• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ฝ้า

ฝ้า

รอยสีดำที่เกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้านั้น ย่อมไม่เป็นที่พึงปรารถนาของสุภาพสตรีที่รักความสวยงามทั้งหลาย ทุกคนย่อมอยากมีใบหน้าที่ขาวเกลี้ยงปราศจากไฝฝ้า แต่การเปลี่ยนแปลงของผิวไปตามวัยและสภาพแวดล้อมบางครั้งก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผิวย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา ผิวของผู้ใหญ่ย่อมไม่เรียบเกลี้ยงบางใสเหมือนผิวเด็กอ่อน เมื่อวัยเปลี่ยนไปผิวที่เคยเกลี้ยงก็เริ่มจะมีริ้วรอย มีไฝฝ้า จุดด่างจุดดำเกิดขึ้น ซึ่งจะมีมากหรือน้อยนั้นต่างกันไปในแต่ละคน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ สภาพเศรษฐกิจสังคมและอาชีพของผู้นั้น

รอยฝ้าเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะเป็นชนิดรอยสีน้ำตาลบริเวณแก้มทั้ง ๒ ข้าง บริเวณที่พบรองลงไปคือ ปลายจมูก(บริเวณหนวด) หน้าผาก เหนือคิ้ว อาจลามไปถึงบริเวณคอและแขนด้านนอกเซลล์สีดำที่ทำให้เห็นเป็นฝ้าเกิดขึ้นที่ผิวระดับต่างกันคือ ระดับผิวชั้นนอกและชั้นลึก ฝ้าเกิดขึ้นได้ทั้งหญิงและชาย แต่พบในหญิงมากกว่า

จะเห็นว่าบริเวณที่เป็นฝ้า คือบริเวณผิวที่ถูกแสง พบว่าแสงเป็นสาเหตุสำคัญที่เกิดฝ้า ผู้ที่ตากแดดเป็นประจำเช่นมีอาชีพทำงานกลางแจ้ง เช่น ชาวนา ชาวไร่ หรือผู้ที่นิยมการเล่นกีฬากลางแจ้ง  เช่น เทนนิส  กอล์ฟ พบเป็นฝ้ามาก สาเหตุสำคัญรองลงมาคือการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย จึงพบฝ้าในคนตั้งครรภ์หรือคนที่กินฮอร์โมนเพื่อคุมกำเนิดหรือเพื่อการรักษาโรคอื่นๆ ก็ตาม

เครื่องสำอางบางชนิดใช้แล้วทำให้หน้าดำ เคยมีผู้รายงานว่าสาวญี่ปุ่นซึ่งนิยมใช้เครื่องสำอางกันมาก มีผู้สังเกตเห็นว่าหน้าเป็นรอยดำหลังจากใช้เครื่องสำอางบางชนิด แพทย์ได้ทำการวิจัยเครื่องสำอางที่ใช้แล้วพบว่า สาเหตุที่ทำให้หน้าดำ คือน้ำหอมที่ผสมอยู่ในครีมแต่งหน้า ซึ่งทำให้หน้าดำเมื่อถูกแสงแดด แต่บางชนิดถึงแม้ไม่ถูกแสงแดดก็ทำให้ผิวดำได้ สารน้ำหอมมีส่วนผสมของสารเคมีหลายชนิด บางส่วนกลั่นมาจากพืชซึ่งเมื่อใช้ทาบนผิวแล้วไปโดนแดดจะมีปฏิกิริยาที่เซลล์สีของผิวหนังเกิดสีดำเข้มขึ้น เครื่องสำอางประเภทสมุนไพรหรือสบู่บางชนิดมีสารประเภทเดียวกันนี้ปนอยู่ด้วย เมื่อใช้แล้วทำให้เกิดปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน กรรมพันธุ์ก็มีส่วนในการเกิดฝ้าเพราะบางคนไม่เคยตรากตรำถูกแดดถูกลม อยู่แต่ในร่มก็อาจเป็นฝ้าได้จากกรรมพันธุ์ โดยเฉพาะเมื่อมีอายุมากขึ้น

คนส่วนใหญ่เป็นฝ้าชนิดผิวเผินซึ่งอาจรักษาให้หายได้ง่ายกว่าชนิดลึก เมื่อรู้ตัวว่าเป็นฝ้าสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงเป็นอันดับแรกคือ แสงแดด หากมีความจำเป็นต้องตากแดดก็ต้องหาทางป้องกัน ได้แก่ การกางร่ม ใส่หมวก ใส่เสื้อที่ปกปิดมิดชิด กล่าวคือเสื้อแขนยาวปิดแขน ปิดคอ ครีมหรือน้ำยากันแดดก็อาจช่วยได้บ้าง

อันดับต่อไปคือ หาสาเหตุและหลีกเลี่ยง เช่น เครื่องสำอาง น้ำหอม สบู่ หรือหยุดกินยาประเภทฮอร์โมน เมื่อรู้สาเหตุและหลีกเลี่ยงได้แล้วมิใช่ว่าสีคล้ำนั้นจะหายได้ในเวลารวดเร็ว และค่อยๆ จางซึ่งใช้เวลานาน บางรายอาจไม่จางถ้าไม่ใช้ยาช่วย ตัวยาที่นิยมใช้เป็นยาฟอกสี ได้แก่ ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน ๒-๓ เปอร์เซ็นต์ พึงระวังอันตรายจากครีมประเภทนี้ด้วย บางชนิดใช้ความเข้มข้นสูงเกินมาตรฐานอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ทำให้หน้าแดงหรือหน้าดำมากขึ้นอีก หรืออาจเกิดเป็นจุดด่างขาว บางชนิดมีส่วนผสมของสตีรอยด์ ซึ่งเมื่อใช้ไปแล้วทำให้เกิดสิว เกิดผิวหน้าบางตึงเห็นรอยเส้นเลือดฝอยใต้ผิว และทำให้หน้าแดงจัดดูไม่สวยจึงไม่ควรใช้ชนิดแรงเกินไปเพราะจะต้องใช้ยาเป็นเวลานานทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย ยาประเภทกรดไวตามินเอมีฤทธิ์ทำให้ผิวลอก อาจพบเป็นส่วนผสมในครีมลอกฝ้าบางชนิด ฤทธิ์แทรกซ้อนคือ ผิวแห้งตึงและลอกเป็นขุย

ส่วนสารปรอทที่เคยนิยมนำมาใช้เป็นครีมทาผิวหน้าให้ขาวนวลปัจจุบันนิยมใช้น้อยลงเนื่องจากผู้ใช้รู้จักอันตรายจากสารปรอทมากขึ้น และเมื่อใช้ไปนานๆ จะทำให้หน้าดำคล้ำลงด้วย จะเห็นว่า ตัวยาที่แรงเกินไปมีฤทธิ์แทรกซ้อนมากและเมื่อหยุดยาอาจกลับเป็นมากขึ้นกว่าเดิม หากมีความจำเป็นควรใช้ชนิดอ่อนเพราะจะต้องใช้ยาเป็นเวลานาน เนื่องจากฝ้าเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด

 

                              ****************************************************

 

ข้อมูลสื่อ

205-007
นิตยสารหมอชาวบ้าน 205
พฤษภาคม 2539
ผิวสวย หน้าใส