เวลาไปหาหมอที่โรงพยาบาลบางครั้งหมออาจจะเขียนใบสั่งยาให้คุณไปตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ หรืออุจจาระ ที่อีกแผนกหนึ่งซึ่งจะขอเจาะเลือดหรือขอให้คุณถ่ายปัสสาวะ หรืออุจจาระ (ตามแต่แพทย์สั่ง ) เก็บไว้ในหลอดแก้วหรือภาชนะ แล้วนำไปตรวจด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
ห้องที่ทำหน้าที่ดังกล่าว อาจมีชื่อเรียกได้ต่างๆ เช่นกัน “ ห้องชันสูตรโรค “ “ ห้องวิเคราะห์โรค “
“ ห้องตรวจเลือด “ “ห้องปฏิบัติการ “ เป็นต้น
แต่หมอส่วนมากนิยมเรียกจนติดปากว่า “ ห้องแหลบ “ คำว่า แหลบ ( Lab) ในที่นี้เป็นคำเรียก
สั้นๆ จากคำทับศัพท์ ภาษาอังกฤษว่า “ แหลบบอราตอรี่ “ ( Laboratory ) ซึ่งหมายถึงการ
ทดลองวิเคราะห์ หรือชันสูตรทางวิทยาศาสตร์
ห้องแหลบ หมายถึง ห้องทดลองวิเคราะห์ หรือชันสูตรโดยการใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง
ในปัจจุบันการวิเคราะห์โรคหรือการวินิจฉัยโรค ต้องอาศัยห้องแหลบเป็นอย่างมาก เช่น ถ้าคุณเป็น
ไข้หนาวสั่น สงสัยว่าจะเป็นไข้ป่าหรือมาลาเรียหมอก็จะส่งคุณไปห้องแหลบเพื่อตรวจดูว่ามีเชื้อ
มาลาเรียอยู่ในเลือดของคุณหรือไม่
ถ้าคุณเป็นเบาหวาน คุณมักจะต้องไปที่ห้องแหลบ ให้เขาเจาะเอาเลือดไปดูว่า ระดับน้ำตาลในเลือด
ของคุณสูงเพียงใด
ถ้าสงสัยมีก้อนนิ่วหรือมีการติดเชื้ออักเสบในทางเดินปัสสาวะ(ไตหรือกระเพาะปัสสาวะ)หมอก็จะส่งคุณไปที่ห้องแหลบ ตรวจปัสสาวะดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่
ถ้าสงสัยมีตัวพยาธิอยู่ในลำไส้ก็จะต้องไปห้องแหลบ ตรวจอุจจาระดูว่ามีไข่พยาธิหรือไม่
ห้องแหลบ สามารถให้บริการชันสูตรโรคได้ร้อยแปดพันอย่าง แต่ละครั้ง หมอจะสั่งตรวจเฉพาะไม่กี่อย่างที่จะช่วยพิสูจน์โรคที่สงสัยเท่านั้นไม่ใช่ส่งตรวจแบบเหวี่ยงแหไปหมดทุกอย่าง
สำหรับคำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำว่าแหลบ ก็มีเช่น
ใบแหลบ หมายถึง ใบสั่งที่หมอเขียนให้คุณถือไปยังห้องแหลบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการชันสูตรในสิ่งที่หมอต้องการรู้
ทำแหลบ หมายถึง ทำการทดลองในห้องแหลบ
ผลแหลบ หมายถึง ผลของการตรวจทางห้องแหลบ
ก่อนจบก็ขอฝากข้อคิดเรื่องแหลบสักเล็กน้อย เพราะท่านผู้อ่านบางท่านอาจเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าการวินิจฉัยโรคนั้น การรู้ผลตรวจทางห้องแหลบเป็นสิ่งสำคัญก่อนเพื่อน เพื่อความเข้าใจถูกต้อง จึงขอเน้นให้ทราบว่า ขั้นตอนในการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องนั้นคือ
1. การซักประวัติ
2. การตรวจร่างกาย
3.การตรวจทางห้องแหลบ
( ความสำคัญลดหลั่นเรียงกันมา )
ถ้าซักประวัติให้ดี เพียงซักประวัติอย่างเดียว ยังไม่ทันลงมือตรวจร่างกายก็วินิจฉัยโรคของผู้ป่วยได้กว่าร้อยละ 50 แล้ว
ดังนั้นการที่ไปสนใจแต่ผลจากการตรวจแหลบย่อยทำให้ผิดพลาดและสับสนได้ ดังเช่นที่ปรมาจารย์ทางอายุรศาสตร์ผู้ล่วงลับไปแล้ว ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ ประเสริฐ กังสดาลย์ได้กล่าวไว้ว่า
“ มัวเบ่งแต่แหลบ บัดซบจริงกู”
- อ่าน 7,178 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้