• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ปราบกบฏ ปากมดลูก


เป็นอย่างไรบ้างคะ “สงครามกลางเมือง” ฉบับก่อน ใครว่าสนุกหรือเปล่าหนูก็ไม่รู้ แต่หนูว่าสนุกก็แล้วกันสงครามในชีวิตจริงหรือในชีวิตเล็กๆ ในกล้องจุลทรรศน์ มันก็สงครามเหมือนๆ กัน มีการฆ่า มีการตาย ทุกอย่างดิ้นรนเพื่อการมีชีวิตอยู่ เหมือนๆ สงครามที่กำลังจะเกิดกับนายของหนู


นายของหนูอายุ 38 ปี เป็นคุณแม่ยังสาว ถึงจะมีลูกตั้ง 4 คนก็ตาม นายของหนูเป็นคนน่ารัก สะอาดสะอ้านคอยทำความสะอาดร่างกายทุกส่วนสม่ำเสมอ เอาใจใส่ต่อสุขภาพตัวเอง ลูกๆ และสามี เธอคอยปกปักรักษาพวกหนูไม่ให้ถูกคุกคามเสมอๆด้วยการไปหาหมอตรวจภายในเป็นประจำปีละครั้ง


ระยะนี้หนูรู้สึกมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นบ่อยๆ ทั้งนายผู้ชาย นายผู้หญิง ก็ดูจะมีปากเสียงกัน ทำให้ลูกๆ พลอยอารมณ์ไม่ดีไปด้วย ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่นายทั้งสองคนของหนูเที่ยวบ่อยและต่างก็ใช้เงินเปลืองกันพอแรง เมื่อความสงบสุขในบ้านน้อยลง นายของหนูก็เลยลืมดูแลสุขภาพของตัวเองเสียสนิท นี่ก็เลยเวลาตรวจภายในมาหลายเดือนแล้ว เธอก็ยังไม่ได้ไปตรวจ


หนูเองไม่สบายใจมาก เพราะไหนจะเรื่องยุ่งๆ ทางบ้าน แต่หนูก็ยังมีความรู้สึกว่า เพื่อนๆ ใกล้ตัวหนู มีท่าทางผิดปกติชอบกล บางเซลล์ก็ทำหน้าดุๆ บางเซลล์ก็ทำหน้าแปลกๆ แถมทำตัวลึกลับ หนูชักสงสัยอยู่ครามครัน เอ! น่ากลัวจะเกิดปฏิวัติรัฐประหารอะไรขึ้นอีกแล้วเป็นแน่


ยิ่งนานวันหนูก็ยิ่งแน่ใจ เพราะเซลล์แถวปากมดลูกกลุ่มหนึ่งดูจะหน้าตาแปลกไปชัดเจนแถมไม่ยอมเป็นมิตรกับใครเสียด้วยตอนแรกๆ ก็ดูไม่ค่อยเป็นมิตร ต่อไปก็ดูท่าทางเป็นศัตรู เริ่มเกะกะเกเรทำร้ายเซลล์อื่นที่อยู่ใกล้ๆ เสียด้วย หนูรู้แล้วว่าพวกนี้คิดการใหญ่จะเข้าปกครองนายของหนูแทนรัฐบาลเก่า หนูพยายามส่งข่าวเตือนนายหนูแต่ไม่สำเร็จ ก็อย่างที่เพื่อนหนูเคยเล่าไว้ในฉบับก่อน มนุษย์ดูจะขาดการสื่อข่าวระหว่างส่วนที่ควบคุมจิตใจ กับส่วนที่ดำเนินงานไปเอง โดยการควบคุมของประสาทอัตโนมัติ หนูจึงบอกให้นายหนูเข้าใจไม่ได้ หนูกลุ้มใจจริงๆ


ตอนนี้เจ้าเซลล์แปลกๆ แถวปากมดลูก เริ่มก่อตั้งกองบัญชาการได้แล้วกำลังเพิ่มพลอย่างเงียบๆ โดยยังไม่มีการแพร่กระจายไปส่วนไกล หนูจะทำอย่างไรกันดีคะ อยากช่วยนายเหลือเกิน อยากร้องตะโกน อยากหยิกให้เจ็บ แต่หนูก็ไม่ได้สักอย่าง หนูเป็นเซลล์ธรรมดาๆ นี่คะ ไม่มีมือไม่มีเท้าแถมเป็นใบ้อีกด้วย แต่หนูต้องทำอะไรสักอย่างให้นายหนูรู้ตัวและสิ่งแรกที่พวกกบฏจะทำคือ ฆ่าพวกหนูเสีย ก็หนูอยู่ใกล้ที่สุดนี่คะ หนูกำลังจะถูกกินเพื่อนๆ ของหนูต่างก็ร้อนใจไปตามๆ กัน เพราะทุกเซลล์รู้ดีว่าพวกกบฏกำลังจะโตวันโตคืน ถ้าทิ้งไว้นานพวกเราก็ต้องตายกันหมดแน่นอน รวมทั้งนายของหนูด้วย
 

