• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

แมลงไชชอนจริง หรือ แมลงไชชอนหลอก

ที่ผ่านมาเคยนำเสนอเรื่องความเครียดและผลทางจิตใจอาจก่อโรคผิวหนังสารพัดชนิดไปแล้ว และมีข่าวจากลำปางและชุมพร พบผู้ป่วยโรคประหลาดมีแมลงออกมาจากผิวหนัง ซึ่งในที่สุดสรุปว่าน่าจะเข้าข่ายโรคจิตหลงผิดทางผิวหนัง จึงขอถือโอกาสนี้นำเสนอเรื่องของแมลงหรือปรสิตที่ไชชอนผิวหนังได้จริง และเรื่องของแมลงหรือปรสิตที่ไชชอนหลอกๆ คือไม่มีตัวตนจริงแต่ผู้ป่วยคิดไปเอง
 

คิดว่ามีแมลงไชชอน แต่จริงๆ ไม่มี
กรณีคิดว่ามีแมลงไชชอน แต่จริงๆ ไม่มี ศัพท์แพทย์เรียกว่า โรคจิตหลงผิดว่ามีปรสิตที่ผิวหนัง (delusions of parasitosis) ผู้ป่วยโรคนี้จะเล่าว่ารู้สึกมีพยาธิ แมลงไต่ ไชชอน กัดผิวหนัง หรือบินออกจากผิวหนัง มักจะเล่าประวัติอย่างละเอียด รวมทั้งย้ำคิดย้ำทำที่จะแกะตัวพยาธิออก หรือใช้สารพิษฆ่าแมลง สารพิษฆ่าหิด พบบ่อยว่าผิวหนังเป็นแผลจากการกระทำของผู้ป่วยเอง

ผู้ป่วยอาจนำของสะสมที่เป็นผ้าพันแผล เส้นผม เศษผิวหนังที่สะสมในกล่องหรือกระป๋องเล็กๆ มาให้แพทย์ดูด้วย (ภาพที่ ๑) ผิวหนังจะมีรอยแกะเกา ตุ่มนูน หรือแผล  

                 
 

ผู้ป่วยมักไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองมีความหลงผิด เพราะมั่นใจว่ามีความผิดปกติของผิวหนังจริง จึงพบบ่อยว่าผู้ป่วยปฏิเสธรับการตรวจรักษาทางจิตเวช

พบว่ากรณีทำนองนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ยาที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาบ้า (amphetamines) ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีตัวอะไรมาไต่ กัด หรือต่อย แต่ผู้ป่วยไม่มั่นใจว่าเกิดจากปรสิต เรียกเป็นศัพท์แพทย์ว่า formication

ส่วนผู้ที่ติดโคเคนจะมีภาพหลอน (visual hallucinations) และมีความรู้สึกว่ามีแมลงคลานอยู่ในผิวหนังเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า cocaine bugs หรือ coke bugs

นอกจากโรคจิตหลงผิดว่ามีปรสิตที่ผิวหนังแล้ว ยังมีโรคจิตหลงผิดทางผิวหนังอื่นๆ อีกคือ
โรคฝังใจว่ามี "เส้นใย" ผุดออกมาจากผิวหนัง (Morgellons disease) ผู้ป่วยเชื่อฝังใจว่ามีเส้นใย หรือวัสดุอื่นๆ ฝัง หรือผุดออกมาจากผิวหนัง ผู้ป่วยโทษว่าต้นเหตุเป็นวัสดุ ไม่ได้เป็นพยาธิเหมือนกรณีแรก

โรค "ฉันไม่สวยไม่หล่อ" หรือ body dysmorphic disorders (BDD) ที่พบบ่อยขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ ผู้ป่วยกังวลว่ามีความผิดปกติของผิวหนัง หรืออวัยวะไม่ได้สัดส่วน การทำผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งบ่อยครั้งเกินไป การไปพบแพทย์ผิวหนังรักษาหน้า รวมทั้งการสัก การเจาะ การฝังหมุด การผ่าลิ้น ๒ แฉก และการตกแต่งร่างกายถาวรแบบสุดขั้วที่เรียกว่า extreme body modification บางรายที่มีลักษณะหมกหมุ่นครุ่นคิด น่าจะเข้าข่ายเป็นโรคจิตหลงผิดชนิดนี้ 

ส่วนโรคจิตหลงผิดว่ามี "กลิ่นตัว" (delusions of bromhidrosis) ผู้ป่วยจะวิตกกังวลว่ามีกลิ่นตัว กลิ่นปาก หรือกลิ่นจากช่องคลอด

