• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เพียงแค่ดู...รู้ได้ไงว่าเธอท้อง

กริ๊ง… กริ๊งง… กริ๊งงง… เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น เหลียวมองดูชื่อสายเรียกเข้าเป็น เจ้าชัยเพื่อนซี้ของผมตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
    
ประโยคแรกที่มันถามผม  “เฮ้ยหมอแซนเองได้เมียได้ลูกไม่ยักกะส่งข่าว (หว่ะ) ดังทั้งบ้านทั้งเมืองแบบนี้” 
    
ผมรู้แล้วเจ้านี่ต้องมีอะไร มาอำกะผมเล่นอีกเป็นแน่ มันทักพาลหาเรื่องจริงๆ นี่ดีนะคุยกันสองต่อสอง  
    
“เฮ้ย ข่าวลือหว่ะ อย่าไปเชื่อหนังสือพิมพ์มากนัก เค้าก็ลงไปตามกระแสมันกำลังฮิตไม่ใช่เหรอเรื่องพรรค์อย่างงี้  ใกล้ปีใหม่แล้วเล่นข่าวแรงๆ เอาแบบให้โจษกันสนั่นเมืองแบบนี้ขายดิบขายดีเชียวหล่ะ”

    
ผมสำทับเจ้าชัยไป มันยังไม่ยอมหยุด สอดขึ้นมาอีก  
    
“เฮ้ย ! ข้าว่าชัวร์หว่ะ ท้องแน่ๆ เลย..แบบนี้  ไอ้เรื่องดูว่าใครท้องมันต้องข้านี้แหละที่จัดเป็นผู้เชี่ยวชาญ”
...เหอะ… เหอะ… เอากะมันซิ ผมฟังมันโม้ต่อ 
    
“เองจำไม่ได้เหรอตอนสมัยเราเรียนแล้วนั่งรถเมล์กลับจากโรงเรียน ข้าจะลุกให้ผู้หญิงตั้งท้องนั่งตลอด…” 
    
ผมเริ่มจำเค้าลางเรื่องที่มันเล่าได้แล้ว เป็นประจำที่มันจะแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษ มีสาวๆ ขึ้นมาบนรถเมล์ เป็นต้องลุกให้นั่งก่อนใคร ส่วนถ้าเป็นคนแก่ ผมไม่เคยเห็น ถามมันทีไร แซวมันทีไร มันก็บอกมันลุกให้ผู้หญิงท้องนั่งทุกที ไอ้ผมก็งงว่ามันรู้ได้ไง ไม่เห็นมีวี่แววว่าเป็นคนท้องเลย  ท้องก็ไม่โตเป็นสาวรุ่นๆ แถมยังแต่งหน้าทาปากซะสวยเช้งเลย… อ๋อผมจำได้หละมุขเก่าๆ เอามาเล่าใหม่นี่เอง… มันจะตอบหน้าตายเลย ถ้าเราถามว่าเค้าท้องไม่เห็นโตแล้วเองรู้ได้ไงโว้ย … 
    
“ก็เธอเพิ่งจะตั้งท้องมาได้ ๑ ชั่วโมงนี่เอง พวกเองไม่มีประสบการณ์ไม่มีทางดูออกหรอก” 
    
“โธ๋ เจ้าขี้โม้ …โม้ แบบไม่เปลี่ยนเลย ตั้งแต่เด็กมาจนแก่ป่านนี้แล้ว นี่ถ้าครบก๊วนนะมี เจ้าเสือป้อม (ปัจจุบันเป็นเทศมนตรีอยู่จังหวัดแถวทางภาคอีสานนู้น) แล้วก็ ไอ้เมธ (มีครอบครัวไปอยู่ฝรั่งเศสจบกฎหมายที่ฝรั่งเศส) แล้วก็ผู้พันวอ (สังกัดกองทัพบกปัจจุบัน) เป็นได้เรื่องคงจะครื้นเครงสนุกสนานกว่านี้ เจ้าชัยคงจะโทรมาทักทายผมเล่น ไม่มีเรื่องจะคุย…ก่อนจะทิ้งท้ายวางสายมันยังถามย้ำผมอีก 
    
