ประเวศ วะสี
ร่วมด้วยช่วยกันเยียวยาโลกธรรมสัญจร สู่มูลนิธิพุทธฉือจี้
๑๓
ด้วยความกรุณาของอาจารย์หมอประเวศ วะสี ได้เป็นหัวหน้าคณะนำพวกเราลูกศิษย์ลูกหาไปเปิดโลกทัศน์ ปรับปรุงวิสัยทัศน์ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงอัตวิสัยของตนเอง ไปสู่ความเข้าใจ ชีวิตมากขึ้น ด้วยมุมมองแบบพุทธมหายาน มีประโยชน์มหาศาลต่อการนำมาพินิจพิเคราะห์การพัฒนาระบบสุขภาพของไทย ซึ่งมีผู้คนส่วนใหญ่นับถือพุทธแบบเถรวาท
สมาชิกของคณะเยี่ยมศึกษาคราวนี้ มีหลายท่านได้ถ่ายทอดความประทับใจเป็นลายลักษณ์อักษร สื่อสารไปยังผู้ที่สนใจการพัฒนาโดยใช้ศาสนธรรมเป็นประทีปส่องทาง อาจารย์หมอประเวศได้ให้โอกาสนำความประทับใจเหล่านั้นเผยแพร่ผ่านหน้าคอลัมน์นี้ โดยมอบให้ผมเป็นผู้นำมาร้อยเรียงเป็นลำดับต่อไป และขอเริ่มจากความประทับใจของตนเองก่อนครับ
หากจะให้สรุปบทเรียนจากการศึกษาครั้งนี้เป็นคำพูด ผมเองขอสรุปว่า ชีวิตเป็นความประณีตอย่างยิ่ง ดังนั้น การคิด การพูด และกระทำที่เกี่ยวกับชีวิต พึงจะต้องปฏิบัติด้วยความประณีตอย่างยิ่งด้วย ปัญหาในระบบสุขภาพที่พบเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ขาดความประณีตต่อชีวิตเป็นอย่างมาก จึงเกิดความทุกข์ ทั้งผู้รับบริการ ผู้ให้บริการ ผู้กำหนดนโยบาย
จากการที่มีโอกาสไปเยี่ยมศึกษาพร้อมกับการปฏิบัติธรรมด้วยการกินเจเกือบจะตลอดการเดินทางที่มูลนิธิพุทธฉือจี้และองค์กรที่อยู่ในร่มเงาของมูลนิธิฯ ที่ดินแดนไต้หวัน ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๙ ทำให้ได้ซาบซึ้งถึงความประณีตแห่งชีวิตโดยแท้ มีรูปธรรมที่เห็นได้จากการปฏิบัติจริง สัมผัสได้ และกินใจจริงๆ
ถึงแม้ว่าจะได้เคยรับรู้เรื่องราวทั้งทางโลกทางธรรมมานับแต่จำความได้จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเคยบวชเรียนมาก็ยังสั่งสมมาไม่เพียงพอที่จะจินตนาการถึงรูปธรรมของชีวิตจากมุมมองของธรรมะ โดยเฉพาะพุทธธรรมมหายาน ทำให้เข้าใจมากขึ้นอีกว่า นอกจากจะทำให้ตนเองบรรลุธรรมด้วยมรรควิธีต่างๆ อย่างเถรวาทแล้ว การทำคุณประโยชน์แก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะโดยทางการคิดดี พูดดี ทำดีแล้ว ยังเป็นการมุ่งไปสู่การบรรลุธรรมได้อีกด้วย เป็นการบรรลุในระดับโพธิสัตว์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ทุกคนเป็นพระโพธิสัตว์ได้อย่างมหายาน ซึ่งเป็นคุณค่าที่ไม่อาจมองข้ามในสภาวะของสังคมในปัจจุบันที่มุ่งวัตถุและบริโภคนิยม การประพฤติปฏิบัตินั้นอาจช่วยแก้ปัญหาระดับปัจเจกก็จริงอยู่ แต่ก็ส่งผลกระทบระดับมหภาคได้ด้วย ดังคำพูดที่มักคุ้นกันว่า "ผีเสื้อกระพือปีก"
อาสาสมัครฉือจี้
ความประณีตของการเป็นอาสาสมัครฉือจี้ ที่เรียกขานกันเองว่า ชาวฉือจี้ นั้น เป็นอาสาสมัครจริงๆ เขาเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่นอกจากจะมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ ต้องประกอบอาชีพ ต้องมีบทบาทต่อตนเอง ครอบครัว และชุมชนในสังคมแล้ว ยังต้องมีวัตรปฏิบัติหรือเรียกกันว่าถือศีลอีกสิบข้อ โดยเฉพาะขณะปฏิบัติหน้าที่อันทรงคุณค่านี้ ดังนั้น ผู้ที่จะมาเป็นอาสาสมัครฉือจี้จะต้องมาด้วยใจก่อน มาเป็นผู้ให้ราวกับพระเวสสันดร จากนั้นก็ต้องปฏิบัติภารกิจของฉือจี้ด้วยความมุ่งมั่น หวังผลสำเร็จ มีเป้าหมายการทำงานชัดเจน การบริหารจัดการจึงไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไร