• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

วิธีแก้ทุกข์จากวิกฤติเศรษฐกิจ

วิธีแก้ทุกข์จากวิกฤติเศรษฐกิจ


ขณะนี้คนไทยกำลังมีความทุกข์ถ้วนหน้าจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ การไม่มีงานทำ การถูกให้ออกจากงาน ภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นราคา ข้าวของแพงขึ้น หุ้นตก ที่ดินและคอนโดขายไม่ออก เป็นหนี้ไม่มีทางใช้หนี้ บริษัทไฟแนนซ์ต้องถูกปิดกิจการ กลัวธนาคารล้ม ฯลฯ เกิดสภาวะตระหนกตกใจ ขวัญผวา เครียด คับข้องใจ วิตกกังวล นี้คือสภาพความทุกข์ถ้วนหน้าที่กำลังเกิดขึ้นซึ่งต้องหาทางแก้ไข ซึ่งอาจจะพบวิธีแก้ไขต่างๆกัน ใครค้นพบวิธีการแก้ไขดีๆ จะสื่อมาที่หมอชาวบ้านเพื่อแบ่งปันบ้างก็จะเป็นประโยชน์ เพราะหมอชาวบ้านคือเพื่อนร่วมทุกข์ของท่าน ผมมีข้อเสนอแนะบางประการดังต่อไปนี้

๑. อย่าเพิ่งฆ่าตัวตาย ไม่มีความทุกข์อะไรที่มนุษย์ทนไม่ได้ ฉุกเฉินที่สุด ก็คือ อย่าเพิ่งฆ่าตัวตาย ต้องทราบอย่างหนึ่งว่าไม่มีความทุกข์อะไรที่มนุษย์ทนไม่ได้ เมื่อเผชิญความทุกข์หนักที่ปัจจุบันทันด่วนและมองไม่เห็นทางออก ผู้มีความทุกข์จะรู้สึกว่าทนไม่ได้ เหมือนฟ้าจะถล่มโลกจะทลาย ความรู้สึกว่าทนไม่ได้และมองไม่เห็นทางออกอาจทำให้ฆ่าตัวตาย ถ้าทราบความจริง (ปัญญา) และระลึกรู้ (สติ)ว่า ไม่มีความทุกข์อะไรที่มนุษย์ทนไม่ได้ ไม่ว่าความทุกข์นั้นจะใหญ่เท่าฟ้าเท่าแผ่นดินเพียงใด เพราะความทุกข์เป็นอนิจจัง คือ จะแปรผันไปไม่คงทนอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ จิตใจของเราก็เป็นอนิจจัง เมื่อเวลาผ่านไป ความทุกข์ก็เปลี่ยน จิตใจก็เปลี่ยน ความทุกข์จะไม่อยู่กับเราตลอดไป เพราะความเป็นอนิจจังนั้นเอง ฉะนั้นต้องให้เวลากับความเป็นอนิจจัง อย่าเพิ่งฆ่าตัวตาย ไม่มีความทุกข์อะไรที่มนุษย์ทนไม่ได้

๒. ร่วมทุกข์กันแล้วทุกข์จะลดลงหรือหมดไป ถ้ามีการร่วมทุกข์กัน ความทุกข์จะลดลงหรือหมดไป นี้เป็นหลักทางพุทธศาสนา และนักปราชญ์ต่างๆ ได้ค้นพบ คนขับรถในกรุงเทพฯ ฟัง จส.๑๐๐ ก็ไม่หายรถติด แต่ความทุกข์ลดลงเพราะทราบว่าคนโน้นก็ติด คนนี้ก็ติด ไม่ใช่เราคนเดียว มีการร่วมทุกข์กัน ท่านมหาตมคานธีสอนว่ายามใดที่คุณมีความทุกข์จนรู้สึกว่าทนไม่ได้ ให้นึกถึงใบหน้าของคนที่จนที่สุดที่ลำบากที่สุดแล้วความทุกข์ของคุณจะหายไป ขณะนี้มีคนทุกข์ทั้งแผ่นดินไม่ใช่เราคนเดียว ขอให้ไปเยี่ยม ไปพูดคุยเห็นอกเห็นใจ พยายามช่วยเหลือคนที่มีความทุกข์ด้วยประการต่างๆ เช่น คนจน เด็กกำพร้า คนเป็นเอดส์ คนเป็นมะเร็ง ฯลฯ ความทุกข์ของเราจะลดลงหรือหมดไปเลย

การร่วมทุกข์ควรจะนำมาเป็นทิศทางใหญ่ของสังคมไทย และสังคมโลก ที่แล้วมาเราทอดทิ้งกัน แข่งขันเอาเป็นเอาตายกันและทำร้ายกัน เพื่อจะแสวงหาเงิน การเอาเงินเป็นตัวตั้งทำให้เกิดความเครียด สิ่งที่ใหญ่กว่าเงิน คือ การดำรงชีวิตร่วมกันด้วยความเห็นอกเห็นใจ และมีความเอื้ออาทรต่อกัน ถ้าวิกฤติเศรษฐกิจคราวนี้ทำให้คนไทยเกิดสัมมาทิฐิว่าการมีชีวิตด้วยความเอื้ออาทรต่อกันคือความสุขความเจริญแล้วไซร้ ก็จะเป็นการยกระดับสติปัญญาอย่างสำคัญ

