ฝ้าและรอยด่างดำบนใบหน้าดูเหมือนจะได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหญิงสาวและวัยกลางคน เมื่อเกิดขึ้นก็ทำให้เกิดความไม่สบายใจ กลัวว่ามันจะดำขึ้นดำขึ้น
ยิ่งกลัวมันก็เหมือนยิ่งเป็น
ยิ่งเหมือนเป็นมันก็ยิ่งกังวล
ยิ่งกังวลมันก็เลยยิ่งเหมือนเป็นมากเข้าไปใหญ่
อันที่จริง ฝ้าและรอยด่างดำบนใบหน้ามันจะมีขอบเขตจำกัดของมันอยู่ อย่ากังวลให้มากเลยครับเพื่อคลายความกังวล (คงไม่ใช่เพิ่มนะครับ) เราจึงขอพาท่านมาคุยกับหมอเรื่อง ฝ้าและรอยด่างดำบนใบหน้า ให้กระจ่างกันในคราวนี้
ฝ้ามีกี่อย่างด้วยกันครับ |
ตามหลักการแพทย์ก็มีอย่างเดียว เพราะฝ้านั้นเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนเพศภายในร่างกาย แต่คนไทยเราเรียกว่าฝ้าไปหมด อันที่จริง ถ้าไม่ได้เกิดจากฮอร์โมน เราน่าจะเรียกว่า รอยด่างดำบนใบหน้ามากกว่า เพราะรอยด่างดำบนใบหน้ามันเกิดจากสาเหตุได้มากมาย
ลักษณะของฝ้าจริงๆ มันเป็นอย่างไร |
ฝ้าจริงๆ มันจะมีลักษณะอย่างนี้ จะมีรอยดำที่หน้าผากและก็มาที่จมูก รอยดำจะแผ่กว้างจากริมจมูกขยายไปตามแก้ม มีรอยดำที่ริมฝีปากด้านบนอวัยวะเพศแคมนอกและในก็มักจะมีสีดำ ถ้าเป็นผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานหัวนมจะดำด้วย
อะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดฝ้าได้ |
ที่พบบ่อยๆ ก็การตั้งครรภ์
-โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น โรคของรังไข่ รังไข่เกิดโตขึ้น
-เกี่ยวกับกินยาคุมกำเนิด
-เกี่ยวกับฮอร์โมนในร่างกายมันสูงขึ้นเอง
สาเหตุทั้ง 4 นี้ทำให้ฮอร์โมนเพิ่มมากขึ้น
เหตุที่เกิดฝ้านั้น ปกติผิวของคนจะมีตัวสร้างสีผิว (ที่เรียกว่า เมลาโนไซด์ Melanocyte) คนที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน มันจะไปกระตุ้นให้เจ้าเม็ดสีสร้างสีผิวมากขึ้น จึงเกิดเป็นสีดำขึ้น
แล้วรอยด่างดำบนใบหน้ามีลักษณะอย่างไร |
ก็จะเป็นรอยดำบนใบหน้าทั่วไปหรือเฉพาะส่วน แต่จะไม่เกิดแบบฝ้าจริงๆ ทีเดียว นอกจากโรคบาง
อย่างที่ทำให้มีลักษณะใกล้เคียงฝ้าจริงๆ อย่างเช่นพวกที่ทำงานอุตสาหกรรมเคมีบางอย่าง
รอยด่างดำนั้นเกิดจากอะไร |
รอยด่างดำมักเกิดจาก ถูกแสงแดดมาก เกิดจากแพ้เครื่องสำอาง เกิดจากสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น น้ำมันดิบ น้ำหอม เป็นต้น
ว่าที่จริงแล้วเรื่องแสง แสงอะไรก็ตามอาจทำให้เกิดรอยด่างดำได้ แม้แต่แสงนีออนก็ทำให้บางคนแพ้ได้
ความสกปรกมีส่วนทำให้เกิดรอยด่างดำบนใบหน้าหรือฝ้าไหมครับ |
ไม่ควรเกี่ยวข้อง ความสกปรกเป็นเรื่องของการทำความสะอาด ฝ้าและรอยด่างดำบนใบหน้า เป็นเรื่องของเซลล์เม็ดสีที่ถูกกระตุ้น
จะรักษาฝ้าเละรอยด่างดำได้อย่างไรครับ |
การรักษาฝ้า ต้องรักษาที่สาเหตุ เนื่องจากเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย
สำหรับการรักษารอยด่างดำบนใบหน้าก็เช่นเดียวกัน ต้องหาสาเหตุให้พบ แม้แต่นอนดึกก็เป็นได้ ขาดอาหารก็เป็นได้
ไม่ว่าจะเป็นฝ้าหรือรอยด่างดำ ควรหาสาเหตุและแก้ที่สาเหตุเป็นการรักษาที่ดีที่สุด ให้พิจารณาดูว่า
-เราเป็นโรคอะไรไหม ที่มันจะโยงให้เป็นฝ้าได้
-สุขภาพร่างกายและจิตใจปกติหรือไม่ การพักผ่อน อาหาร อารมณ์ เป็นต้น
- เครื่องสำอางและยาที่มาใช้กับใบหน้า
- ระดูมาปกติหรือเปล่า กินยาคุมหรือเปล่า มีการตั้งครรภ์หรือเปล่า
- อาชีพที่ทำเกี่ยวข้องกับสารเคมี ที่ทำให้เป็นได้หรือไม่
ถ้าเราทราบสาเหตุและแก้ไข ก็จะทำให้เราสามารถแก้เรื่องฝ้าหรือรอยด่างดำได้
ถ้าเราทราบสาเหตุ อย่างเช่น ทราบว่าเป็นฝ้าเพราะตั้งครรภ์ พอคลอดลุกเสร็จจะหายเป็นปกติเองหรือไม่ |
ไม่แน่เหมือนกันแล้วแต่บุคคล บางคนตั้งครรภ์ไม่เป็นฝ้าก็มี บางคนลูกออกมา 2 ขวบค่อยหายก็มี บางคนหายหมด บางคนก็ยังเหลืออยู่
เรื่องยาคุมอีกอย่าง บางคนเลิกกินฝ้าก็หาย แต่ส่วนใหญ่แล้วที่เขาพบและมีรายงาน คือ ถ้ากินยาคุมมา 1 ปี เวลาหยุดยา ฝ้ากว่าจะหายเป็น 2 เท่าคือ 2 ปี หมายถึงอยู่เฉยๆโดยไม่รักษา
อ้อ…ต้องเข้าใจนะครับว่า การเป็นฝ้า บางกรณีเป็นเรื่องปกติของร่างกาย ไม่ใช่ผิดปกติ อย่างเช่นคนตั้งครรภ์ เราต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ เราจะว่าเขาผิดปกติไม่ได้
อายุมีส่วนเกี่ยวกับการเป็นฝ้าไหมครับ |
โดยทั่วๆ ไปจะเป็นมากในอายุประมาณ 35-40 ปี เป็นเพราะฮอร์โมนช่วงนี้มันเปลี่ยนแปลง และเป็นช่วงชีวิตที่ใช้เครื่องสำอางมาก
การรักษาฝ้าโดยใช้ยาทาที่โฆษณากันว่าใช้แล้วหายทันที คุณหมอว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ |
การเป็นฝ้าก็เหมือนการรักษาโรคต้องใช้เวลา ส่วนมากมักใจร้อนกัน
ด้วยเหตุนี้ ยารักษาฝ้าที่เขาทำขึ้นมาแล้วขายดิบขายดี เพราะเขาทำให้ถูกใจคนใช้ ทาปุ๊บปั๊บหาย อันนี้ต้องระวัง ยาอาจแรงจนทำให้เซลล์สร้างสีผิวตายได้ ทีหลังหน้าจะขาวซีด หรือเป็นรอยแดง หรือเป็นรอยจุดดำจุดขาวบนใบหน้า ยิ่งเป็นปัญหาใหญ่
ปกติการรักษาฝ้า กว่าจะรู้สึกดีขึ้นก็ต้องใช้เวลาเป็นเดือน
ยารักษาฝ้าและรอยด่างดำเป็นอย่างไร |
เนื่องจากฝ้ามันเกิดจากการสร้างเม็ดสีขึ้นมา ยาที่ใช้จะต้องทำลายเม็ดสีเท่านั้น จะต้องไม่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี ถ้าทำลาย ผิวจะขาวซีดเกิดรอยด่างขึ้นได้
ต้องรักษาเซลล์ไว้ ฝ้าจะหายอยู่ที่เซลล์มันไม่สร้างเม็ดสีขึ้นมาอีก คือ สร้างมาเท่าปกติสม่ำเสมอกัน จึงอยู่ที่สุขภาพร่างกายต้องดีด้วย
สำหรับยาที่ใช้ในการรักษาฝ้าที่เขาใช้กันก็มี ไฮโดรควินโนน และแอมโมนิเอดเต็ด เมอคิวรี่ (Ammoniated Mercury)ตามกฎหมายให้ใช้ 2-2.5 เปอร์เซ็นต์ แต่เท่าที่เคยพบมีคนผสมถึง 6 เปอร์เซ็นต์ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้
