเลือดและเส้นใยประสาทให้ความเหนียวและทนทานต่อผิวหนังมีต่อมขน ต่อมไขมัน และต่อมเหงื่อแทรกอยู่ทั่วไป

ชั้นไขมัน ประกอบด้วยเซลล์ไขมัน พังผืด และเส้นเลือดอยู่ติดกับชั้นกล้ามเนื้อบางบริเวณจะหนามาก เช่น หน้าท้อง

ผิวหนังของเราสำคัญอย่างไร
ผิวหนังมีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง
- ปกคลุมอวัยวะภายใน
- ป้องกันการเสียน้ำ เกลือแร่และสารต่าง ๆ จากร่างกาย
- ป้องกันสารภายนอกซึมผ่านเข้าสู่ร่างกาย
- ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายโดยการขับเหงื่อออก และการหดการขยายตัวของหลอดเลือด
- ช่วยควบคุมความดันโลหิต โดยการหดหรือขยายตัวของหลอดเลือด
- รับความรู้สึกต่าง ๆ จากปลายประสาท
- สะสมพลังงานในรูปของไขมัน
- สังเคราะห์สารบางชนิดซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินดี
- ดึงดูดเพศตรงข้าง เช่น การมีผม หนวด เครา หรือผิวหนังสีสวยงาม

สิ่งที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง
ผิวหนังของเด็ก ๆ จะเป็นผิวหนังที่เกือบสมบูรณ์ที่สุด ต่อจากนั้นการเปลี่ยนแปลงก็จะเริ่มขึ้นและนำไปสู่การเสื่อมสภาพของผิวหนัง สิ่งที่ทำให้ผิวหนังมีปัญหาและเสื่อมลง ได้แก่

แสงแดดจัด หรือแสงไฟที่มีแสงอัลตราไวโอเลตมาก จะทำให้ผิวหนังเริ่มเสื่อม หยาบกร้านขึ้น เกิดจุดด่างดำ บางลง และอาจเกิดมะเร็ง ผิวหนังได้โดยเฉพาะคนที่ผิวขาวมาก ๆ

ความแห้ง หรือสิ่งที่ทำให้ผิวหนังแห้งลง โดยปกติเซลล์ผิวหนังจะยึดติดกันด้วยสารประเภทไขมัน ถ้าผิวหนังต้องถูกสารที่ละลายไขมันออกไปนาน ๆ ก็จะทำให้เซลล์ผิวหนังไม่สามารถเก็บน้ำไว้ได เซลล์จะแห้งเหี่ยวและผิวหนังจะหยาบแตกเป็นสะเก็ด สารประเภทนี้ที่สำคัญ คือ สบู่ ผงซักฟอก และน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ ความชื้นของอากาศ เป็นสิ่งช่วยให้ผิวหนังแห้งมากหรือน้อย ในฤดูหนาวอากาศแห้ง ผิวจะแห้งชัดเจนมากขึ้น

สารเคมีบางอย่าง สารเคมีที่เราใช้อยู่ทุกวันโดยไม่ได้นึกถึง ได้แก่ สบู่หอม สบู่ยา เครื่องสำอาง แชมพูต่าง ๆ เหล่านี้ ถึงแม้จะได้มีการค้นคว้าและพยายามใช้สารที่มีอันตรายต่อผิวหนังน้อย แต่สิ่งนี้ไม่เป็นจริงเสมอไป โดยเฉพาะในประเทศไทยเราซึ่งมีเครื่องสำอาง แชมพูราคาถูกและคุณภาพต่ำอยู่มาก โอกาสเกิดอันตรายจึงมีได้เสมอ

ยาบางชนิด ที่สำคัญได้แก่ สารหนู ซึ่งมักจะผสมอยู่ในยาไทย หรือยาจีนบางชนิด สารหนูจะสะสมและก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังอย่างร้ายแรง จนถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวหนัง

ยาคุมกำเนิด ก็ก่อให้เกิดปัญหาได้ โดยเฉพาะการเกิดฝ้า ซึ่งพบได้ประมาณ 20% ของผู้ใช้ยาคุมกำเนิดมานานๆ

ในปัจจุบันยาที่มีอันตรายต่อผิวหนังได้มากอย่างหนึ่งคือ ยาทารักษาฝ้า ซึ่งมีขายกันอย่างแพร่หลาย

วัย การเสื่อมของผิวหนังเกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเกิดมา และจะเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่องในช่องวัยเด็ก และวัยหนุ่มสาว จะเห็นได้ชัดเจน เมื่อเข้าสู่วัยชรา โดยปกติเมื่ออายุเกิน 50 ปีขึ้นไปแล้ว ความเสื่อมจะเห็นได้ชัดเจน แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาในอดีตที่ผ่านมา

มาถนอมผิวให้สวยนานๆ
กระทำได้โดยหลีกเลี่ยงสาเหตุที่กล่าวถึงเสียตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ควรตามแฟชั่นหรือตามอิทธิพลการโฆษณาโดยไม่ได้ยั้งคิด ดังต่อไปนี้คือ

หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด แฟชั่นนิยมอาบแดด หรืออาบแดดให้ผิวสีแทน (สีน้ำตาล) นั้น มักจะจบลงที่ผิวหนังเริ่มแก่ ตั้งแต่อายุ 30

หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ผิวหนังกร้าน เช่น แช่น้ำนาน ๆ สบู่ ผงซักฟอก ฯลฯ สบู่ยาหรือสบู่ที่มีความเป็นด่างมาก จะทำให้ผิวกร้านได้ง่าย ในวัยรุ่น ผิวหน้ามันมาก จึงจำเป็นต้องใช้กับสบู่ แต่เมื่อวัยมากขึ้นแล้วผิวหน้าเริ่มแห้งและหยาบกร้าน สบู่ที่ใช้ควรเป็นสบู่ไร้ด่างที่พอใช้ได้ เช่น สบู่อ่อน สำหรับเด็ก ถ้าใบหน้าไม่สกปรกมากการใช้ครีมล้างหน้าร่วมกับล้างด้วยน้ำอีกครั้งก็เพียงพอแล้ว

เครื่องสำอาง เครื่องสำอางที่จัดว่าไม่ค่อยมีปัญหา ได้แก่ แป้งผัดหน้า ลิปสติก สีแต่งเปลือกตาและสีแต่งใบหน้า ที่อาจมีปัญหาได้บ้าง ได้แก่ ครีมล้างหน้า และมีปัญหาได้บ่อย ได้แก่ น้ำยาที่ใช้เช็ดหน้า หรืออ้างว่าสมานผิว ปรับผิวต่าง ๆ ครีมบำรุงผิว ครีมรองพื้น และครีมนวดหน้า

น้ำยาปรับผิว สมานผิวนั้น เพียงแต่ทำให้ผิวหนังดูแห้งเรียบในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่อาจมีอันตรายได้จากการเช็ดล้างไขมันธรรมชาติมากเกินไป ทำให้ผิวเริ่มกร้านเป็นขุย ส่วนครีมบำรุงผิว ครีมรองพื้นและครีมนวดหน้านั้นแม้จะไม่ค่อยทำให้เกิดผิวแห้งกร้าน แต่อาจทำให้เกิดปัญหาอื่น เช่น เกิดสิว หรือเกิดอาการแพ้สัมผัส

ยา ยาที่เข้าสารหนู มักจะเป็นยาจีนหรือยาไทยบางชนิด ถ้าไม่แน่ใจว่าจะมีประโยชน์คุ้มกับการเสี่ยงแล้วได้โปรดอย่างลองรับประทาน เพราะผลเสียนั้นกว่าจะแสดงออกก็หลายปีหลังจากเริ่มใช้ยา และจะเป็นตลอดชีวิต

การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดกินหรือฉีด ถ้าเริ่มเกิดฝ้าควรพิจารณาใช้วิธีอื่นเพราะถ้าเป็นฝ้าเข้มและต้องการรักษาจะยุ่งยากมากและอาจไม่ได้ผล

การใช้ยารักษาฝ้า ถ้าฝ้าไม่เข้มมาก จนเห็นได้ชัดเจน ไม่ควรขวนขวายซื้อยามาใช้ เมื่อใช้แล้วผลตามมาที่แน่ๆ ก็คือผิวจะบางลง หน้ามักแดงและมักหยุดไม่ได้จะดำขึ้นอีก

สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมในการถนอมผิว
จากที่กล่าวมาแล้ว ผิวหนังวัยเด็กเป็นผิวหนังที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราแสวงหา คือ วิธีการที่จะรักษาความสมบูรณ์นี้ให้อยู่ตลอดไปนอกจากจะหลีกเลี่ยงสาเหตุของความเสื่อมดังกล่าวแล้ว สิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรลืม คือ

ผิวหนังประกอบด้วยสารจำพวกโปรตีนจำนวนมาก ดังนั้นการขาสารอาหารประเภทโปรตีนก็จะทำให้ผิวหนังบาง หยาบกร้าน

ผิวหนังมีน้ำเป็นส่วนประกอบ มากกว่า 80% โดยน้ำหนัก ดังนั้น การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอจึงมีความจำเป็น

ผิวหนังต้องการวิตามินและเกลือแร่ที่พอเพียง การขาดวิตามิน เช่น วิตามินเอ หรือ บี จะทำให้เกิดโรคผิวหนังได้ การขาดเกลือแร่ที่สำคัญต่อผิวหนัง เช่น สังกะสี ก็จะเกิดโรคผิวหนังได้

จิตใจมีอิทธิพลเหนือร่างกายทุกส่วน ถ้าจิตใจแจ่มใส เบิกบานผิวหนังก็มักจะสดชื่น เปล่งปลั่งไปด้วย ถ้าจิตใจเศร้าหมอง ผิวหนังก็จะดูหมองคล้ำไปด้วย แบบเดียวกับที่เขาเรียกว่า หน้าดำคร่ำเครียด

การนวดหน้า ลอกหน้า อาบน้ำนม น้ำแร่ ขัดผิว ช่วยถนอมผิว จริงหรือ

นอกจากความสบายใจของผู้ทำโดยคิดว่าจะทำให้ผิวหนังแก่ช้าลงตอลดจนคำยกยอของผู้ทำว่าสวยขึ้น สาวขึ้น วิธีการดังกล่าวทั้งหลายไม่มีหลักฐานอะไรทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าจะทำให้ผิวหนังที่เสื่อมตามสังขารนั้นอ่อนวัยขึ้น วิธีการดังกล่าวนี้ยังมีการเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา เช่น เกิดการแพ้สัมผัส เกิดสิว และแม้แต่ทำให้เกิดการระคายเคือง และผิวเสื่อมมากขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้แพทย์โดยเฉพาะทางโรคผิวหนังพบอยู่เป็นประจำ และผู้โชคร้ายเหล่านี้ถูกปฏิเสธความรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้นจากผู้ทำ เสียทั้งเงิน เจ็บทั้งใจ และยังอาจเสียโฉมตลอดชีวิต

 

ข้อมูลสื่อ

56-006
นิตยสารหมอชาวบ้าน 56
ธันวาคม 2526
นพ.นิวัติ พลนิกร