เชื่อว่าไม่ต้องออกกฎระเบียบควบคุมกำกับอะไรให้ยุ่งยาก แต่อาสาสมัครทุกคนจะมีระเบียบวินัยในตัวเอง ทุกกิจกรรมเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนพิถีพิถัน มีการออกแบบอย่างประณีตแยบยล เนียนเป็นเนื้อเดียวกันกับวิถีชีวิตปกติ ใครมีทักษะอะไรก็ทำกิจกรรมนั้น ช่วยกันคนละไม้ละมือ ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ก็ยกข้าวแบกของ ซักล้าง ขัดถู ที่น่าประทับใจคือ การล้างมือล้างเท้า การสระผมแก่ผู้เจ็บป่วย ผู้ชรา ผู้ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ สร้างความประทับใจทั้งผู้รับและผู้ให้
นอกจากนี้ จะต้องอุทิศตนเสียสละในการทำงาน ทุกคนสามารถทำได้ทุกงาน แม้กระทั่งการใช้แรงงาน โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ ไม่รังเกียจงานที่ในสังคมไทยเห็นเป็นงานต่ำต้อย เช่น การเก็บกวาดขยะ การล้างเท้าผู้อื่น ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และยังเห็นได้จากการที่อาสาสมัครที่ร่วมเดินทางเพื่อดูแลคณะเยี่ยมศึกษาของเรา เขาเหล่านั้นจะต้องออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางเอง ภารกิจอื่นๆ ก็ทำเช่นนี้ เขาจะไม่มีการเรียกร้องสิทธิประโยชน์ส่วนบุคคลแต่ประการใด โดยมุ่งหวังให้ผู้มาเยี่ยมศึกษาได้เรียนรู้ให้มากที่สุด และอาจขยายสิ่งที่ได้เรียนรู้ออกไป
ตรงนี้ มีพวกเราพยายามที่จะขอเรียนรู้ระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ระบบการบริหารจัดการ โครงสร้างการทำงาน โครงสร้างองค์กร แต่เราไม่ได้เห็น เราเห็นแต่ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบโดยตัวของตัวเอง ทุกคนรู้หน้าที่โดยไม่ต้องมีคำสั่ง โดยไม่ต้องบอก ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ เพราะทุกคนมาด้วยความเสียสละเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่มีเงื่อนไขอะไรมากมายในการเข้ามาร่วมงาน ทุกคนต้องการทำให้ดีที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้ เชื่อว่าคงไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันหรือกับองค์กร อื่น คงด้วยได้รับแบบอย่างการปฏิบัติตนของท่านธรรมาจารย์ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา ผลงานจึงปรากฏต่อสายตาพวกเราอย่างประณีตนั่นเอง
การทำบุญกุศล
ความประณีตในการทำบุญกุศล ชาวฉือจี้มีภารกิจ ที่จะต้องทำการกุศล ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยจะต้องมีการทำความรู้จักผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือนั้น บริบทและสิ่งแวดล้อม มีการทำประวัติโดยละเอียด ลึก และรอบด้าน เพื่อให้เห็นว่าเป็นผู้ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง จากนั้นก็จะมีการนำเข้าสู่การพิจารณา ของคณะกรรมการ เมื่อผ่านการพิจารณาแล้วก็จะได้รับการช่วยเหลือต่อเนื่องโดยอาสาสมัคร จนกว่าจะสิ้นสุดปัญหาและความต้องการของผู้นั้น การช่วยเหลือก็เริ่มตั้งแต่การพูดคุยให้กำลังใจ มอบสิ่งของ จนถึงก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้ สิ่งที่นำไปช่วยเหลือจะมีการลงนามรับ มีประจักษ์พยาน อันเป็นกระบวนการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ สิ่งของที่มอบให้เพื่อช่วยเหลือก็มีความประณีต ไม่ใช่ของเหลือทิ้งจากที่อื่น เช่น การมอบเสื้อผ้ารองเท้าก็จะมีการวัดตัวตัดเย็บให้พอดี เป็นต้น ที่สุดก็คือสร้างความไว้วางใจแก่ผู้บริจาคว่ากุศลจิตความตั้งใจได้ไปถึงผู้ที่ต้องการโดยแท้จริงไม่ตกหล่น