๓. การรวมกลุ่ม เป็นประชาสังคม (Civil Society) การรวมกลุ่มจะทำให้ความทุกข์ลดน้อยลง และประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหา ฉะนั้นอย่าอมทุกข์อยู่คนเดียว แต่หาเพื่อนที่ถูกใจกันเป็นกลุ่มๆ ละ ๕-๖ คน ๒๐ คน ปรึกษาหารือกัน พยายามแก้ปัญหาร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกัน มีความเอื้ออาทรต่อกัน การมีกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม เรียกว่า มีความเป็นชุมชน ความเป็นชุมชนควรจะเกิดในครอบครัวในชุมชน ในวัด ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ในที่ทำงาน และในสังคมทั่วไป ความเป็นชุมชนจะช่วยให้สมาชิกมีความสุขอย่างกับบรรลุธรรมะและมีความสำเร็จสูง พระสงฆ์ควรแนะนำประชาชนด้วยอปริหานิยธรรม ซึ่งเป็นธรรมะแห่งความเป็นชุมชน เช่น ที่ว่า

(๑) หมั่นประชุมกันเป็นเนืองนิตย์

(๒) พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม พร้อมเพรียงกันกระทำกิจที่พึงทำ การประชุมและพร้อมเพรียงกันกระทำกิจที่พึงทำ ช่วยให้เกิดความเป็นชุมชม การมีความเป็นชุมชนจะเป็นภูมิคุ้มกันความทุกข์ความไม่ดีต่างๆ สังคมที่มีความเป็นชุมชนมากเรียกว่า มีความเป็นประชาสังคม (Civil Society) ความเป็นประชาสังคมจะช่วยให้เศรษฐกิจดี การเมืองดี ศีลธรรมดี และมีความสุข

๔. การบริหารกายและบริหารจิต การบริหารกายและบริหารจิตจะลดความเครียดและความทุกข์ ถ้าจับเจ่าจมอยู่ในความคิดจะเครียดมากทุกข์มาก ควรออกกำลังกายให้มาก จะเป็นวิ่ง เดินทางไกล ว่ายน้ำ กายบริหารก็ได้ ควรเดินไปทำงานกันให้มากขึ้น ระยะทางที่เดินไปถึงได้ภายใน ๓๐-๔๕ นาที ถ้าเดินจะช่วยให้รถติดน้อยลง ประหยัดน้ำมัน และได้สุขภาพ การเดินได้เห็นผู้คนตามท้องถนน ตามสลัม ความทุกข์ของเราจะลดลง เพราะมีเพื่อนร่วมทุกข์มาก อาจนัดกันเป็นกลุ่ม (ตามข้อ๓) ชวนกันไปออกกำลัง

๕. ใช้วิกฤติมาทำให้เกิดปัญญา ประโยชน์ของความทุกข์คือทำให้เกิดปัญญา ถ้าไม่เข้าใจการแก้ทุกข์ให้เป็นประโยชน์ ความทุกข์จะทำให้ทรุดโทรม เจ็บป่วยหรือฆ่าตัวตาย แต่ควรถือหลักอย่างหนึ่งว่าวิกฤติคือโอกาส เมื่อมีปัญหา เคราะห์ร้าย หรือวิกฤติ พยายามใช้เป็นโอกาสพลิกร้ายให้เป็นดีเสมอ ถ้าหัดทำอย่างนี้ไว้เสมอๆ ก็จะไม่กลัวปัญหา เพราะถ้ามีปัญหาก็ใช้เป็นโอกาสพลิกไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเก่า แต่ความที่รู้ว่าเป็นโอกาสก็จะทำให้ทุกข์น้อยลงด้วย

ที่จริงสังคมไทยกำลังดำเนินไปในทางที่มีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยากที่ผู้คนจะมีปัญญามองเห็น จากการเกิดวิกฤติคราวนี้ ถ้าเราเพียงรักษาตามอาการแล้วกลับมาดำเนินชีวิตในวิถีสังคมแบบเดิมอีก เราก็จะวิกฤติอีกๆ ซ้ำซาก และบอบช้ำมากขึ้น เพราะวิถีที่สังคมดำเนินไปนั้นเป็นเส้นทางวิกฤติ สังคมไทยควรใช้วิกฤติเศรษฐกิจ ความทุกข์ถ้วนหน้ามาทบทวนถึงสาเหตุอันเป็นรากเหง้าแห่งปัญหา ทำให้เกิดปัญญาว่าชีวิตคืออะไร สังคมสิ่งแวดล้อมคืออะไร วิถีชีวิตและวิถีสังคมที่ควรจะเป็นคืออย่างไร ซึ่งจะยังไม่กล่าวในที่นี้ นอกจากจะบอกว่าถ้าวิกฤติการณ์คราวนี้ถือให้สังคมไทยเกิดสติและปัญญาแล้ว ความทุกข์ของเราจะไม่สูญเปล่า

สังคมไทยมีของดีดังดวงแก้ว คือ พุทธศาสนา แต่สังคมไทยทิ้งพระไปคบมารเสียจึงวิกฤติ พระพุทธเจ้าสอนว่า โลภะ โทสะ โมหะ เป็นอกุศลพึงสละเสีย แต่มารสอนว่า โลภะ โทสะ โมหะ เป็นของดีพึงยกย่อง เรายังมีสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าอยู่เต็มประเทศไทย ถ้าคิดถึงพระพุทธเจ้าทำความเข้าใจ ในคำสอนของพระพุทธองค์ แล้วสร้างปัญญาว่ามรรควิธีที่จะถอนตัวจากวิถีที่เป็นอกุศลไปสู่วิถีสังคมที่เป็นกุศลทำได้อย่างไร จากสถานการณ์จริงที่ดำรงอยู่ อย่าว่าแต่จะแก้วิกฤติของเราเองเลย เรายังจะช่วยโลกได้อีกด้วย

ข้อมูลสื่อ

221-001
นิตยสารหมอชาวบ้าน 221
กันยายน 2540
ศ.นพ.ประเวศ วะสี