“เฮ้ยหมอเค้าท้องกันจริงๆ เหรอ”

    
มันคาดคั้นผมด้วยสำเนียงที่ผมหลับตาแล้วเห็นเครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ้ม แบบงงๆ อยู่กลางหน้ามันเลยหล่ะ
    
“จะไปรู้ได้ไง ใครจะไปดูออก ถ้าไม่ท้องโย้ ๗–๘ เดือนมาให้เห็นหรือน้ำคร่ำไม่เดิน ข้าดูไม่ออกหรอก”
    
ผมรีบตัดบทอยากให้จบเร็วเพราะผมรู้ว่าถ้าผมแสดงตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญรอบรู้เรื่องชาวบ้านมาก  แล้วตอบว่าเค้าท้องจริง ๆ ผมรู้ว่ามันจะต้องถามผมเลยเถิดไปอีกว่า 
    
“แล้วท้องกะใครวะ”
    
เรื่องแบบนี้ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วประเภทชอบสนใจ ยุ่งเรื่องชาวบ้าน ใครเค้าจะเป็นอย่างไร มันก็เรื่องสิทธิส่วนบุคคลเค้าสิ พวกนี้ชอบไปยุ่ง…..
    
หลังจากนั้นอีก ๓-๔ วัน เรื่องนี้ก็กลายเป็นหัวข้อสนทนากันอยู่ทุกกลุ่มในสังคม  
ผมได้รับคำถามจากคนรอบข้าง เพื่อนสนิท ที่รู้ว่าผมเป็นหมอและคาดหวังคำตอบจะเอา แบบโหรฟันธงจากผม  
มันน่าปวดหัวจริงๆ ครับ 
    
ผมบอกตามตรงเลยว่า ถ้าผมไม่รู้ประวัติทางการแพทย์ของผู้หญิงคนใดมาก่อน ไม่เคยเห็นสรีระมาก่อน ไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับประวัติการขาดของประจำเดือน หรือข้อมูลประกอบอื่นๆ หรือการเปลี่ยนแปลงสรีระของร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่สามารถบอกได้ว่าใครตั้งครรภ์  โดยเฉพาะในระยะอายุครรภ์     ๓ เดือนแรก 
    
ถ้าอายุครรภ์เกิน ๓ เดือนผมอาจจะคาดเดาเอาได้ ยกเว้นจะได้อยู่ใกล้ชิด และได้เห็นอาการที่ทำให้ชวนสงสัยว่าเป็นอาการแพ้ท้อง 
ผมว่าใครที่เก่งและบอกได้ น่าจะใช้การเดาเอามากกว่าเหมือนกับการโยนเหรียญ มีทางออกแค่ ๒ ทางครับโอกาสเดาถูก ๕๐ เปอร์เซ็นต์ 
ผมเองไม่ละความพยายามครับ อยากจะสำรวจเหมือนกัน ผมเลยข้ามไปร้านตัดผม ฝั่งตรงข้ามกับสำนักงานของผม ลองไปวิสาสะกับคนหลายๆ คน เผื่อจะได้ข้อสังเกตอะไรเพิ่มเติมมากขึ้น 
    
คำถามที่ผมลองสุ่มถามคือ พวกคุณๆ ทั้งหลายมีวิธีการสังเกตหรือไม่ ว่าผู้หญิงคนใดกำลังตั้งครรภ์อยู่ แม้นว่าจะไม่รู้จักกันมาก่อน เอาแค่การสังเกต จากภายนอกอย่างเดียว ลองมาดูคำตอบ และความเห็นที่ผมได้รับนะครับ
    
