• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ของฝากจากสุราษฎร์ธานี

                                            "ขออวยพรปีใหม่                   ให้สนุกสุขสำราญ
                                             สบายกายใจเบิกบาน             ให้พบพานสิ่งดีดี"

 

ปีใหม่นี้ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง โดยหมั่นปฏิบัติดูแลตนเองตามหลัก "4 อ." ได้แก่ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ และ (หลีกเลี่ยง) อันตราย ให้เหมาะสม

เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพ ทำให้นึกถึงอาหารปักษ์ใต้ที่ผมได้มีโอกาสลิ้มลองเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะไปบรรยายที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ผมนิยมกินอาหารพื้นบ้านของถิ่นนั้นๆ โดยเน้นให้มีปลาและผักเป็นพื้น ตามคติ "กินปลาเป็นหลัก  กินผักเป็นยา"

คราวนี้ก็ได้ชิมข้าวยำและแกงปักษ์ใต้หลากหลายชนิด ซึ่งมีสะตอ ลูกเนียง และผักพื้นบ้าน (เช่น ใบมะม่วงหิมพานต์ ใบมะกอก ผักชีน้ำ ใบราน้ำ เป็นต้น) เป็นเครื่องเคียง

เย็นวันหนึ่ง ได้ไปชิมขนมจีนซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของชาวใต้ ขนมจีนปักษ์ใต้นอกจากมีรสชาติแตกต่างจากภาคอื่นแล้ว แม่ค้ายังจัดผักพื้นบ้านนานาชนิดจำนวน 3 ถาดใหญ่แถมให้ลูกค้าอีกด้วย ลองนับดูมีผักกว่า 20 ชนิด มีอยู่ถาดหนึ่งเป็นผักดอง ซึ่งมีทั้งถั่วงอก  มะละกอ แตงกวา และผักกาดดอง
ผมสังเกตว่าช่วง 3-4 วันที่กินอาหารใต้ มีการขับถ่ายสะดวกดี ค่อนไปทางเหลวและบ่อยกว่าปกติ ก็เพิ่งทราบว่าสะตอมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ

ข้อสังเกตอีกข้อหนึ่งก็คือ ผู้คนแถบนี้ที่ยังนิยมกินอาหารพื้นบ้านมักมีรูปร่างเพรียว อันเป็นผลมาจากแต่ละมื้อกินผักมากนั่นเอง (ดังคำขวัญที่เคยมีการรณรงค์อยู่ระยะหนึ่งว่า "ผักครึ่งหนึ่ง  อย่างอื่นครึ่งหนึ่ง") ความจริงอาหารพื้นบ้านทุกภาคของประเทศล้วนมีผักและปลาเป็นหลัก อาหารไทยจึงได้ชื่อว่าอาหารสุขภาพ

จึงควรรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทย โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ตระหนักในคุณค่าของภูมิปัญญาไทยและหันมานิยมอาหารพื้นบ้านไทยมากกว่า "อาหารขยะ (junk food)" ที่กลายเป็นแฟชั่นตามหัวเมืองต่างๆ ในขณะนี้


คราวนี้ผมยังได้มีโอกาสไปเดิน-วิ่งออกกำลังทุกเช้า บังเอิญโรงแรมวังใต้ที่ผมพักอยู่นั้น อยู่ใกล้สวนสุขภาพริมน้ำตาปีที่ทางจังหวัดและเทศบาลได้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง 80 ปี ใช้เวลาเดินไปเพียง 5 นาที สวนนี้มีทางเดินเลียบฝั่งแม่น้ำยาวประมาณ 1 กิโลเมตร  มองเห็นเกาะลำพูกลางแม่น้ำตาปีซึ่งจัดเป็นสวนสาธารณะอีกแห่งอยู่ตรงข้าม ผมจึงได้เดินข้ามสะพานไปที่เกาะลำพู และเดินสลับวิ่งรอบเกาะ 1 รอบประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยมาออกกำลังกาย โดยการเดินบ้าง วิ่งบ้าง เต้นบ้าง รำบ้าง

เป็นที่น่ายินดีว่าในปัจจุบันเทศบาลตามจังหวัดต่างๆ ได้หันมาสร้างสวนสาธารณะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และเสวนาสังสรรค์ของชาวเมืองมากขึ้น

