• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

น้ำรักษาสารพัดโรค


คอลัมน์นี้เคยนำความรู้เรื่อง น้ำ 5 แก้วเป็นยาระบาย ใน “หมอชาวบ้าน” ฉบับที่ 49 และคอลัมน์พิเศษใน “หมอชาวบ้าน” ฉบับที่ 50 ก็ลงเรื่อง น้ำยาสารพัดประโยชน์ สำหรับฉบับนี้ คอลัมน์ “ประสบการณ์รอบทิศ” จะขอนำเรื่อง น้ำ กลับมาเสนอกับท่านผู้อ่านอีกครั้ง เรามาฟังผู้เคยทดลองใช้ว่าใช้ได้ผลอย่างไรบ้างดีไหมครับ...

ท่านผู้มีประสบการณ์ท่านแรกคือ คุณสมคิด ใจสิตา เจ้าหน้าที่กลุ่มประสานงานศาสนาเพื่อสังคม
“ผมกลับจากหมู่บ้านท่ามะไฟหวาน จ.ชัยภูมิ ลงมากรุงเทพฯ วิ่งเต้นเรื่องสหกรณ์ในหมู่บ้านให้พระครูคำเขียน เมื่อประมาณกลางปี 25 วิ่งขึ้นวิ่งลงวุ่นกับงานเลยเป็น ไข้หวัด ปกติเวลาผมเป็นผมจะไปหาหมอ
แต่ครั้งนี้ไม่มีเวลาซิครับ ต้องรีบประชุม เพื่อนก็แนะนำให้ดื่มน้ำร้อนมากๆ ผมก็เลยจัดการต้มน้ำ 2-3 กระติก ดื่มน้ำร้อนกันทั้งวัน ประชุมไปก็จิบไปดื่มกันไป ไม่ได้คิดถึงไข้หวัด พอตกเย็นก็หาย แปลกดี”

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องที่ไม่แปลกที่คนอย่างเราๆ ท่านๆ ต่างก็รู้ดี ยิ่งเมื่อสมัยเด็กๆ ถ้าใครเป็นมักถูกล้อว่าไปแอบดูใครอาบน้ำเข้า ก็ “ตากุ้งยิง” ไงหละครับ

แต่เภสัชกรอาทิตย์ วิศาลเวศ คงไม่ได้ไปแอบดูใครเขาอาบน้ำแน่ เพราะแกเล่าว่า.....
“ก่อนหน้านี้ 3 วัน รู้สึกเคืองตาขึ้นมาเฉยๆ ก็ไปบอกแม่ แม่ก็ดูที่ตาแล้วว่า เป็นตากุ้งยิง ผมยังไม่เชื่อเลยก็เฉยๆ อยู่

พอรุ่งขึ้น เป็นตุ่มแดงๆ ตรงเปลือกตา ก็รู้ว่าเป็นตากุ้งยิงแน่ แม่ก็ให้เอาหม้อไปต้มน้ำ พอเดือดยกลงแล้วใช้ผ้าขาวม้าคลุมหัวกับหม้อน้ำไม่ให้ไอน้ำหายไปไหน แล้วลมตากับไอน้ำแต่อย่าทำใกล้เกินไป จะร้อน รมไอน้ำจนไอหมด รู้สึกตาโล่ง สบาย ขึ้นมา

พอทิ้งไว้อีกสักพักรู้สึกเคืองตาอีก ก็ทำเช่นเดิมอีก ทำทุกครั้งที่เคืองตา วันนั้นทำได้ 4-5 ครั้ง พอรุ่งขึ้นอีกวันอาการเคืองตาก็หายไปแล้ว ต่อมาอีก 1 วัน ตุ่มที่ตากก็ยุบหายไป”

พอมาวันที่ 3 เภสัชกรอาทิตย์เพื่อนเจ้าหน้าที่โครงการฯ เรา ก็มาเยี่ยมเยือนเพื่อนบอกตำหรับยานี้โดยเฉพาะแล้วแถมท้ายว่า

“วิธีนี้คุณแม่ผมใช้มาตั้งแต่เด็กได้ความรู้จากปู่ โน้น”
นี่แหละ ความรู้ที่สืบทอดกันมา มักจะช่วยเหลือกันได้ด้วยตนเอง แต่นับวันความรู้เหล่านี้ก็จะสูญหายกันไปหมด เป็นเพราะขาดการสืบต่อ และขาดความเชื่อมันในการใช้ อีกทั้งดูเป็นเรื่องล้าสมัย

เมื่อเราได้ความรู้เรื่องการสูดน้ำแก้คัดจมูก แก้น้ำมูกอุดตันในเวลาที่เป็นหวัด ผม สุพจน์ อัศวพันธุ์ธนกุล ก็ได้ลองทำตามดูบ้าง

“เวลาผมเป็นไข้หวัด จะคัดจมูกน้ำมูกไหล น่ารำคาญ ยิ่งเวลากินข้าวต้องมาคอยสูดน้ำมูกตลอด ผมจึงใช้วิธีสุดน้ำเข้าทางจมูก คือ เอาน้ำใส่แก้วหรือขันให้เต็ม แล้วสูดน้ำเข้าทางจมูก ต้องค่อยๆ สูดเข้าอย่างช้าๆ ให้น้ำผ่านจมูกไปถึงคอแล้วสั่นน้ำออกมาช้าๆ ผมทำอยู่ 10-20 หน

น้ำที่สูดเข้าไปจะไปละลานน้ำมูกที่ข้นให้สี่งออกมาได้สะดวก จมูกก็จะโล่ หายใจสะดวกขึ้น ถ้าเกิดคัดจมูก ผมก็ทำเหมือนเดิมอีก แต่ถ้าน้ำมูกอุดตันจมูกเพียงข้างเดียวก็ใช้นิ้วมือปิดรูจมูกข้างที่โล่งไว้ แล้วสูดน้ำเข้าข้างที่ตัน ถ้าไม่ปิดข้างที่โล่ง น้ำจะเข้าข้างที่โล่งหมด”

ครับ วิธีต้องใช้ความพยายามอดทน ทำหลายๆ ครั้งจึงจะเห็นผล อย่างใจร้อนก็แล้วกัน ยิ่งคนเริ่มทำใหม่ๆ จะรู้สึกแสบจมูก ไม่ต้องตกใจ แล้วจะชินไปเอง และที่สำคัญคือ ขอให้เป็นน้ำสะอาดและเวลาสั่งน้ำออกมาอย่างสั่งแรงๆ เพราะจะทำให้จมูกอักเสบ เป็นริดสีดวงได้

วิธีนี้หลายคนเข้าใจผิดว่า แก้ไข้หวัดได้ แท้ที่จริงแล้วเพียงการละลายน้ำมูกให้หายใจได้สะดวกขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นจึงต้องกินยาแก้ไข้หวัดควบคู่ไปด้วย แต่ถ้าจะใช้วิธี เช่น คุณสมคิด ใจสิตา ดื่มน้ำร้อน แก้ไข้หวัดก็ไม่เลวนะครับ
 

ข้อมูลสื่อ

58-008
นิตยสารหมอชาวบ้าน 58
กุมภาพันธ์ 2527
ภก.สุพจน์ อัศวพันธุ์ธนกุล