๑. พร – ผู้หญิง ช่างตัดผม อายุ ๔๒ ปี  
“หน้ามันจะบวม ถ้าท้อง ๔-๕ เดือน คอจะเต็ม สีหน้าจะเปล่งปลั่ง ถ้าใกล้ชิดก็ดูอาการเริ่มแพ้จะโทรม เดือน ๒ เดือนแรกจะดูโทรมมากซีดมาก” คุณพรเธอให้เหตุผล

๒. พี่ต๋อย – ผู้ชาย อายุราว ๔๕ ปี พาลูกมาตัดผม 
“ผมดูออกนะ แบบเมียผมท้อง ผมมีลูก ๒ คนแล้ว” แหงหละสิ เมียพี่เองขืนดูไม่ออกก็ไม่รู้จะพูดยังไง ผมได้แต่คิดในใจ  “เดือนสองเดือนดูไม่ออก พอ ๔ เดือนสะโพกจะผาย หน้าจะอิ่มหน้าจะเต็ม”

๓. โจ้ – อายุยังไม่ถึง ๓๐ ปี ช่างตัดผม 
“ถ้าท้องแรกเล็กๆ ดูไม่ออก ถ้าท้องโย้ใส่ชุดคลุมละ ดูออก” (โธ๋ พ่อโจ้ ถึงขั้นนี้ดูไม่ออกก็แย่แล้ว)

๔. คุณตุ่ม – แม่ลูกสามเป็นแม่บ้าน อายุ ๕๓ ปี 
บอกว่าให้ สังเกตกระเดือกจะเต้น อ้าวรายนี้ผมไม่เข้าใจ แกอธิบายต่อว่า “ตรงไหปลาร้า ตรงคอ มันจะเต้นตุ๊บๆ แรงกว่าปกติ” 
ฟังๆ ดู แล้วก็พอจะอธิบายได้นะ อันนี้ที่เต้นตุ๊บๆ หรือที่คุณตุ่มใช้ศัพท์ที่ว่าลูกกระเดือกมันเต้นน่ะ ผมเข้าใจเอาแบบแพทย์ คงจะเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ ผ่านลำคออยู่หลังลูกกระเดือกขึ้นไปเลี้ยงสมอง หัวใจในคนท้องคงจะเต้นแรงกว่าปกติ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ อันนี้เป็นไปได้นะที่คนเค้าใช้สังเกตกัน

๕. คุณเหมียว – อายุราว ๒๕ ปี 
“ถ้าท้องเดือน ๒ เดือนก็ไม่รู้ แต่ ๔-๕ เดือนรูปร่างเปลี่ยนไป ไม่ใช่อ้วนแบบคนธรรมดาทั่วไป จะอ้วนออกช่วงกลางตัว ถ้าเคยเห็นกันทุกวัน และเปลี่ยนไป เช่น ซูบซีด ยังงี้พอจะบอกได้”

๖. คุณเพ็ญ – เพื่อนเก่า ออนไลน์ คุยกันมาร่วม ๔ ปีแล้ว ยังไม่เคยเจอกัน เห็นหน้ากันจริงๆ เลย เป็นคุณแม่ลูกสอง จบอักษรศาสตร์ แถวสามย่านนู้น 
“๓ เดือนแรกท้องไม่ป่องดูไม่ออกหรอกแต่ดูว่าเค้า ซีดเซียว อาเจียนบ่อยๆ ก็น่าจะใช่ หลัง ๓ เดือนไปแล้วท้องป่อง พอสังเกตได้ ถ้าใกล้ชิดปิดไม่ได้แล้ว”
    
๗. พี่ติ๋ว  - อายุ ๕๐ ปี มีลูก ๒ คน 
เล่าว่าประสบการณ์จากที่เคยเห็นและตัวเองเคยท้องมาก่อน จะดูจากสรีระ  
    
