• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ยาทารักษาสิว

ยาทารักษาสิว


สิวจัดป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด มีหลายรูปแบบการรักษาอาจแตกต่างกันออกไป จึงต้องอาศัยการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ขอแนะนำให้ผู้ที่เป็นสิวมากๆ พบแพทย์ผิวหนังโดยตรง เพื่อการวินิจฉัยและรักษาไม่แนะนำให้รับบริการจากร้านเสริมสวย เพราะนอกจากไม่ได้ผลแล้ว อาจเกิดข้อแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาอีกได้
      
เป็นสิวควรปฏิบัติตัวอย่างไร

๑. การล้างหน้า ควรล้างด้วยสบู่อ่อนๆ เช่น สบู่เด็ก หรือเลือกสบู่อ่อนที่ใช้สารเคมีที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดสิว

๒. ไม่ควรล้างหน้า หรือเช็ดหน้าบ่อยๆ

๓. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีผลต่อการทำงานของผิวหนังและต่อมไขมัน เช่น ครีมบำรุงผิว ครีมนวดหน้า ครีมแก้รอยเหี่ยวย่นที่มีสตีรอยด์ผสมอยู่ ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรเลือกครีมหรือสารที่ให้ความชุ่มชื้นที่มีส่วนประกอบเป็นสารเคมีที่ไม่ก่อให้เกิดสิว

๔. อย่าบีบหรือแกะสิว

๕. การใช้ยารักษาสิว ต้องระวังยาที่โฆษณาว่ารักษา ได้ทั้งสิวและฝ้า เพราะยาพวกนี้มักผสมสตีรอยด์ มีคุณสมบัติทำให้สิวอักเสบยุบเร็ว แต่มีภาวะแทรกซ้อนมากมาย โดยมีการกระตุ้นให้เกิดสิวอุดตันขึ้นมาใหม่มากกว่าเดิม ทำให้สิวไม่หายขาด

๖. ถ้ามีสิวอักเสบมาก ต้องกินยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมควบคู่ไปด้วย หรืออาจจำเป็นต้องได้รับยาในกลุ่มวิตามินเอ ซึ่งต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ยาตัวนี้ถ้ากินระหว่างตั้งครรภ์จะทำให้ทารกพิการ

การใช้ยาทารักษาสิว
กรณีที่เป็นสิวน้อยอาจใช้แค่ยาทารักษาสิว ดังนี้

๑. เบนซอยล์ เพอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide)
เป็นยารักษาสิวที่ได้ผลดีตัวหนึ่ง ฤทธิ์ของยาตัวนี้ทำให้หัวสิวหลุดออกได้เร็วขึ้น ร่วมไปกับการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้สิวอักเสบ และป้องกันไม่ให้เกิดไขมันอุดตัน 
ยิ่งตัวยาเบนซอยล์ เพอร์ออกไซด์ (บีพี) มีความเข้มข้นสูงเพียงใด ก็ยิ่งทำให้ผิวหนังแห้งและลอกมากขึ้นเพียงนั้น ผู้ป่วยบางรายทาบีพีบ่อยเกินไป หน้าจะแห้ง ระคายเคืองมาก ในกรณีนี้จำเป็นต้องหยุดทายา แล้วกลับมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาการระคายเคืองและอักเสบของใบหน้าต่อไป แรกทีเดียวอาจทายา (ต้องทายาก่อนล้างหน้าตอนเย็น) ทิ้งไว้ทั่วหน้า ๒-๓ นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า ถ้าไม่มีการระคายเคืองและอักเสบอาจค่อยๆ เพิ่มเวลาและความเข้มข้นขึ้นได้