สำหรับกรณีผู้ป่วยที่เป็นข่าวนั้น หลังการเฝ้าสังเกตของคณะแพทย์ผู้รักษาไม่พบแมลงบินออกจากผิวหนัง แต่มีแค่แมลงไต่ตอมผิวหนังที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่าเป็นแมลงวันขายาว ด้วงมอด คาดว่าแมลงน่าจะมาตอมแผลที่ผิวหนังมากกว่า

 

แมลงหรือปรสิตไชชอนผิวหนัง
ส่วนกรณีที่แมลงหรือปรสิตไชชอนผิวหนังได้จริงๆ อาจเป็น myiasis คือภาวะที่มีหนอนแมลงวัน (botfly larva) อาศัยอยู่ในคน หรือสัตว์ช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยแมลงเข้าสู่ผิวหนังทางบาดแผลหรือแมลงกัด และไข่ทิ้งไว้ในผิวหนัง เคยมีรายงานทางภาคใต้ของไทย
ตัวอย่างของพยาธิที่ชอนไชออกจากผิวหนังได้จริงอีกตัวคือ dracunculiasis หรือโรค guinea worm พบพยาธิตัวนี้ในทวีปแอฟริกา (ภาพที่ ๒)
 

                        


ไม่ต้องเป็นห่วงว่านักฟุตบอลคนโปรดที่เพิ่งไปแข่งบอลโลกที่แอฟริกาใต้มาจะติดโรคน่าสยดสยองนี้ เพราะปัจจุบันพยาธิตัวยาวเหยียดนี้พบเฉพาะ ๔ ประเทศของทวีปแอฟริกา (ซูดาน กานา มาลี และเอทิโอเปีย) เท่านั้น

พยาธิอีกตัวที่ไชชอนผิวหนังได้และไม่อยากให้ลืมกันคือพยาธิปากขอ (hookworm) ที่ยังพบบ่อยในบ้านเรา ลักษณะของพยาธิตัวนี้จะไชชอนเข้าสู่ผิวหนังมากกว่าไชออก เมื่อคนถ่ายอุจจาระไข่พยาธิจะออกมากับอุจาระ ไข่จะฟักและเจริญจนเป็นตัวอ่อนระยะที่ ๓ ซึ่งสามารถไชทะลุผ่านผิวหนังที่ง่ามนิ้วเท้ากลับเข้าสู่ร่างกายคนได้ จึงไม่ควรเดินเท้าเปล่า

ที่น่าสนใจอีกกรณีคือ cutaneous larva migrans เกิดจากการไชชอนของตัวอ่อนพยาธิปากขอแต่มักเป็นพยาธิปากขอในสุนัขและแมว ที่ถ่ายมูลไว้บนดินหรือทราย ไข่พยาธิจะฟักเป็นตัวอ่อน เมื่อคนเราสัมผัสดินหรือทรายนั้น ตัวอ่อนของพยาธิจะไชชอนผิวหนังเห็นลักษณะเป็นเส้นคดเคี้ยวตามผิวหนัง

พยาธิที่ไชชอนผิวหนังอีกชนิดที่พบบ่อยในไทยคือ โรคพยาธิตัวจี๊ด ผู้ป่วยมักมีประวัติการกินอาหารดิบๆ หรือสุกๆ ดิบๆ เช่น ส้มฟัก ปลาหรือไก่ย่างที่ไม่สุกพอ ยำกบ อาการคือบวมเคลื่อนที่ ปวดจี๊ดๆ และคัน นอกจากอาการที่ผิวหนังแล้ว พยาธิอาจไชไปอวัยวะที่สำคัญอื่นๆ เช่น ตา ปอด กระเพาะปัสสาวะ และสมอง

อาจารย์ พล.อ.ต.นพ.ประสพ นิติทัณฑ์ประภาศ ปรมาจารย์ด้านโรคผิวหนังและคณะได้เคยรายงานว่าพยาธิตัวจี๊ดไชชอนจากผิวหนังไปจนถึงกระเพาะปัสสาวะทำให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะเป็นตัวจี๊ด นับเป็นรายงานแรกของโลก

นอกจากนั้น มีรายงานของอาจารย์ นพ.สมพนธ์ บุณยคุปต์ ปรมาจารย์ด้านโรคติดเชื้อและคณะที่พบอาการเยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบจากพยาธิตัวจี๊ดไชขึ้นสมอง

สรุปว่า แมลงหรือปรสิตที่ไชชอนผิวหนังมีทั้งที่เป็นจริงๆ และเป็นหลอกๆ คือหลงผิดไปเอง

 

ข้อมูลสื่อ

377-003
นิตยสารหมอชาวบ้าน 377
กันยายน 2553
ผิวสวย หน้าใส
นพ.ประวิตร พิศาลบุตร