“ถ้าแบบว่าท้องเดือนแรก อาจจะดู ไม่ออกถ้าเราไม่คุ้นเคยกับผู้หญิงคนนั้นมาก่อนดูยาก แต่ถ้า ๓ เดือนไปแล้วหน้าหน้าอกจะเริ่มนูน ก้นจะงอนย้อย คนโบราณ เค้าเปรียบเทียบ ท้องผู้หญิงมีสองแบบ คือ ท้องหมูกับท้องหมา ท้องหมูจะยื่นมากแม้อายุครรภ์จะน้อย แต่ท้องหมาจะยื่นน้อยสังเกตจากเรื่องนี้มันน่าจะเกี่ยวกับน้ำคร่ำมากหรือน้อยนะพี่ว่า” 
    
เออ อันนี้ฟังดูน่าสนใจนะครับ ในบางที ที่ท้องใหญ่มากๆ  แม่อาจจะเป็นเบาหวาน ระหว่างตั้งครรภ์ เด็กจะตัวโตกว่าปกติ หรือไม่ก็ ครรภ์แฝดนะครับ บางครั้งตัวเด็กเล็ก แต่น้ำคร่ำที่มาหล่อเลี้ยง ห่อหุ้มตัวเด็กเอาไว้มีมาก ครรภ์ก็ใหญ่ได้

๘. พี่มี – อายุ ๔๗ ปี ขายสเต็ก อยู่ติดกับออฟฟิศของผม มีลูกมา ๒ คน 
“ท้องอ่อนจะดูไม่ค่อยออกแต่พี่ดูท่าเดิน เวลาเดินท้องน้อยมันจะยื่นอันนี้ต้องสังเกต ก้นจะย้อย โดยเฉพาะในคนอ้วนจะดูง่ายกว่าคนผอม”

พี่มีพูดไปพลางใช้มือประกอบการพูดไป ผมดูไปแล้ว คล้อยตามไปด้วย แอ็กชั่นกิริยาของพี่มี ผมชอบมาก นอกจากจะทำสเต็กปลาอร่อยแล้วยังให้ข้อสังเกตดีๆ แก่ผมอีก

๙. เฮียณรงค์ -  อายุ ๔๓ ปี 
“ถ้าเกิน ๕ เดือนถึงจะรู้ ๒-๓ เดือน ดูยาก การแต่งกาย มันช่วยนะ ถ้าเกิน ๓ เดือน จะเดินช้าขาไม่ชิดกัน เดินแอ่นๆ เคลื่อนไหวช้า ก็เด็กมันช่วยเพิ่มน้ำหนัก สายรกอีก”
เฮียแก่อารมณ์ดีตลอดปี
    
๑๐. แม่บ้านอู๊ด – คนนี้ ผมชอบใจมาก เธอเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน เหลือหลาย พูดสำเนียงออกไปทางภาคอีสาน พูดไปหัวร่อไป มีลูก ๓ คน อายุ ๓๕ ปี กลางวันทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดร้านสะดวกซื้อที่ติดกับออฟฟิศของผม ตอนเย็นเธอจะไปเข็นรถขายลูกชิ้นปิ้ง เธอบอกว่าเธอดูรู้หมด 

“คือต้องมีส่อแววมันก็พูดไม่ถูกเน๊าะ หนูก็ว่าผู้หญิงคนนี้ อีนี่ มันท้องนะไม่รู้จะพูดยังไง หนูมองตูด มองนม ตูดมันจะห้อยๆ ก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่มันต้อง ๓ เดือน ท้องออก      ตูดออก นมออกนะ”
ผมคุยกะเธอเพลิน เธอยังเล่านอกเรื่องไปว่า เคยทำงาน เป็นพี่เลี้ยง เลี้ยงลูก ให้สองสามีภรรยาชาวเกาหลี เธอชมเปราะเลย 

“เจ้านายชาวเกาหลีที่หนูอยู่ด้วย ใจดีมาก เปิดแอร์ให้หนูนอนกะลูกเค้าเลย พักอยู่บนคอนโด ชั้นที่ ๓๙”
    
