• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เหือดแห้ง

ความแตกต่างในความรักมีด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งรักต่างวัย รักต่างฐานะ รักต่างศาสนา หรือแม้กระทั่งรักต่างเชื้อชาติ

บางครั้งความแตกต่างที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะไม่เป็นปัญหาให้กับคู่รักทั้งสอง แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามสัจธรรมของโลก เมื่อมีด้านดีก็ย่อมมีด้านร้ายเสมอไป

ชีวิตคู่ของคุณอริส สาวเยอรมันวัย 32 ปี ที่ป้าหมอต้องการจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้รับรู้ เพื่อนำหลุมดำในชีวิตของเธอมาปรับใช้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง

คุณอริสเข้ามารับการรักษากับป้าหมอราว 7-8 ปีก่อน ด้วยสาเหตุของอาการเครียด นอนไม่หลับ และฟุ้งซ่าน

เรื่องราวชีวิตอันแสนขมขื่นของคุณอริส เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจจากพ่อแม่ที่ประเทศเยอรมนี เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีความเสรีและความเหงาเจือปนอยู่ในอากาศ

การต้องอยู่เพียงลำพังและต้องคร่ำเครียดกับการเรียนทำให้เธอรู้สึกเหงาเหลือเกิน ช่วงนั้นเองที่เธอได้มีโอกาสพบกับพิทักษ์ หนุ่มชาวไทยที่จากบ้านมาไกลเพื่อมาหางานทำที่นี่เช่นเดียวกับเธอ เมื่อมีความเหงาเป็นสื่อกลาง เธอและเขาจึงเริ่มสนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้นเรื่อยๆ

"เขามีเสน่ห์ตามแบบฉบับของหนุ่มไทยอย่างครบถ้วน เอาใจเก่ง มีอารมณ์ขัน สุภาพเรียบร้อย เข้ากับผู้ใหญ่ได้อย่างดี และที่สำคัญเขายังทำอาหารอร่อยอีกด้วย แม้ว่าการใช้ภาษาอังกฤษของเขายังไม่ดีนัก แต่เราก็สื่อสารกันได้อย่างเข้าใจ" คุณอริสเล่าให้ป้าหมอ ฟังโดยมีรอยยิ้มเจือจางบนริมฝีปากอิ่มได้รูปของเธอ
 

คุณอริสก้มหน้าลงมองภาพถ่ายของชายไทยคนหนึ่งในกระเป๋าสตางค์ ก่อนจะเล่าต่อว่า "อริสหลงรักเขาแทบจะในทันทีเลยค่ะ เราตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่อพาตเมนต์เดียวกัน พิทักษ์ดูแลอริสดีมากเลยค่ะ เขาไม่ยอมที่จะให้อริสต้องทำงานบ้าน อาหารเขาก็ทำให้กิน บางครั้งก็ทำอาหารไทยด้วย

ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน อริสก็จะเรียน ส่วนพิทักษ์ เขาก็จะทำงานในร้านอาหารไทยค่ะ เขาบอกว่าฐานะทางบ้านของเขาที่เมืองไทยไม่ค่อยสู้ดีนัก เขามาอยู่ที่สหรัฐเพื่อทำงาน และส่งเงินกลับไปให้ทางบ้าน การที่ผู้ชายจนๆ อย่างเขามารักกับผู้หญิงชาวต่างชาติที่ฐานะขนาดอริสได้นั้น เป็นเหมือนกับฝันของเขาเลย"
Ž
ความสุขมักจะอยู่กับมนุษย์ไม่นาน....ความรักของอริสและพิทักษ์ก็ก้าวมาถึงบททดสอบสำคัญ เพราะคุณอริสได้ตั้งครรภ์ขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ

"พออริสบอกกับเขาเรื่องตั้งครรภ์ เขาก็มีสีหน้าไม่พอใจ แล้วบอกให้อริสไปทำแท้ง แต่อริสรักลูกไม่อยากให้เขาต้องมาตายเพราะความผิดพลาดของเรา" พอพูดถึงจุดนี้คุณอริสก็มองไปที่เด็กผู้หญิงลูกครึ่งผมสีน้ำตาลคนหนึ่งที่นั่งเล่นอยู่ที่หน้าห้องตรวจ แล้วเล่าต่อว่า "พิทักษ์บอกว่า ให้อริสกลับไปเมืองไทยกับเขา เพราะอยู่ที่นี่ค่าครองชีพมันสูง การเลี้ยงลูกที่เมืองไทยน่าจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า"

คุณอริสและคุณพิทักษ์ย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย และเช่าอพาตเมนต์ในกรุงเทพฯ อยู่ด้วยกัน โดยที่ทั้งสองต่างปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพื่อไม่ให้คนในครอบครัวมาเป็นห่วง

คุณอริสบอกป้าหมอว่า "พิทักษ์บอกว่า เราทั้งสองคนต้องทำงานค่ะ เพราะถ้าเขาทำอยู่คนเดียว เงินที่หามาได้จะไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องและค่าเลี้ยงลูก นอกจากอริสจะต้องทำงานแล้ว ยังต้องไปเรียนภาษาไทยเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย กว่าจะพูดคล่องได้ขนาดนี้ก็ใช้เวลานานมาก

อริสได้งานที่บริษัทลงทุนของต่างชาติค่ะ ผู้บริหารเป็นชาวเยอรมันเหมือนกัน เขาจึงเห็นใจ รับอริสเข้าทำงาน ส่วนพิทักษ์เขาได้งานเป็นเซลล์แมนในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง เงินเดือนของพวกเราที่หามาได้ หลังจากหักค่ากิน ค่าเช่าห้องแล้ว ก็พอจะมีเงินเก็บไว้ให้ลูกที่กำลังจะเกิดมาบ้าง"

Ž
หลังจากนั้นไม่นาน พยานรักของทั้งสองก็ออกมาดูโลก ทารกเพศหญิงลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ซึ่งบัดนี้กลาย "น้องยีน" วัย 4 ขวบ ที่กำลังเล่นซนอยู่หน้าห้องตรวจของป้าหมอ

น้องยีนเปรียบเสมือนสิ่งนำโชคของคุณอริส ไม่นานหลังจากน้องยีนเกิด คุณอริสก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงิน ทำให้เงินเดือนสูงขึ้นเกือบเท่าตัว

"พอพิทักษ์ได้ข่าวการขึ้นเงินเดือน เขาก็ขอลาออกจากงาน เขาบอกว่า เงินเดือนของเขาน้อย ไม่คุ้มกับความเหนื่อย เขาจะอยู่บ้านดูแลลูกเอง ให้อริสออกไปทำงานคนเดียวก็พอ

เขาอยู่ดูแลลูกได้ไม่นาน เขาก็ขอให้อริสซื้อรถให้ขับ เขาให้เหตุผลว่า เผื่อลูกเจ็บไข้ได้ป่วย จะได้ไม่ต้องกระเตงขึ้นรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาล อริสก็ไม่ว่าหรอกค่ะ เรารักลูกอยู่แล้ว

รถที่เขาขอเงินไปซื้อ มันเป็นรถยุโรปราคาเกือบสองล้าน เขาบอกว่าเงินเดือนขนาดอริสผ่อนได้สบายๆ
หลังจากได้รถไป เขาก็หายออกจากบ้านไป ตอนกลางคืนบ่อยๆ กลับมาก็เกือบเช้า บางวันก็ เมาเหล้ากลับมา ระยะหลังถึงขั้นไม่กลับบ้านเลยก็มี ความดีที่เขาแสดงออกตอนที่คบกันใหม่ๆ หายไปไหน หมดค่ะ"