อีกเช่นกันที่อาสาสมัครจะไม่นำทรัพย์สินเงินทอง ของผู้บริจาคมาใช้จ่ายเรื่องของตนเอง สังเกตได้จากการที่ได้ไปเยี่ยมสมณารามที่ฮัวเหลียน ท่านธรรมาจารย์ สานุศิษย์ และอาสาสมัครที่นั่นจะกินน้อยใช้น้อย ปลูกพืชผักกินเอง ช่วยกันทำงานภายในทุกอย่าง ผลิตของที่ระลึกจำหน่ายหารายได้เลี้ยงตนเอง ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด จะไม่ใช้เงินบริจาคมาเลี้ยงดูภิกษุณี และอาสาสมัครแต่ประการใด ความประณีตของการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากเหล่านั้นได้ก่อให้เกิดความผูกพันระหว่างกันและกัน จนผู้รับความช่วยเหลือส่วนหนึ่งได้กลายมาเป็นอาสาสมัครฉือจี้ หรือแม้กระทั่งกลับมาเป็นผู้บริจาคให้ฉือจี้ ซึ่งถึงแม้จะเล็กน้อยก็ตาม แต่น้ำใจนั้นมีคุณค่าใหญ่หลวงนัก
การดูแลรักษาพยาบาล
ความประณีตในการดูแลรักษาพยาบาล การสร้างความสัมพันธ์ ความผูกพัน ระหว่างผู้ให้บริการทุกระดับ และผู้รับบริการ มีความประณีตตลอดกระบวนการ และนับตั้งแต่มีปัญหาเข้ามารับบริการที่โรงพยาบาลหรือหน่วยบริการ มีการจัดสถานที่และพื้นที่ให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกอบอุ่น มีกำลังใจ มีการจัดทำห้องสำหรับประกอบศาสนกิจตามพื้นที่ต่างๆ ภายในโรงพยาบาล
การบริการที่เริ่มด้วยการสร้างความรู้สึกยอมรับกันและกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน เห็นได้จากการที่หมอยกมือไหว้คนไข้สำนึกในบุญคุณที่คนไข้นำ "บุญ" มาให้หมอ การสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง สร้างความประทับใจแก่ ผู้มารับบริการและญาติ โดยการจัดอาสาสมัครมาให้การต้อนรับตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าอาคารโรงพยาบาล มีอาสาสมัครมาเล่นดนตรีขับกล่อมบริเวณโถงพักของผู้ป่วยและญาติที่มารอรับบริการจากโรงพยาบาล มีการจัดกิจกรรมแสดงความยินดีแก่ผู้ป่วย จัดงานวันเกิดแก่ผู้ป่วย มีอาสาสมัครดูแลประคับประคองระหว่างที่พักรักษาตัวในโรง-พยาบาล ผู้ป่วยระยะสุดท้ายก็จะมีกิจกรรมเพื่อให้จิตใจสงบ แม้กระทั่งนาทีสุดท้ายของชีวิต ก็มีการจัดพิธีกรรมทางศาสนาที่ผู้ป่วยนั้นๆ นับถือจนกระทั่งหมดลมหายใจ เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่บ่งบอกถึงการให้ความสำคัญของชีวิตและอย่างประณีตตั้งแต่เข้ามาเมื่อมีชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
การจัดการศึกษา
ความประณีตในการจัดการศึกษา ทุกระดับการศึกษาของมูลนิธิพุทธฉือจี้จะมีกิจกรรมเพื่อบ่มเพาะให้มีความเข้าใจถึงความเป็นมนุษย์ ผู้ซึ่ง มีความดีและความงามอยู่ในหัวใจอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จากแพทยศาสตร์ศึกษา ที่มีการจัดกิจกรรมการชงชา การจัดดอกไม้ การวาดด้วยพู่กันจีน ซึ่งจะทำให้นักศึกษาแพทย์มีสติ มีสมาธิ มีความละเอียดอ่อน มีความประณีตต่อชีวิต นักศึกษาต้องทำกิจกรรมอาสาสมัคร มีกระบวนการสร้างความสัมพันธ์กับ อาจารย์ใหญ่ หรือผู้ที่บริจาคร่างกายเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ผ่าตัดศึกษา โดยนักศึกษาจะได้รู้จักอาจารย์ใหญ่ตั้งแต่ก่อนเสียชีวิตได้รู้จักญาติพี่น้อง ได้มีปฏิสัมพันธ์กันราวกับเป็นเครือญาติอีกคนหนึ่ง ได้เป็นผู้จัดการฌาปนกิจให้อาจารย์ใหญ่อย่างสมเกียรติในระดับพระโพธิสัตว์ ผู้เสียสละร่างกายแก่การศึกษาแพทย์