 


เอาละ ตอนนี้เจ้ากบฏขยับตัวแล้ว เดินแถวตรวจทหารมากมายพร้อมจะออกศึก และแล้วเจ้ากบฏก็เริ่มตีชายแดนทำให้พรรคพวกหนูล้มตายไปตามๆ กัน แนวป้องกันชายแดนของนาย หนูเริ่มรู้ตัวแล้ว ส่งทหารเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้ ปะทะกันพอควร เกิดการตายของทั้งสองฝ่าย พอมีการตายจ้าวโรคเพื่อนหนูก็ผสมโรงเข้าไปร่วมวงทำร้ายทั้งนายของหนูเองและเซลล์พวกกบฏ ทหารเม็ดเลือดขาวก็ต้องทำศึกหนักต้องต่อสู้ทั้งเซลล์พวกกบฏ และจ้าวโรคแบคทีเรีย ตอนนี้เป็นตอนเดียวที่หนูและเพื่อนๆ จะบอกนายได้ เพราะเมื่อเกิดสงครามก็มีการตายมีการทำลายบริเวณปากมดลูกจึงมีแผลบวมแดงทำให้มีน้ำมาคั่งในเซลล์ของพวกหนูและเพื่อนๆ จำนวนมาก เราจึงถือโอกาสบอกให้นายรู้โดยการหลั่งน้ำในเซลล์เข้าไปในช่องคลอดมากขึ้นๆ จนนายของหนูมีตกขาวเปื้อนกางเกงในแถมไหลออกไปเปื้อนต้นขาอ่อนอีกด้วย โชคดีที่นายของหนูเป็นคนสมัยใหม่มีความเข้าใจว่าน่าจะเกิดความผิดปกติอะไรขึ้นแล้ว แม้แต่จะไม่เจ็บปวดอะไรเลย ปากมดลูกมีประสาทสัมผัสมาเลี้ยงน้อย เวลาเป็นแผลจึงไม่รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด


นายของหนูเธอสังเกตเห็นความผิดปกติของตกขาวที่มีมากกว่าเคยเธอก็รีบไปหาหมอ หนูดีใจมากถึงแม้ว่าเกือบจะสายหรืออาจสายเกินไปก็ตาม หมอฟังนายหนูเล่าอาการก็จับนายของหนูตรวจภายใน คุณหมอใส่เครื่องเข้าในช่องคลอด ซึ่งก็ไม่เจ็บปวดอะไร เพียงแต่เสียวๆ เท่านั้นพอขยับมองเห็นปากมดลูกก็ทำหน้าเบ้ ดีแต่นายของหนูมองไม่เห็นเพราะการตรวจภายในเขาต้องปิดตาผู้ถูกตรวจด้วยเสมอ หมอสงสัยแล้วว่านายของหนูถูกศัตรูสำคัญคุกคามเอาชีวิต เพื่อให้แน่นอนจับตัวศัตรูได้ หมอก็เอาไม้
ป้ายตรวจบริเวณแผลปากมดลูก และทาบบนแผ่นกระจกนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการต่อไปโดยนัดให้นายหนุมาฟังผลใน 4 วัน


ที่ห้องปฏิบัติการของหมอ เพื่อนๆ ของหนูและเซลล์ที่พาไปทาไว้บนแผ่นกระจกก็ถูกย้อมสีแปลกๆ ที่ใครๆ เรียกกันว่า ย้อมแป๊ป (PAP SMEAR) ทำให้เพื่อนๆ ของหนูและเซลล์ศัตรูมีลักษณะแยกกันออกอย่างชัดเจน หมอก็เลยจับตัวมะเร็ง ศัตรูตัวร้ายของหนูได้จากกล้องจุลทรรศน์

 

ศัตรูของนายหนูก็คือ มะเร็งปากมดลูก นั่นเอง กำลังเจริญเติบโตกันใหญ่ หนูสงสารนายจังนี่จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ หมอรีบโทรศัพท์ตามตัวนายหนูให้เข้าอยู่ในโรงพยาบาลด่วน เพื่อรับการผ่าตัด นายของหนูตกใจมากร้องไห้ใหญ่เลย ยิ่งเห็นหน้าลูกยิ่งร้องไห้ ที่จริงหมอยังไม่ได้บอกเลยว่าเป็นมะเร็ง แต่นายของหนูอ่านหมอชาวบ้านเป็นประจำ เธอก็เลยแน่ใจว่าเธอเป็นมะเร็งแน่แล้ว ใครๆ ในบ้านรู้ก็พากันตกใจหมด ถึงจะปลอบโยนอย่างไร นายหนูก็ไม่หายเศร้า โดยเฉพาะเธอเห็นหน้าลูกเธอจะต้องแอบร้องไห้ทุกที


