• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ต่อมทอนซิลอักเสบ ไข้ เจ็บคอ คอเป็นหนอง

                                                   

                          

 

“คุณหมอครับ ผมเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ ควรจะกินยาอะไรดีครับ ?”
“ทำไมถึงรู้ว่า เป็นโรคนี้ล่ะครับ ไหนลองเล่าอาการให้ฟังก่อนซิ”
 

เมื่อคืนนี้ ผมรู้สึกตัวร้อนครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อยตามตัวและรู้สึกเจ็บในคอมาก เหมือนมีอะไรบาดยู่ในคออย่างงั้นแหละ เช้านี้ตื่นขึ้นมาผมอ้าปากส่องกระจกและใช้ไฟฉายส่องดู ก็เห็นต่อมทอนซิลทั้ง 2 ข้างบวมโตมีสีแดงแจ้ด และมีหนองติดอยู่ด้วย (ดูรูปที่ 1) อาการแบบนี้คงต้องเป็นโรคต่อมทอนซิลอักเสบแน่ๆ เลยใช่ไหมครับ ?”
“เอาละครับ คุณลองอ้าปากกว้างๆ หมอขอใช้ไม้กดลิ้นและใช้ไฟฉายส่องดูหน่อยนะ…เก่งมาก ต่อมทอนซิลของคุณอักเสบอย่างมากจริงๆ ด้วย”
 

“ควรจะรักษาอย่างไรครับ ?”
“หมอจะให้ แอสไพริน กินลดไข้ ครั้งละ 2 เม็ด ถ้ามีไข้ให้กินซ้ำทุก 6 ซม. และให้ยาปฏิชีวนะกินฆ่าเชื้อหนองที่คอด้วย ไม่ทราบว่าคุณเคยแพ้ยาเพนนิซิลลินมาก่อนหรือเปล่า”
 

“ไม่เคยครับ”
“ดีแล้วหมอจะให้ยาเม็ดเพนวี ขนาด 4 แสนยูนิต(ราคาเม็ดละ 1 บาท)กิน 1 เม็ดวันละ 4 ครั้ง (เด็กลดขนาดลงครึ่งหนึ่ง) ถ้าเคยแพ้ยาเพนนิซิลลิน หมอก็จะเลี่ยงไปใช้ยาปฏิชีวนะตัวอื่นเช่น อีริโธรมัยซิน…ส่วนอาการเจ็บคอ ก็ให้ผสมเกลือ 1/2 ช้อน โต๊ะในน้ำอุ่น 1 แก้ว กลั้วคอบ่อยๆ”
 

“ควรกินยานานกี่วันครับ”
“ยาลดไข้ให้กินเมื่อมีไข้ ส่วนยาปฏิชีวนะคือ เพนวี ต้องกินให้ครบ 10 วัน”
 

“ถ้าผมกินยา สัก 2-3 วัน แล้วหายไข้ หายเจ็บคอ ต้องกินยาต่อไปจนครบ 10 วันไหมครับ”
“ต้องกินให้ครบ 10 วัน ปกติโรคนี้เป็นอยู่ 2-3 วันจะดีขึ้น เมื่อดีขึ้นแล้วคนไข้ก็มักจะหยุดยา เพราะนึกว่าหายแล้ว อันนี้สินับว่าอันตราย”
 

“อันตรายอย่างไรครับ ?”
“การกินยาปฏิชีวนะไม่ครบขนาด สำหรับต่อมทอนซิลอักเสบชนิดเป็นหนอง อาจทำให้เกิดโรคแทรกที่สำคัญอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ โรคไตอักเสบ กับ โรครูต์มาติค”
 

“โรคไตอักเสบที่ว่านั้น มีอาการอย่างไรครับ ?”
“จะมีอาการหนังตาบวม หน้าบวม (รูปที่ 2) ซึ่งจะเห็นเวลาตื่นนอนใหม่ๆ ถ้าเป็นมากๆ จะมีอาการเท้าบวมใช้นิ้วกดจะมีรอยบุ๋มชัดเจน นอกจากนี้ปัสสาวะจะมีสีแดงเหมือนน้ำหมากหรือน้ำล้างมือ บางคนอาจมีความดันเลือดสูง ถ้าเป็นรุนแรง อาจถึงกับมีอาการชักหรือหอบเหนื่อยเชียวแหละ”


“แล้วไข้รูห์มาติคที่ว่านั้น มีอาการอย่างไรครับ ?”
“จะมีอาการปวดบวมตามข้อใหญ่ๆ เช่น ข้อศอก ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อเหล่านี้จะมีลักษณะอักเสบคือแดงและร้อนผิดปกติลักษณะพิเศษของมันคือจะบวมทีละข้อพอข้อนี้หาย ก็จะไปบวมที่ข้อโน้นใหม่ เลื่อนที่แบบนี้ไปเรื่อยๆ”


“โรคแทรกทั้ง 2 อย่าง เกิดหลังเป็นไข้เจ็บคอทันทีเลยใช่ไหม ?”
“มักเกิดหลังจากหายไข้หายเจ็บคอแล้วสัก 1 ถึง 3 อาทิตย์ แต่บางคนอาจจะเกิดอาการของโรคทั้งสองโดยที่ไม่มีอาการเจ็บคอมาก่อนเลยก็ได้ และคนที่เป็นต่อมทอนซิลอักเสบ ก็ไม่จำเป็นว่าจะเกิดโรคแทรกไปเสียทุกคน จะเป็นเพียงบางคนเท่านั้นส่วนมากจะเป็นกับเด็กอายุ 5 ถึง 15 ปี”


“โรคแทรกทั้ง 2 อย่างนี้ อันตรายมากไหม ?”
“สำหรับโรคไตอักเสบ (ชนิดที่เป็นโรคแทรกของต่อมทอนซิลอักเสบ) นี้ เมื่อได้รับการรักษาส่วนมากจะหายขาดได้ มีเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่ทำให้เกิดโรคไตพิการ และเป็นอันตราย สำหรับ ไข้รูห์มาติค มักจะมีการอักเสบของลิ้นหัวใจร่วมด้วย  ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่จริงจัง นานวันเข้าอาจกลายเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วหรือลิ้นหัวใจตีบดังที่หมอเราเรียกว่า “โรคหัวใจรูห์มาติค” ได้ ซึ่งในที่สุดหัวใจจะพิการ มีอาการหอบเหนื่อยทำงานไม่ไหว (รูปที่ 3,4) คนที่เป็นโรคแทรกดังกล่าวควรจะต้องรักษากับหมออย่างจริงจัง และทางที่ดี คนที่เป็นต่อมทอนซิลอักเสบ ควรกินยาปฏิชีวนะรักษาเสียแต่เนิ่นๆ และกินให้ครบ 10 วันเสียครับ”

 

      

 

 

 

ข้อมูลสื่อ

25-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 25
พฤษภาคม 2524
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