๒. กรดวิตามินเอ (retinoic acid)
Tretinoin กรดวิตามินเอในรูปยาทาช่วยขจัดปัญหาสิวอุดตันได้ โดยที่กรดวิตามินเอ จะซึมผ่านลงไปสู่รูขุมขน ทำให้เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนหลวมตัว สิวอุดตันจึงหลุดออกมาง่ายขึ้น นอกจากนั้น กรดวิตามินเอทำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเร็วขึ้น สิ่งที่คั่งค้างอุดตันจึงหลุดลอกออกมาเร็ว การใช้ยาตัวนี้ต้องใจเย็นพอสมควร เพราะยาจะออกฤทธิ์ต่อเมื่อทาไปแล้ว ๓-๖ สัปดาห์ ปกติแล้วไม่ใช้กรดวิตามินเอชนิดทากับสิวอักเสบ เพราะจะทำให้สิวอักเสบเลวลง ควรใช้กรดวิตามินเอชนิดทากับสิวอุดตันหรือคอมมีโดนเท่านั้น หลังทากรดวิตามินเอ ๑-๒ สัปดาห์แรก สิวอาจเลวลงได้ไม่ต้องตกใจ จำไว้ว่ากว่ายาตัวนี้จะออกฤทธิ์จะกินเวลานานถึง ๓-๖ สัปดาห์ การทายาตัวนี้ให้ทาเพียงบางๆ วันละครั้งก่อนนอน ไม่ต้องล้างหน้าก่อนทา เพราะยิ่งทำให้หน้าแห้งและระคายเคืองง่ายขึ้น นอกจากนั้น ในตอนเช้าควรทายากันแดดทั่วหน้าด้วย เพราะแสงแดดยิ่งทำให้ฤทธิ์การระคายเคืองของกรดวิตามินต่อผิวหนังสูงขึ้น และต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น Isotretinoin มักอยู่ในรูปเจล 0.05% ได้ผลใกล้เคียงกับ Tretinoin และบีพี ทำให้แห้งลอกเป็นขุยได้ แต่น้อยกว่า Tretinoin ยาทารักษาสิวกลุ่ม retinoids คือ adapalene ในบางรายที่ใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ (retinoic acid) แล้วมีปัญหาผิวแห้งระคายเคืองมาก แพทย์อาจเปลี่ยนมาให้ยากลุ่ม Retinoids แทน ควรทายาก่อนนอน อาจทาครีมให้ความชุ่มชื้นตามในบริเวณที่ผิวแห้งและรอบดวงตา  และควรใช้ยากันแดดร่วมด้วย

๓. ยาทารักษาสิวกรด
Azelaic นอกจากช่วยให้สิวอุดตันหลุดลอกแล้ว ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคที่ผิวหนัง โดยทั่วไปยาทา Azelaic  acid จะไม่ค่อยทำให้ผิวระคายเคืองและไม่ค่อยก่อให้เกิดผิวไวต่อแสง

๔. ยาปฏิชีวนะชนิดทา
เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ P. acnes ทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้นได้ ยาปฏิชีวนะที่ใช้ทาทั่วไป ได้แก่ คลินดาไมซิน อีริโทรไมซิน เตตราไซคลีน ข้อควรระวังก็คือ ยาพวกนี้เมื่อใช้ไปนานๆ ก็ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและให้ผลแทรกซ้อนได้เหมือนยากิน การใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทาจึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง

เป็นสิวเมื่อไรควรไปพบแพทย์

๑. เมื่อใช้ยาทาเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น

๒. เมื่อสิวอักเสบมาก ปวดบวมแดง หรือสิวหายแล้ว มักเป็นแผลเป็น

๓. ผู้หญิงที่เป็นสิวที่ขนขึ้นตามใบหน้า หรือประจำเดือนผิดปกติ ควรพบแพทย์

๔. ถ้าสิวเลวลงมาก สิวอักเสบบวมแดงมากและมีไข้  ควรพบแพทย์ทันที เพราะอาจแสดงว่ามีการอักเสบและติดเชื้ออย่างรุนแรง

สิวพบได้ทุกฤดูกาล ผู้ที่เป็นสิวควรทำความเข้าใจสิวและสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ดูแลตนเองได้อย่างถูกต้องและเห็นผล

ข้อมูลสื่อ

327-007
นิตยสารหมอชาวบ้าน 327
กรกฎาคม 2549
ผิวสวย หน้าใส
นพ.ประวิตร พิศาลบุตร