ผมเลยกระเซ้า เธอเล่นต่อว่า “แล้วเค้าใจดีเปิดแอร์ให้แม่บ้านนอนกับสามีเค้าป่าวหล่ะ “ เธอหัวเราะหน้าแดงกร่ำ ยิ่งกว่าถ่านไฟร้อนในเตาที่เธอกำลังปิ้งลูกชิ้นอยู่เลยหล่ะครับ
 
เป็นไงครับความเห็นของแต่ละท่านก็แตกต่างกันไป ผมก็สรุปในใจได้ว่าส่วนใหญ่ก็จะสังเกตแต่สรีระอย่างเดียวคงต้อง ท้องอย่างน้อย ๓ เดือนไปแล้ว และถ้ายิ่งได้ใกล้ชิดด้วยการดูอาการซีดเซียว อาการคลื่นเหียนอาเจียน ในระยะแรกๆ ของการตั้งครรภ์ก็คงจะทำให้ชวนน่าสงสัย… แต่การจะไปสังเกตเรื่องคนอื่น จะมีประโยชน์อันใดเล่า ผมมองเรื่องการตั้งท้องเป็นเรื่องของธรรมชาติ น่าจะมีประโยชน์มากกว่า ถ้าเราให้ข้อมูลกับคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อบ้าน ว่าที่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณป้า คุณลุง คุณน้า ทั้งหลาย ที่จะสังเกตลูกหลานในบ้าน การจะมีสมาชิกใหม่ในครอบครัวเพิ่มขึ้น ถือเป็นเรื่องมงคลในครอบครัว การสังเกตเพื่อให้รู้ก่อน จะได้เตรียมตัวได้ถูก ยิ่งว่าที่คุณแม่ ก็จำเป็นต้องเอาใจใส่ตัวเองมากขึ้น หรือไปฝากท้องแต่เนิ่นๆ คงจะเป็นประโยชน์ ผมเลยรวบรวมอาการหรือการสังเกตคนรอบข้างว่าตั้งครรภ์หรือไม่เป็นอาการเด่นที่จะแสดงตั้งแต่ระยะตั้งต้นของการตั้งครรภ์มาให้อ่านกันครับ

๑๐ สัญญาณ บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ !!!
**หมายเหตุ ผู้หญิงแต่ละคนจะมีสัญญาณบ่งบอกที่แตกต่างกันไป คุณไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณบ่งบอกนี้ครบทุกข้อนะครับ

๑. เต้านมและหัวนมมีการเปลี่ยนแปลง
หากคุณตั้งครรภ์ คุณจะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเต้านมและหัวนม ซึ่งจะเปราะบาง อ่อนไหว และมีความรู้สึกได้ง่ายขึ้นในระยะ ๓ เดือนแรกของการตั้งครรภ์         (หลังจากที่ประจำเดือนขาดประมาณ ๑ สัปดาห์) หรืออาจเกิดอาการบวม—คล้ายๆ กับอาการก่อนเกิดประจำเดือนที่หน้าอกใหญ่ขึ้น

๒. ประจำเดือนน้อยหรือกระปริดกระปอย
หากคุณตั้งครรภ์ ประจำเดือนอาจจะมาน้อยในช่วงที่มีการฝังตัวของไข่ในมดลูก และจะเกิดขึ้นประมาณ ๘-๑๐ วัน ก่อนที่ประจำเดือนปกติจะมา คุณสามารถแยกแยะจากประจำเดือนปกติได้ หากประจำเดือนมาก่อนกำหนด หรือหากประจำเดือนกระปริดกระปอย สีชมพูอ่อน และไม่ได้มาตามขนาดปกติ (ซึ่งอาจจะมามาก)

๓. บริเวณรอบหัวนมคล้ำขึ้น
ในการตั้งครรภ์ เมื่อถึงระยะเวลาที่รอบเดือนควรจะมา คุณจะสังเกตเห็นบริเวณรอบหัวนม (ที่เป็นวง) จะคล้ำขึ้นและขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยให้ทารกสามารถสังเกตเห็นหัวนมได้ง่ายขึ้นในการดูดนมมารดา และอาจจะยังสังเกตเห็นหลอดเลือดบริเวณรอบๆ เต้านมชัดขึ้น ตุ่มที่บริเวณรอบหัวนมก็จะมีมากขึ้น อาจจะมากถึง ๔-๒๘ ในรอบหัวนมหนึ่งๆ