คืนนั้นก่อนไปโรงพยาบาล เธอฝันถึงพระรูปหนึ่งได้มาสอนเธอว่า “เกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องต่อสู้กับชีวิตโดยไม่ท้อถอยหรอท้อแท้จะหายจากโรคหรือไม่หายก็ต้องทำดีที่สุดพึงกระทำได้ การร้องไห้เศร้าโศกไม่ทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะเลวลง ไหนตัวเองจะบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ยังจะทำให้คนที่ตนรัก ใกล้เคียงเศร้าหมอง หดหู่ไปด้วย การกำจัดความทุกข์ แม้จะเป็นสิ่งยาก แต่จะสำเร็จได้ด้วยความเพียรแห่งตน ความเพียรจะเกิดได้ก็ต้องเริ่มด้วยการฝึกฝนตัวเองให้เลิกสงสารตนเองเป็นเริ่มแรก เพราะความเศร้าทุกชนิดเกิดจากการสงสารตนเอง ถ้าทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ เลิกสงสารตนเองเสียที ความเศร้านั้นจะค่อยๆ หายไปจะต้องคิดเสมอว่าจะต้องต่อสู้และดำเนินชีวิตไปจนถึงที่สุด ด้วยความสุขุม เมื่อเราได้กระทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเป็นไปตามวิถีนั้น ทุกคนต้องตายเหมือนกันหมด จงลุกขึ้นและพิจารณาตนเอง และเริ่มปฏิบัติเสียแต่บัดนี้เถิด”


นายของหนูได้รับการฝึกฝนมาดีพอควร เริ่มได้คิด เกิดความมานะที่จะต่อสู้กับชีวิตต่อไปโดยไม่ประมาทเตรียมพร้อม เพื่อบุคคลที่เธอรักจะไม่โศกเศร้า ลำบากเพราะตัวเธอ เธอเริ่มท่องว่า เราจะไม่สงสารตัวเอง เราจะไม่สงสารตัวเอง เรายังไม่ได้เป็นอะไรเลยในขณะนี้ เราต้องแก้ไขเหตุการณ์ให้จงได้ด้วยความเพียรเพื่อคนที่เรารัก เธอคิดได้แล้วก็เลิกร้องไห้เกิดความมานะต่อสู้กับโรคภัย และต่อสู้กับชีวิต พวกหนูดีใจมากเกิดพลังการต่อสู้ขึ้นพร้อมๆ กัน วันรุ่งขึ้น เธอก็เข้าโรงพยาบาลรับการผ่าตัด และต่อด้วยการฝังแร่เรเดียม ซึ่งเธอก็ปฏิบัติตามแพทย์แนะนำทุกอย่าง


เจ้าเซลล์มะเร็งตัวร้ายที่ทำสงครามกับหนูก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนหรอก เดิมทีก็เป็นเซลล์ปากมดลูกธรรมดาๆ นั่นแหละ แต่เกิดอาเพศทำให้มันมีอันเป็นไปจากสาเหตุอะไรแน่นอนนั้นมนุษย์ก็ไม่ได้รู้ เซลล์พวกนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในเซลล์ของตนเอง กลายเป็นเซลล์อีกชนิดหนึ่ง ที่มีความสามารถในการแบ่งตัวได้เร็วกว่าเซลล์ชนิดอื่นๆ แถมยังมีหน้าตาและการกระทำที่เปลี่ยนแปลงไปจากเซลล์ธรรมดาอีกด้วย เจ้าเซลล์มะเร็งนี้ร้ายนักถ้ามันเจริญมากๆ มันจะแพร่กระจายไปได้ โดยไหลไปตามกระแสเลือด น้ำเหลือง หรือกระจายไปแบบค่อยๆ คืบคลานอย่างที่หนูและเพื่อนๆ กำลังถูกรุกรานในขณะนี้ เซลล์มะเร็งมีคุณสมบัติเหมือนเม็ดพืช ตกที่ไหนงอกที่นั่น เมื่อมันไปติดอยู่ในอวัยวะส่วนใดได้ มันก็จะจับติดแน่นและเกิดการแปรตัวขึ้นรวดเร็วเพิ่มขึ้นในแต่ละแห่งที่มันติดอยู่ ถ้ามันสามารถกระจายไปทั่วร่างกายได้ก็เป็นอันว่าสิ้นหวัง ฉะนั้นการรักษามะเร็งจึงต้องทำเสียแต่ต้นๆ จึงจะหายขาดได้