ได้เคยพูดคุยกับอาสาสมัครฉือจี้แล้วทราบว่า หากเราส่งบุตรหลานมาเรียนที่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าเด็กจะเกเร เสียผู้เสียคน หรือแม้กระทั่งเรียนไม่เก่งแล้วจะเรียนแพทย์ไม่ได้ เขามั่นใจว่าการจัดการศึกษาที่นี่สามารถสร้างทั้งคนดี คนเก่ง คนมีความสุข ให้แก่สังคมได้ สิ่งเหล่านี้เป็นการเตรียมคนเข้าสู่ระบบบริการ มีระบบและกระบวนการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม โดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ให้คุณค่าของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย และมีศาสนธรรมเป็นฐาน เป็นกระบวนการที่มีความประณีตตลอดระยะเวลาในการสร้างแพทย์คนหนึ่งที่เป็นมนุษย์ที่แท้ ผู้ซึ่งจะไปให้บริการแก่มนุษย์ด้วยหัวใจที่เป็นมนุษย์
การสร้างคุณธรรมและจริยธรรม
ความประณีตในการสร้างคุณธรรมและจริยธรรม การเทศนาสั่งสอนธรรมะนั้นอาจเป็นกิจกรรมหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมอื่นๆ มากมายที่เมื่อนำมาปฏิบัติแล้วกลับแฝงด้วยคติธรรม ที่สร้างคุณธรรมและจริยธรรมอย่างแยบยลและได้ผล จากการได้เยี่ยมศึกษาหลายแห่ง ไม่ว่าจะที่สมณารามของท่านธรรมาจารย์ โรงพยาบาล สถานีโทรทัศน์ ศูนย์วัฒนธรรม ศูนย์การทำงานของชาวฉือจี้ จะได้สัมผัสกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม มีความประณีตในการตกแต่งจัดวาง มีภาพถ่ายภาพจิตรกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรมที่สะท้อนถึงความประณีตของความคิด จุดมุ่งหมาย และการจัดทำ
ข้อปฏิบัติหลายอย่างในการเยี่ยมศึกษา การใช้ชีวิตก็เช่นกัน หลายสถานที่ที่เราต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชมเพื่อกันฝุ่นและรอยเปื้อน บางที่ยังต้องสวมที่รองเท้ากันลื่นทับเข้าไป แม้กระทั่งห้องผ่าศพซึ่งดูสะอาดมากอยู่แล้วตอนที่เราเข้าชมก็ยังต้องสวมถุงเท้าคลุมรองเท้าเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง บางที่เราต้องเอารองเท้าที่เราถอดไว้ใส่ถุงเอาไปไว้ในห้องเก็บของด้วย
การรับประทานอาหารก็ต้องไม่ให้มีเศษอาหารเหลือทิ้งเหลือขว้าง ชาวฉือจี้เองต้องมีตะเกียบ ชาม และกระบอกน้ำดื่มประจำตัวใช้เอง ล้างเอง เก็บเอง เป็นการเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่เพิ่มขยะโดยไม่สมควร นอกจากนี้ มูลนิธิพุทธฉือจี้ยังมีโรงงานแยกขยะเพื่อนำกลับมาใช้ นำไปขายหารายได้สำหรับมูลนิธิ โดยผู้ที่มาทำการแยกขยะก็คืออาสาสมัครนั่นเอง มากันทั้งครอบครัว ช่วยกันคนละไม้ละมือ โอภาปราศรัยพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข ไม่เห็นท่าทีแสดงความรังเกียจแม้แต่น้อย หากโลกทั้งโลกทำได้เช่นนี้ คงไม่มีปัญหาโลกร้อนเกิดขึ้นแน่นอน
ทุกเช้าตรู่ที่สมณาราม ท่านธรรมาจารย์จะออกมาพูดคุยกับสานุศิษย์ อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่โดยถ่ายทอดโทรทัศน์ออกไปทั่วโลก ไม่อาจกล่าวว่าเป็นการเทศนาธรรม เพราะท่านจะพูดคุย
