เรากิน “ข้าว” ทุกๆ วัน แม้บางวันอาจจะเบื่อหันไปกินก๋วยเตี๋ยวแทน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาหารหลักของคนไทยเราหนีไม่พ้นข้าวจริงๆ
และถ้ามาพูดถึงใช้ข้าวเป็นอาหารกันแล้ว หลายคนคงชิงกันพูดนับตั้งแต่ข้าวสวยธรรมดา หรือข้าวสวยแล้วกับข้าวอยู่อีกเป็นสิบๆ ชนิด ข้าวตอก ข้าวตัง ข้าวทอดแผ่นๆ ราดหน้าด้วยน้ำตาล ข้าวหมัก ข้าวหลาม ข้าวยำ ข้าวเหนียว ฯลฯ แต่ช่างเหมือนคำโบราณ “หญ้าปากคอก” จริงๆ ที่หลายคนไม่เอะใจว่า ข้าวใช้เป็นยาได้ดี โดยเฉพาะแก้ท้องอืด ปวดท้อง
ครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่โครงการฯ คนหนึ่ง ปวดท้องแบบที่เจ้าตัวไม่เคยปวดมาก่อนเลย ปวดขนาดต้องกุมท้องนอนเฉยๆ กระดุกกระดิกไม่ค่อยได้ บอกว่าปวดเหมือนกินอาหารเผ็ดๆ เข้าไป พอจะลุกเดินปวดมาก เดินแต่ละก้าวกระเทือนไปทั้งท้อง คือเจ็บไปทุกครั้งที่เท้าถูกพื้น เลยต้องเดินช้าๆ กว่าปกติ เวลากินน้ำลงไปรู้สึกปวด ปวดตรงลิ้นปี่ เอามือแตะก็รู้สึกปวด
เริ่มเป็นวันแรกลองให้กินขมิ้นชันผสมน้ำผึ้งเพราะคิดว่าจะเป็นโรคกระเพาะ แต่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร วันต่อมาก็ให้ลองต้มน้ำขิงกิน ก็ไม่ได้ความอีก ชักไม่แน่ใจว่าจะตรวจที่โรงพยาบาลดีไหม เพราะปวดท้องติดต่อกันเป็นวันอย่างนี้อันตราย คิดไปคิดมา ก็ยังไม่อันตรายเท่าไร เพราะคนป่วยก็ยังกินได้ ถ่ายได้ปกติ ไม่คลื่นไส้อาเจียน ไข้ก็ไม่มี และปวดตรงลิ้นปี่แสดงว่าเป็นตรงกระเพาะ ไม่ใช่ลำไส้ ไม่น่าห่วงเท่าไร ที่กินขมิ้นชันและขิงไม่หายเป็นเพราะไม่ถูกกับโรคแน่
แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี ที่จะพึ่งตนเองได้
ก่อนอื่นก็หาสาเหตุต้นตอแบบพุทธศาสนาท่านว่าไว้ คือ ท้องอืดแน่นมากจนปวด และมันมักจะเรอบ่อย แสดงว่าในกระเพาะมีแก๊สหรือมีลมมากเกินปกติ เจ้าขมิ้นชันและขิงใช้ไม่ได้เพราะขับลมมากๆ นี่ไม่ได้หมด ก็ต้องหายาที่ใช้ดูดออกมาซินะ
นั่งนึกอยู่นาน คิดได้ว่ามียาฝรั่งยี่ห้อหนึ่งทำด้วยถ่าน บอกสรรพคุณไว้ว่า ใช้แก้ท้องอืด ท้องเสีย ปวดท้องได้อย่างดี และยังมีการค้นพบโดยชายฝรั่งเศส ปี พ.ศ.2456 ว่า ผงถ่านทำหน้าที่เสมือนฟองน้ำทำการดูดซึมซับพิษต่างๆ ที่อยู่ในท้องได้ก่อนที่พิษต่างๆ จะแพร่ออกไปทำลายอวัยวะและระบบอื่นๆ ในร่างกาย และสำหรับผู้ที่เมาเหล้าค้างวันผงถ่านนี้ก็อาจช่วยได้เหมือนกัน
คิดได้เช่นนี้ จะหาผงถ่านที่ไหนดี จะใช้ถ่านที่หุงข้าก็ไม่ไหว อันตรายไม่สะอาด จะหากะลามะพร้าวมาเผาไหม้จนเป็นถ่านหรือก็ลำบอก คิดอีกทีถ้าได้เผาข้าวเป็นถ่านจะมีคุณสมบัติดูดก๊าซในกระเพาะได้ดีไม่แพ้ยาฝรั่ง เพราะข้าวมีความละเอียดอยู่แล้ว เมื่อความร้อนเผาจะแตกตัวออกจนละเอียดมากขึ้น ความสามารถในการดูดสารถ้าเปรียบเทียบกับไม้เผาเป็นถ่าน ข้าวนี่จะดูดได้มากว่าด้วยซ้ำ
พอวันที่สามจึงนำข้าวสารมาใส่กระทะคั่วไฟจนข้าวไหม้เป็นถ่าน บดให้ละเอียดให้คนป่วยกินไปครึ่งช้อนแกงสักชั่วโมงอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนนอนคืนนั้นก็กินอีกครั้ง วันรุ่งขึ้นอาการดีขึ้นมาก แต่ก็ยังกินอีกทั้ง 4 ครั้ง คือ เช้า-กลางวัน-เย็น และ ก่อนนอน ครั้งละครึ่งช้อนแกง เวลากินอาจฝืดคอ ดื่มน้ำตามไปด้วยก็ได้
รุ่งขึ้นอีกวันเจ้าหน้าที่โครงการฯ ของเราท่านนี้ยิ้มออก และบอกว่าวิ่งไล่กวดกระโดดขึ้นรถเมล์ได้สบาย
บางท่านที่พอทราบมา เช่น คุณเกรียงศักดิ์ จึงชนวงศ์ เล่าว่า
“ถ้ารู้สึกมีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ จะใช้ข้าวสุก (ข้าวสวย) ตัดให้เป็นก้อน แล้วเอาไปเผาไฟจนไหม้เกรียมเป็นถ่าน เอามาบดชงใส่ร้อนร้อน ใส่เกลือให้เค็ม นิดหน่อยกินแต่น้ำ ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นมาก”
ทั้ง 2 วิธีที่กล่าวมาไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร สำคัญว่าเราจะเห็นคุณค่าความสามัญธรรมดาของธรรมชาติหรือไม่ ข้าวทำเป็นถ่านแก้ท้องอืดนี่ก็เช่นกัน คุณค่ายังคงมีอยู่ เพียงแต่เรามองข้ามและบางครั้งก็ดูแคลนว่าเชยไปเท่านั้น
- อ่าน 4,731 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้