• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ควรตั้งศูนย์การแพทย์แผนไทยทุกชุมชน

ปีนี้ประเทศไทยจะเสียค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพประมาณ ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ค่า- ใช้จ่ายนี้เพิ่มขึ้นด้วยอัตราประมาณ ๑๖ เปอร์เซ็นต์ต่อปี เป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน เงินจำนวนนี้เสียเป็นค่าหยูกยาและเทคโนโลยีจากต่างประเทศเสียเป็นจำนวนมาก อะไรที่จำเป็นต้องเสียเพื่อรักษาชีวิตคนไทยก็คงต้องยอม แต่ส่วนใหญ่ที่เสียไม่จำเป็นและไม่คุ้มค่า หมอชาวบ้านลองไปหาตัวเลขมาเสนอผู้อ่านสิว่าปีหนึ่งๆ เราสั่งยาถ่ายเข้ามาจากต่างประเทศกี่ตัน ทำไมแค่เอาอุจจาระออกจากท้องคนไทย เราต้องเอาเงินไปให้ต่างประเทศ ในขณะที่เรามีพืชที่จะมาทำยาระบายได้มากมาย เช่น ใบมะกา แก่นขี้เหล็ก ฝักราชพฤกษ์ มะขามแขก ฯลฯ

ขมิ้นชันนั้นใช้เป็นยาแก้ปวดท้องได้ผลมากกว่า ยาลดกรดและอาจจะป้องกันมะเร็ง ได้ด้วย ครีมพญายอใช้สำหรับโรคเริม และงูสวัดได้ดีกว่ายาฝรั่งที่ดีที่สุดและแพงที่สุดสำหรับโรคนี้ ฯลฯ

ควรมีการตั้งศูนย์การแพทย์แผนไทยทุกตำบล โดยรัฐบาลไม่ต้องเสียงบประมาณเลย ศูนย์นี้เป็นของชุมชน เริ่มต้นสามารถให้บริการ ๓ อย่างคือ
๑. นวดแผนไทย
๒. ประคบด้วยสมุนไพร
๓. ขายยาสมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์จริงสัก ๒๐-๓๐ ชนิด
การนวดไทยนั้นถ้าทำให้สะอาดและประณีตจะมีผู้นิยมมาก นวดแล้วสบาย คลายเครียด ความดันลด ลดการต้องใช้ยา คนตาบอดก็ฝึกเป็นหมอนวดได้ เป็นการสร้างงานด้วย คนเราก็มีปวด แข้งปวดขา หลัง ไหล่ ข้อ เป็นธรรมดา ใช่ว่าจะต้องไปกินยาฝรั่งเสียหมด การประคบด้วย สมุนไพรก็ทำให้ทุเลาและหาย

ถ้ามีศูนย์การแพทย์แผนไทยทุกชุมชน จะทำให้สะดวกสบาย โรงพยาบาลไม่แน่นอย่างทุกวันนี้ ประหยัดเงินที่ต้องรั่วไหลออกนอกประเทศ เพิ่มรายได้ให้ชุมชน และเพิ่มความเป็นป่าให้ประเทศไทย จากการปลูกสมุนไพรเป็นร้อยๆชนิด รวมทั้งคิดส่งสมุนไพรเป็นสินค้าขาออกด้วย

การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรจึงเป็นการพัฒนาอย่างเชื่อมโยงเป็นบูรณาการ ทั้งเศรษฐกิจ จิตใจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพพร้อมกันไป การพัฒนาอย่างเชื่อมโยงจึงจะเกิดความสมดุลและยั่งยืน การพัฒนาแบบแยกส่วนนำไปสู่การเสียสมดุลและวิกฤติ

ข้อมูลสื่อ

231-001
นิตยสารหมอชาวบ้าน 231
กรกฎาคม 2541
ศ.นพ.ประเวศ วะสี