นายของหนูยังโชคดี ที่เซลล์มะเร็งเพิ่งเริ่มกระจายแบบคืบคลานไม่ไปไกลจากปากมดลูกนัก เมื่อได้รับการผ่าตัดเซลล์มะเร็งส่วนใหญ่จึงถูกกำจัดออกเกือบหมด หมอตัดปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก รังไข่ ท่อรังไข่ แถมต่อมน้ำเหลืองในช่องท้องอีกมากมายออก เรียกว่ายกเครื่องทิ้งเอาทีเดียว แถมหลังผ่าตัดแล้วยังต้องฝังแร่เรเดียมต่อเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจเหลืออยู่ ถึงขนาดนี้แล้วหมอยังนัดตรวจทุกๆ เดือนอีกด้วย

 

นี่ถ้านายของหนูตรวจมะเร็งสม่ำเสมอทุกๆ ปี คงไม่ต้องเสี่ยงภัยถึงขนาดนี้ เพราะมะเร็งนี่มันแปลก ถ้าหมอตรวจพบโดยไม่มีอาการอะไรมักรักษาหายขาดได้ดีมาก แต่ถ้ามีอาการการเสี่ยงภัยก็เพิ่มขึ้น ฉะนั้นการตรวจมะเร็งทุก 1 ปีเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป อย่าอายเลยค่ะ เพราะมันเรื่องจำเป็นสำหรับชีวิต

 

สามีของนายหนูกังวลใจมาก เขาไม่ได้บอกใคร แต่เริ่มกลัวว่ามะเร็งจะติดต่อมายังอวัยวะเพศของเขา เพราะเขาอยู่ร่วมกับภรรยาเขาก่อนหน้าที่จะรู้ว่าเป็นมะเร็ง นอกจากนั้นเมื่อภรรยาของเขาถูกยกเครื่องทิ้ง เขาก็เกิดกังวลต่อไปว่าภรรยาจะหมดสมรรถภาพเคราะห์ดีที่ไม่ได้เก็บความกังวลไว้นานจนกลายเป็นโรคประสาทไป เขาไปปรึกษาหมอซึ่งได้คำแนะนำว่า มะเร็งไม่ใช่โรคติดต่อ มะเร็งปากมดลูกจึงไม่ติดสามีแน่นอน ส่วนการผ่าตัดของภรรยา แพทย์คำนึงถึงชีวิตสมรสเสมอ การผ่าตัดจึงไม่กระทบกระเทือนต่อชีวิตคู่ เพราะไม่ได้ตัดช่องคลอดของภรรยาออกไปด้วย เพียงแต่ต้องให้เวลากับภรรยาในช่วงผ่าตัดและพักฟื้นพอสมควร เมื่อแข็งแรงดีแล้ว ควรช่วยให้ภรรยาเกิดความมั่นใจในตนเองด้วย การปลอบโยน แสดงให้เห็นว่าสามีมิได้รังเกียจภรรยาแต่อย่างไร และถ้าจะให้ดีควรเอาอกเอาใจ เอาใจใส่ภรรยาปัญหาทุกอย่างจะหมดไปได้ ข้อสำคัญสามีเองต้องมั่นใจในความรักของตนเองต่อภรรยาและครอบครัวมากพอที่จะอดทน ช่วงอุปสรรคชีวิตจะผ่านไปด้วยดีได้


นี่ก็ครบ 2 ปีแล้วที่นายของหนูเอามะเร็งออก ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะเข้าที่เดิม และดูจะดีขึ้น เพราะทั้งนายผู้หญิง นายผู้ชายต่างรู้จักประหยัดไม่เที่ยวเตร่มานัก ขยันทำมาหากินเพื่อเก็บออมไว้ให้ลูกโดยไม่ประมาทต่อชีวิตต่อไปและนายของหนูไปหาหมอตามนัดทุกครั้ง มิได้ขาด


สงครามคราวนี้ดูจะกึ่งสงครามจิตวิทยาสักหน่อย แต่หนูว่าคนเราถ้าจิตไม่เข้มแข็งแล้วละก็อะไรๆ มันพังหมดหนูก็เลยชอบไถลไปเรื่องโน้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง ที่จริงหนูชอบสงครามจิตวิทยามากนะคะ ก็…….หนูเรียนมาจากป๋าเปรมนี่คะ


จากหนู เซลล์ปากมดลูกของนายหญิง

 

ข้อมูลสื่อ

28-015
นิตยสารหมอชาวบ้าน 28
สิงหาคม 2524
ทันโรค
พญ.ศมนีย์ ศุขรุ่งเรือง