มียาบางตัวที่มีคนเอามาใช้คือ โมโนเบนซิล ไฮโดรควินโนน (Monobenzyl hydroquinone) ยานี้ทำลายเม็ดสี เซลล์ไม่ทำงาน หน้าจะขาววอกจนหน้าเกลียด
มีบางคนใช้ยาที่มีสาร ซาลิซัยลิคแอซิด (Salicylic acid) ทำให้หน้าเป็นขุย ยิ่งบางคนใช้ยานี้ไปขัดหน้า เมื่อเซลล์เรามีหลายชั้น พอหน้าเป็นขุยออกไป เม็ดสีก็ออกไปด้วย แต่อาจมีปัญหาตามมาทีหลัง
หมอมีวิธีดูฝ้าและรอยด่างดำอย่างไร |
เรามีวิธีดูระดับของเม็ดสี ถ้ารอยฝ้าหรือด่างดำเป็นเม็ดสีน้ำตาล แสดงว่าเม็ดสีมันอยู่ในเซลล์ที่ผิวหนัง จะรักษาง่าย
ถ้าเห็นลักษณะสีเทานิดๆ หรือค่อนข้างสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเทาคล้ายๆ สีน้ำเงิน พวกนี้รักษายาก เพราะเม็ดสีมันอยู่ลึก บางทีมันตกอยู่ข้างล่าง
เวลารักษาเราจะรักษาเฉพาะเม็ดสีข้างบน เม็ดสีข้างล่างต้องรอเวลาให้เม็ดมันผ่านเข้าไปในน้ำเหลืองแล้วมันจะหายไปโดยร่างกายจะขับออกไปเอง
การใช้วิธีขัดหน้านั้นเป็นอย่างไรเกิดผลอย่างไร |
การขัดหน้าเพียงแต่ลอกเซลล์ผิวๆ ข้างนอกออก ดังนั้นต้องทำเบาๆ อย่างนุ่มนวล ถ้าหากทำแรงจะเกิดผลเสีย จะไปกระตุ้นเซลล์เม็ดสีให้ทำงานมากขึ้น หน้ากลับดำมากขึ้นด้วยซ้ำ
การขัดหน้านี้แตกต่างกับที่เขาเรียกว่า เดอร์มาเบรชั่น (Dermabrsion) ที่เขาพูดกันนะ นั่นมันการขูดหน้า
การซื้อยามาใช้ควรดูอย่างไร |
ควรซื้อยาที่บ่งชัดว่าสูตรยาและการผลิตได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี เวลาใช้ก็ทาบางๆ อย่าใจร้อน ต้องใจเย็นๆจะไปขอคำแนะนำจากหมอโรคผิวหนังตามโรงพยาบาลของรัฐก็ได้ แต่ต้องเสียเวลาหน่อย ค่ายาไม่แพง คุณภาพก็ดี ปลอดภัย
คนไข้ที่เกิดปัญหาในการใช้ยามีอาการอย่างไรบ้าง |
ที่เราเจอก็มีอาการคัน ผื่นแดง เป็นน้ำเหลือง หน้าเปรอะมาก็มี เราจะรักษาให้หายจากการอักเสบเนื่องจากการแพ้ก่อน หลังจากนั้นค่อยว่าเรื่องหน้าดำหรือขาว สำหรับจะให้หน้าสวยเหมือนเก่านี้ยาก กินเวลา เพราะเมื่อเสียไปแล้วมันย่อมลำบากในการรักษาควรถือหลักไว้อย่างหนึ่งว่า หน้าเรามีราคาแพง ดังนั้นควรระมัดระวังที่จะใช้อะไรกับหน้า
การแพ้ยานั้น ก่อนใช้เราอาจจะทดลองยาก่อนได้ โดยใช้ยาทาที่บริเวณต้นแขนดู ทาทิ้งไว้สัก 2-3 วัน อย่าล้างออก ดูว่ามีผื่นแดงเกิดขึ้นหรือเปล่า ถ้ามีก็อย่าใช้ ถ้าไม่มีก็พอจะใช้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยนะ พอใช้ได้เท่านั้น
คุณหมอ มีอะไรฝากบ้างครับ |
การรักษาฝ้าไม่ใช่ใช้ยาอย่างเดียว การพักผ่อนร่างกายพอควร อาหารพอดี โรคที่เคยเป็นรักษาให้หายเสีย อย่าใช้เครื่องสำอาง, อย่าถูกน้ำหอมและถูกแดดมาก ก็จะมีส่วนควบคุม ทำให้รักษาฝ้าหรือรอยด่างดำได้ดีขึ้น
- อ่าน 14,798 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้