๔. เหนื่อยง่ายขึ้น
อาการเหนื่อยได้ง่ายนี้จะเกิดขึ้นในระยะ ๘-๑๐ สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เมื่อคุณตั้งครรภ์กระบวนการเผาผลาญพลังงานจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับการปรับตัวเพื่อให้กำเนิดอีกชีวิตหนึ่ง โดยมากแล้วอาการนี้จะหายไปในสัปดาห์ที่ ๑๒ ครับ

๕. อาการแพ้ท้องและอาเจียน
อาการนี้อาจเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ หลังจากตั้งครรภ์ ซึ่งจะเกิดอาการเวียนศีรษะ อาการนี้มักเป็นอาการที่เข้าใจผิดได้บ่อยๆ ว่าอาจจะไม่ใช่เกิดจากการตั้งครรภ์แต่เป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอหรืออะไรก็ตามแต่ อาการแพ้ท้องนี้เกิดได้ตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน

๖. ปัสสาวะบ่อยขึ้น
ในระยะที่ประจำเดือนขาด ๑-๒ สัปดาห์คุณก็จะพบว่าคุณปัสสาวะบ่อยขึ้น บ่อยกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากทารกกำลังเติบโตอยู่ในมดลูกและกดทับกระเพาะปัสสาวะนั่นเอง

๗. ท้องผูก
คุณจะสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลำไส้ตั้งแต่แรกเริ่มตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์จะทำให้ระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลงและมีประสิทธิภาพน้อยลง

๘. อุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้น
คุณอาจจะยังรู้สึกเป็นปกติดีตราบเท่าที่ระดับอุณหภูมิยังคงอยู่ในช่วงการประเมินการ แม้จะผ่านช่วงเวลาของการมีประจำเดือนมาแล้ว และเมื่อคุณตั้งครรภ์ ไข่จะตกจากรังไข่ และใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการเดินทางไปถึงมดลูก ซึ่งจะเป็นการไปฝังตัว และในเวลานี้เองที่ร่างกายของคุณจะรู้ได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น

๙. ประจำเดือนขาด
นี่อาจเป็นสัญญาณแรก โดยเฉพาะถ้าปกติประจำเดือนคุณมาสม่ำเสมอ เมื่อรวมกับสัญญาณอื่นๆ แล้วคุณก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่ากำลังตั้งครรภ์ แม้แต่ก่อนทำการตรวจด้วยซ้ำไป

๑๐. ผลจากการทดสอบการตั้งครรภ์
แม้เพียงประจำเดือนขาดไป ๑ วัน และคุณพร้อมที่จะรับรู้ความจริง ก็สามารถไปซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์มาทดสอบเองได้ที่บ้าน การทดสอบจากปัสสาวะจะมีความแม่นยำมากขึ้นหากตรวจหลังจากปฏิสนธิได้ ๑๐-๑๔ วัน หากคุณไม่สามารถรอจนถึงกระทั่งช่วงที่ประจำเดือนขาด การตรวจเลือดจะมีความแม่นยำ ในช่วง ๘-๑๐ วันหลังจากปฏิสนธิ และคิดอยู่เสมอว่าไม่มีการทดสอบใดที่ได้ผลถูกต้อง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แม้แต่การตรวจเลือด หากคุณตรวจแล้วมีผลว่าไม่ตั้งครรภ์แต่คุณยังรู้สึกเหมือนกับว่าคุณตั้งครรภ์ ให้ตรวจอีกครั้งหลังจากนั้น ๑ สัปดาห์
    