เวลาเดินทางไปต่างจังหวัด ผมจึงนิยมตื่นแต่เช้า ออกไปเดิน-วิ่งออกกำลังที่สวนสาธารณะ พร้อมทั้งชมธรรมชาติและชีวิตของผู้คนต่างๆ หากพักอยู่ไกลจากสถานที่เหล่านี้ก็มักจะออกกำลังอยู่ในบริเวณที่ว่างของโรงแรมหรือรอบๆ โรงแรม


ในปัจจุบันแม้ว่าจะพบเห็นผู้คนสนใจออกกำลังกายกันมากขึ้น แต่ก็ยังจำกัดอยู่ในคนกลุ่มน้อยโดยเฉพาะชนชั้นกลางในเขตเมืองใหญ่ที่อยู่ในวัยกลางคนขึ้นไป นับเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับประชากรโดยรวม

แม้แต่ในหมู่บุคลากรสาธารณสุขที่ทราบถึงคุณค่าของสิ่งนี้ดีก็มีผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่ไม่มาก ในที่ประชุมของพยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 200-300 คนที่มาฟังบรรยายแต่ละครั้ง เมื่อผมถามว่ามีใครบ้างที่ออกกำลังกายเป็นประจำ (อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน  หรือวันเว้นวัน) ก็มีคนยกมือตอบรับน้อยกว่าร้อยละ 5 

การออกกำลังกายนอกจากอาศัยการตระหนักในคุณค่าของมันแล้ว ยังต้องมีความขยันยืนหยัดเป็นที่ตั้ง ดังคติที่ว่า "ขี้เกียจอายุสั้น ขยันอายุยืน"

การออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อสุขภาพกายและใจมากมายซึ่งถือว่าเป็น "ยาวิเศษ"ขนานหนึ่ง ในปัจจุบันพบว่าการออกกำลังกายยังมีผลดีต่อสมองอีกด้วย ช่วยให้การไหลเวียนเลือดไปสมองได้ดี กระตุ้นให้สมองปลอดโปร่ง สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดี

คราวนี้ระหว่างที่เดิน-วิ่งรอบเกาะลำพูใกล้จะครบรอบ ผมก็คิดแต่งกาพย์ได้รวดเดียว 2 เรื่อง เรื่องแรก "อยู่เหนือเมฆ" นั้น เป็นบทที่ผมแต่งค้างไว้ขณะนั่งเครื่องบินมาสุราษฎร์ธานี มองเห็นทะเลเมฆอันงดงามอยู่ข้างล่าง จึงหยิบกล้องขึ้นเก็บภาพและขยับปากกาขึ้นเขียนกาพย์  แต่ก็ติดขัดเขียนไม่ลื่นไหลจนเครื่องลงจอด เมื่อออกกำลังกายจนได้ที่ที่เกาะลำพู สมองก็ปลอดโปร่ง ความคิดและคำกาพย์ก็พรั่งพรูออกมา เมื่อจบบทแรก ก็ต่อบทที่ 2 ให้ชื่อว่า "เกาะลำพู" อันเป็นการรำลึกถึงการมาสุราษฎร์ธานีในครั้งนี้ขอฝากเป็นของขวัญปีใหม่แก่แฟนๆ หมอชาวบ้านไว้ ณ ที่นี้ครับ 

 

                           

                                                              อยู่เหนือเมฆ

                             นั่งเรือเหนือเมฆา                                 ท้องฟ้าดุจสมุทรใหญ่
                             ตามมองฟองคลื่นไป                          ใจเหนือโลกไร้โศกทุกข์
                       
                                 สุรเกียรติ  อาชานานุภาพ  18.30 น.  1 ธ.ค. 52 
                                                                       ขณะเดินทางไปสุราษฏร์ธานี
                                                               แก้ไข 07.10 น.  2 ธ.ค.52 เกาะลำพู

 

                         

                                                                     เกาะลำพู
                                ลำพูอยู่กลางน้ำ                              ตาปีงามยามเช้าตรู่
                                วิ่งเหยาะรอบเกาะดู                        หลากหมู่คนรักตนเอง

                                                        สุรเกียรติ  อาชานานุภาพ    07.20 น. 2 ธ.ค.52 
                                                         ขณะเดินวิ่งออกกำลังที่เกาะลำพู สุราษฏร์ธานี

        
 

ข้อมูลสื่อ

369-002
นิตยสารหมอชาวบ้าน 369
มกราคม 2553