• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ทําผิวสีแทนดีจริงหรือ?

เคยเห็นชาวไร่ชาวนาสมัยก่อน และแม้สมัยปัจจุบัน เมื่อออกไป ทำไร่ไถนา โดยเฉพาะผู้หญิงจะพันหน้าพันมือใส่เสื้อแขนยาว นุ่งผ้าถุงยาว คลุมหน้าคลุมตัวไม่ให้แสงแดดกระทบ ทำให้ผิวของเขาเหล่านั้นขาวสวยอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับคนงานก่อสร้างในเมือง หรือคนงานตัดหญ้าที่ทำงานกลางแดดมักจะ ใส่หมวก “ไอ้โม่ง” คลุมหน้าตา ไม่ให้แดดโดนผิว หรือแม้นักกอล์ฟบางคนจะใส่เสื้อแขนยาวกันแดด

แต่มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง พยายามทำให้ผิวของตัวเองเป็นสีน้ำตาล สีแทน เป็นสีนิยมกันในผู้มีอันจะกินหรือวงไฮโซ โดยเฉพาะที่ได้กลิ่นอายมาจากต่างประเทศ
บางคนอยากจะได้สีแทนเร็ว จึงไปเข้าคลินิกหรือสถานบำรุงสุขภาพที่ทำให้เกิด “ผิวสีแทนทันใจ” หารู้ไม่ว่านั่นแหละตัวอันตราย

ร.ศ.น.พ.วินเซนต์ เดอลีโล ภาควิชาตจวิทยา โรงพยาบาล เซนต์ลุกซ์ นิวยอร์ก กล่าวว่า “การเข้าซาลอนหรือสถานบำรุงสุขภาพ เพื่อทำให้ผิวเป็นสีแทนนั้น แม้เพียงแค่ ๑๕-๓๐ นาที ก็ไม่ปลอดภัยเลย เพราะแสงอัลตราไวโอเลต เอ นี้เป็น การฉายรังสีชนิดหนึ่ง ที่จริงอาจกระตุ้นทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาและทำให้มะเร็งโตขึ้นได้” ยิ่งร้ายกว่านั้น แสงรังสีที่ทำให้ผิวเป็นสีแทนนั้น สามารถแผดเผาผิวหนัง ตา และเปลี่ยนแปลงระบบภูมิต้านทาน (ติดโรคง่าย, แพ้ง่าย) แล้วยังทำให้ผิวหนังแก่ก่อนวัย และทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมาได้

นอกเหนือจากนั้น การทำให้ผิวสีแทน ทำให้เกิดผิวหนังไวต่อแสงมากขึ้น รวมทั้งการเกิดปฏิกิริยากับแสงเมื่อกินยาบางอย่าง และทำให้เกิดผิวพุพองที่เรียกว่า “พิษจากแสงแดด”

เพราะฉะนั้นปล่อยให้สีผิวหนัง เป็นสีธรรมชาติจะดีกว่า ดีกว่าไปอาบแดด, ตากแดด, อบผิวในซาลอน หรือสถานบำรุงสุขภาพ อะไรต่อมิอะไร ผิวจะเสียเปล่าๆ แถมจะเร่งให้เป็นมะเร็งเร็วขึ้นเท่านั้น น.พ.อำนาจ บาลี

เมื่อนกเขาไม่ขัน อย่าลืมตรวจเช็กหัวใจ
งานวิจัยชิ้นใหม่พบว่า ภาวะนกเขาไม่ขันอาจเป็นอาการเริ่มแรกอย่างหนึ่งของโรคหัวใจได้
ผู้ชายที่มีปัญหานกเขาไม่ขัน จึงควรทำการตรวจเช็กโรคหัวใจดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีพ่อแม่ญาติพี่น้องเป็นโรคหัวใจอยู่ด้วย
งานวิจัยชิ้นนี้ได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมประจำปีของสมาคมศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะแห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆนี้ โดยนายแพทย์ จอห์น มัลฮาลล์ แห่ง Loyala University Medical Center
ผู้วิจัยได้ทำการศึกษาชายอายุ ๓๕-๕๕ ปี จำนวน ๔๒ ราย ที่มี ปัญหานกเขาไม่ขัน เนื่องจากองคชาตขาดเลือดไปเลี้ยง พบว่ามีความผิดปกติของหัวใจร่วมด้วย ทั้งๆที่ไม่มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย (นอกจากอาการนกเขาไม่ขัน)
ท้ายที่สุด ผู้วิจัยได้ให้แง่คิดว่า
“การค้นพบนี้ บ่งบอกเราว่า ทำไมผู้ชายที่มีอาการนกเขาไม่ขันจึงควรตรวจเช็กสุขภาพอย่างละเอียด มากกว่าการหาซื้อยาเวียกรามารักษา” น.พ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ ข่าว CNN ในอินเตอร์เนต

ข้อมูลสื่อ

232-004-2
นิตยสารหมอชาวบ้าน 232
สิงหาคม 2541
เรารักสุขภาพ