ทุกเช้าตรู่ที่สมณาราม ท่านธรรมาจารย์จะออกมาพูดคุยกับสานุศิษย์ อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ โดยถ่ายทอดโทรทัศน์ออกไปทั่วโลก ไม่อาจกล่าวว่าเป็นการเทศนาธรรม เพราะท่านจะพูดคุย เกริ่นนำเล็กน้อยในสิ่งที่ท่านได้ประสบมา แล้วท่านก็ให้แต่ละเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ทั้งแพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร ผู้บริจาคไขกระดูก และผู้ป่วย ที่อยู่หน่วยงานในเครือข่ายที่มีการถ่ายทอดสดได้พูดถึงเรื่องราวความประทับใจในสิ่งที่ทำมาให้ท่านอาจารย์ฟัง จากนั้นท่านอาจารย์ก็จะกล่าวให้กำลังใจและยกย่องชมเชย หรือข้อเสนอแนะต่างๆ เน้นถึงสิ่งดีๆ ที่แต่ละคนได้ทำไปให้เป็นที่รับรู้ทั่วโลก กระบวนการเหล่านี้เป็นการสร้างคุณธรรมและจริยธรรม โดยไม่ต้องใช้ภาษาธรรมให้เข้าใจยาก หรือไม่ต้องยกตัวอย่างที่ไม่มีใครเคยรู้เคยเห็นจากตำนานชาดก แต่ยกตัวอย่างจากชีวิตจริงโดยผู้อยู่ในเหตุการณ์จริง จึงทำให้ทุกคนได้รู้ ได้เห็น ได้สัมผัสจากของจริงว่า การเข้าถึงธรรม บนเส้นทางแห่งพระโพธิสัตว์นั้น ทุกคนทำได้ ทุกคนก็จะรักษาคุณธรรมและจริยธรรมนั้นได้เอง
ทั้งหมดที่กล่าวมา จะมีวาทะธรรมที่เข้าใจได้ง่ายของท่านธรรมาจารย์เจิ้งเหยียน เป็นเครื่องนำทางไปสู่การปฏิบัติ ที่อาสาสมัครทุกคนกล่าวอ้างถึงเป็นประจำ แล้วนำไปปฏิบัติจริงอยู่เสมอ นั่นเป็นความประณีตแห่งชีวิตโดยแท้ ส่วนในบ้านเรานั้นเล่า หากจะมีการนำแนวคิดที่ได้ไปเรียนรู้มาใช้ อาจจะต้องมุ่งไปที่ขบวนการอาสาสมัคร ที่เรียกกันติดปากไปแล้วว่า จิตอาสา ถึงแม้จะยังเป็นขบวนการที่ยังไม่เป็นขบวน แต่เชื่อว่ามีศักยภาพที่จะพัฒนาเชิงอุดมการณ์ ตลอดจนรูปแบบเนื้อหาได้ อาสาสมัครในโรงพยาบาล น่าจะมีศักยภาพที่จะทำให้เกิดความประณีตแห่งชีวิตของผู้คนที่เข้ามามีส่วนร่วมได้มาก การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ๆ ให้เป็นผู้ให้บริการที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ ก็เป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ไม่น้อย
เป็นที่น่ายินดีว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ประกาศให้การให้และอาสาช่วยเหลือสังคมเป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รัฐมนตรีว่าการฯ ซึ่งได้ไปเยี่ยมศึกษามูลนิธิพุทธฉือจี้รุ่นแรกๆ ได้สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการให้และอาสาช่วยเหลือสังคม (ศกอส.) ขึ้น และกระทรวงสาธารณสุข โดยอาจารย์หมอมงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ให้นโยบายการจัดระบบอาสาสมัครในโรงพยาบาลขึ้น ได้ทราบอีกด้วยว่าคณะแพทยศาสตร์ในหลายมหาวิทยาลัยให้ความสนใจที่จะพัฒนาแพทยศาสตร์ศึกษาในมิติของความเป็นมนุษย์มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความพยายามที่จะยกระดับเรื่องการพัฒนาระบบสุขภาพที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ให้เป็นกระแสสำคัญจนอาจพัฒนาเป็นนโยบายสาธารณะในอนาคตอันใกล้นี้ โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การสนับสนุนโดยผ่านโครงการพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จึงใคร่เชิญชวนให้ร่วมติดตามกัน
ในเมื่อชีวิตมนุษย์มีความประณีต การดูแลมนุษย์จึงต้องมีความประณีตด้วย จึงต้องมีหัวใจของความเป็นมนุษย์ที่แท้ด้วย อยากเห็นครับ
นพ.อุกฤษฏ์ มิลินทางกูร
เขียนเมื่อ ๘ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ปรับปรุงเมื่อ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๐
- อ่าน 4,183 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้