Ž
คุณอริสหยุดพูด ก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา แล้วบอกว่า "เย็นวันหนึ่ง อริสกลับมาจากทำงานตามปกติ แต่พบว่าประตูบ้านถูกเปิดทิ้งไว้ สามีก็ไม่อยู่ รถก็หายไป อริสตกใจมากเลยค่ะ แต่ใจคิดถึงแต่ลูก รีบวิ่งขึ้นไป เจอน้องยีนนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง มือถือจดหมายของคุณพ่อไว้"
Ž
ทันทีที่คุณอริสอ่านจดหมายของสามีจบ ตัวเธอก็เหมือนถูกตรึงไว้กับกำแพงที่เยือกเย็น จดหมายหลุดร่วงลงจากมือที่สั่นเทา ตกลงบนพื้น เผยให้เห็นข้อความจากชายคนที่เธอรักว่า "ผมติดหนี้พนันบอล ผมต้องหนี คุณดูแลตัวเองกับลูกด้วยนะ ผมขอโทษ"

หลังจากนั้น...คุณอริสก็พยายามตามหาสามีทุกหนทาง แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา เธอเครียดจัด การงานที่เคยรุ่งเรืองก็เริ่มตกต่ำลง การเงินที่เคยคล่องมือก็เริ่มหดหายไป เธอเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ ฟุ้งซ่าน เห็นภาพหลอน จนสุดท้ายเพื่อนที่ทำงานจึงแนะนำให้เข้ามารับการรักษากับป้าหมอ

คุณอริสบอกกับป้าหมอว่า เธอไม่อยากอยู่เมืองไทยแล้ว อยากจะนำลูกสาวกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่เยอรมนี แต่กลัวพ่อแม่จะรับไม่ได้ที่ตนเองกลับมาด้วยสภาพเช่นนี้

ป้าหมอจึงแนะนำให้คุณอริสลองไปปรึกษาเรื่องการย้ายงานไปสาขาที่ต่างประเทศกับผู้บริหาร พร้อมทั้งให้จัดการเตรียมเรื่องการย้ายโรงเรียนให้กับลูกสาว ส่วนเรื่องคุณพ่อคุณแม่นั้น ป้าหมอเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะคนเป็นพ่อเป็นแม่ ถึงลูกจะทำตัวอย่างไร ความรักความห่วงใยก็จะไม่เคยลดน้อยลง

หลายเดือนผ่านไป...ขณะที่ป้าหมอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องตรวจ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นคุณอริสก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับน้องยีนก่อน ทั้งสองจะยกมือขึ้นสวัสดีป้าหมอ ด้วยท่วงท่าที่งดงามกว่าคนไทยบางคน

คุณอริสเงยหน้ามองป้าหมอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ว่า "อริสทำใจได้แล้วค่ะ เราทั้งสองคนกำลังจะไปอยู่ที่เยอรมนี ส่วนเรื่องงาน อริสโชคดีที่ผู้บริหารย้ายงานให้ไปประจำที่เยอรมนีได้ วันนี้อริสมาลาค่ะ"
Ž
คุณอริสหันหลัง พร้อมกับเดินจูงมือน้องยีนซึ่งกำลังโบกมือให้กับป้าหมอ แล้วบอกว่า "บ๊าย บาย" จากไป

ชีวิตของคุณอริสดูจะเป็นตัวแทนความล้มเหลวของชีวิตคู่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดของคนสองคน สมัยที่คบกันใหม่ๆ ความรักจะบดบังตา ทำให้มองไม่เห็นข้อเสียของอีกฝ่ายหนึ่ง มองไม่เห็นความต่างที่เกิดขึ้นระหว่างกัน พอนานวันผ่านไป ความรักที่เคยดูดดื่มกลับจืดจางลง เหมือนกับแม่น้ำในหน้าแล้งที่เหือดแห้งจนมองเห็นสันทรายที่แตกระแหง

ป้าหมออยากแนะนำทุกคนที่กำลังมีความรัก ให้ใช้สติควบคู่ไปกับหัวใจ หากคุณไม่อยากลงเอยแบบคุณอริส...
สวัสดีค่ะ
 

ข้อมูลสื่อ

361-010
นิตยสารหมอชาวบ้าน 361
พฤษภาคม 2552
ป้าหมอ