ขอแสดงยินดีกับคุณแม่ที่ตั้งท้องสมกับความตั้งใจ ท่านอาจจะเกิดอาการบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางท่านอาจจะกังวลว่าอาการดังกล่าวจะมีผลต่อตัวคุณแม่หรือลูกอาการต่างๆ ทีพบได้มีดังนี้
     - อาการแพ้ท้อง
     - การเปลี่ยนแปลงทางเต้านม
     - อาการปวดหลัง
     - ปัสสาวะบ่อย
     - อาการปวดท้องน้อย
     - อาการปวดศีรษะ
     - ริดสีดวงทวาร
     - อาการจุกเสียดแน่นท้อง
     - นอนไม่หลับ
     - ตะคริว
     - อาการเหนื่อยหอบ
     - การเปลี่ยนผิวหนังในคนท้อง
     - อาการบวมและเส้นเลือดขอด 
 
อาการแพ้ท้อง 
มักเป็นกันมากในหญิงมีครรภ์ที่เป็นครรภ์แรก ซึ่งมักจะเป็นในช่วง ๓ เดือนแรก ด้วยความเป็นกังวลที่ทำให้มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย แปรปรวนและหงุดหงิดค่อนข้างง่าย หากผู้ใดที่อยู่ใกล้ไม่มีความเข้าใจมักเกิดความรำคาญหรือว่ากล่าวอันเป็นเหตุให้คุณแม่มือใหม่เกิดอาการเครียดขึ้นมาได้ 
    
อาการต่างๆ ที่เป็นกันมากมักมีดังนี้ คลื่นไส้อาเจียนตอนเช้าๆ หรือตอนกลางวัน อ่อนเพลียหรือเบื่ออาหาร ร่างกายซูบซีดอิดโรย ตัวดำ หรือเหลืองซีด น้ำหนักตัวลด อาการนี้สามีอาจมีอาการร่วมด้วย ที่เราเรียกว่า แพ้ท้องแทนเมีย นั่นเอง ซึ่งถ้าปล่อยให้อาการเหล่านี้เป็นมากเป็นบ่อย อาจส่งผลกระทบถึงทารกที่กำลังจะคลอดออกมาตัวอาจเล็กลง และเป็นโรคขาดสารอาหารได้ หรืออาจจะคลอดออกมาก่อนกำหนด อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาเจียนคลื่นไส้มากคือ ร่างกายแม่รับทานอาหารน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายรับสารอาหารได้ไม่เพียงพอ ปฏิกิริยาต่างๆ ที่กล่าวมาจึงเกิดขึ้นได้
    
ผมมีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับสตรีมีครรภ์ดังนี้ นะครับ
     ๑. พยายามอย่าให้ท้องว่าง โดยทานอาหารอยู่เสมอแต่ทานทีละน้อยๆ แต่บ่อยๆ หรือมีลูกอมเปรี้ยวหวานไว้ติดตัวเสมอ
     ๒. ตอนเช้าควรดื่มน้ำนมอุ่นๆ หรือน้ำสุกอุ่นๆ เสมอ
     ๓. ให้ระมัดระวังควบคุมอารมณ์อย่าให้ฟุ้งซ่าน จะเรียกว่า "เอาธรรมะเข้าข่ม" ก็ได้ พึงระลึกไว้เสมอว่า ในท้องของเรายังมีอีกชีวิตหนึ่งสามารถรับรู้ทุกสิ่งอย่างที่แม่ของเขาได้รับเสมอ
     ๔. ละลายยาหอมสำหรับสตรีมีครรภ์ให้กินเพื่อแก้อาเจียน หรือกินวิตามินบำรุงจำพวกวิตามินรวม วิตามินบี ๑๒ และบี ๑ แต่ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์นะครับอันนี้
     ๕. ยาสมุนไพรบำรุงครรภ์ นอกจากยาหอมแล้ว ถ้าอาเจียน ให้ใช้ลูกยอเผาไฟให้สุก (แต่อย่าให้เป็นถ่าน) เอาแช่น้ำให้น้ำออกสีเหลืองๆ เอาเป็นน้ำกระสายละลายยาหอมได้ หรือใช้ดอกบัวหลวงผสมน้ำมะพร้าวอ่อนต้มเพื่อบำรุงครรภ์ได้ หรืออาจจะกินแต่น้ำมะพร้าวอ่อนก็ได้เช่นกัน 
    
คุณแม่มากกว่าครึ่งจะมีอาการแพ้ท้อง บางคนแพ้มาก บางคนแพ้น้อย  คนที่แพ้น้อยๆ อาจมีแค่เหม็นอาหารนิดหน่อยวิงเวียนคลื่นไส้เล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับอาเจียน ส่วนคนที่เป็นมากบางทีแทบต้องนอนกอดชักโครก  โงหัวขึ้นมาทีไรต้องอาเจียนทุกทีบางคนก็เกิดอาการเหม็นน้ำลายตัวเอง กลืนน้ำลายไม่ได้เลย  ไปไหนก็ต้องถือถุง ต้องบ้วนน้ำลายอยู่ตลอดเวลา  น้ำลายของตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมดันกลืนไม่ลง 
           
อาการแพ้ท้องไม่ได้เกิดขึ้นทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์นะครับ ช่วงแรกหลอกให้ดีใจไปก่อน จะมาเริ่มแพ้เมื่อประจำเดือนขาดหายประมาณ ๒ สัปดาห์ หรือถ้านับแบบหมอซึ่งเริ่มเมื่อประจำเดือนมาวันแรก ก็จะเริ่มแพ้เมื่ออายุครรภ์ ๖ สัปดาห์ แล้วแพ้หนักขึ้นเรื่อยๆ ไปหนักสุดในช่วงสัปดาห์ ๙ หลังจากนั้นจะเริ่มดีวันดีคืนจนหายแพ้ตอนอายุครรภ์ ๑๔ สัปดาห์ แต่ก็มีคุณแม่บางคนนะครับที่แพ้ท้องนิดๆ หน่อยๆ ไปจนคลอด

การดูแลตัวกรณีที่อาการไม่มาก
     - กินอาหารว่างที่มีโปรตีนสูง
     - งดอาหารที่มีไขมันหรือใยอาหารสูง กินอาหารที่มีแป้งสูง
     - ให้กินอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ
     - ให้กินอาหารบนเตียงตอนตื่นนอนเนื่องจากการเคลื่อนไหวจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน
     - เลือกกินอาหารที่มีรสดี
     - อย่าให้ท้องว่างเพราะท้องว่างจะทำให้เกิดคลื่นไส้อาเจียน
     - หลีกเลี่ยงกลิ่นฉุนๆ
     - งดดื่มน้ำผลไม้ กาแฟ แอลกอฮอล์ระหว่างกินนอาหาร
     - ดื่มน้ำขิงอาจจะบรรเทาอาการ อันนี้มีผลงานการวิจัยของฝรั่งเค้าด้วยนะครับ
     - ถ้ามีอาการมากน้ำหนักตัวลดมาก แพทย์จะให้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ให้น้ำเกลือเพื่อแก้คลื่นไส้อาเจียน 
    
ข้อมูลทั้งหมดที่ผม เล่า รวบรวม เรียบเรียงมาให้ได้อ่านกัน น่าจะมีประโยชน์ มากกว่าในการใช้สังเกต ตัวเอง หรือคนรอบข้างที่คุณรัก นะครับ ดีกว่าจะไป สังเกต คนอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องของเรา 
    
ให้มองการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องของธรรมชาติ และเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล น่าจะเป็นเรื่องที่ดี เป็นมงคลกว่า การวิพากษ์วิจารณ์ ผู้อื่นในทางเสียหายนะครับ
 

ข้อมูลสื่อ

321-006
นิตยสารหมอชาวบ้าน 321
มกราคม 2549
ด็อกเตอร์แซน