• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

พิษแม่เมาะ

พิษแม่เมาะ


ที่บ้านสบป้าด ชาวบ้านตื่นขึ้นมาพบว่า ใบไม้และพืชผักต่างๆ เป็นรูพรุนเหมือนถูกเผาจนเกรียม แม่จันทร์แก้ว อินทวงศ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านอยู่ที่นั่น เล่าให้ฟังว่า ตอนเช้าฉันเปิดหน้าต่างก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ในตอนแรกฉันไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นเพราะฉันอายุมากแล้ว หรือไม่ก็เพราะอากาศกำลังเปลี่ยน แต่พอตอนหลังพวกเราก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว เพราะชาวบ้านหลายคนเริ่มมีอาการคล้ายกัน! ชาวบ้านหลายคนรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก คลื่นไส้ อาเจียน

แม่จันทร์แก้วบอกว่า ผักที่ปลูกไว้ในสวนใบร่วงและมีจุดแปลกๆ แต่พอฝนตก ต้นไม้ก็ฟื้นขึ้นมาเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังไม่กล้ากินพืชผักที่ปลูกไว้

คุณยุพิน เปียริน บอกว่า เช้าวันนั้นเธอทำงานอยู่ในไร่ ขณะที่รู้สึกว่าฝุ่นตกลงมาจากไหนไม่รู้เต็มตัวเธอไปหมด ตอนนั้นอากาศสงบ ไม่มีลม ค่อนข้างร้อน แต่ฝุ่นเต็มไปหมด ต้นมะขามที่อยู่ข้างบ้านใบร่วงหมด แต่พอฝนตกก็ยังสดชื่นเหมือนเดิม แต่ดอกไม้และไม้ผลต้นเล็กต้นน้อยเสียหายหมด นาข้าวก็กลายเป็นสีเหลืองไปหมด เราอยู่กันด้วยความกลัว เราไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสารพิษจากโรงไฟฟ้ายังคงตกค้างอยู่ในดิน (เก็บความจาก หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ 25 ตุลาคม 2535) นี้คือส่วนหนึ่งของคำบอกเล่าจากชาวบ้าน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการเกิดมลภาวะที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง

จากสถิติของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่าจำนวนผู้ป่วยจากการเกิดมลพิษครั้งนี้เป็นผู้ป่วยนอก 1,222 ราย และเป็นผู้ที่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 35 ราย และมีผู้ที่มาตรวจกับหน่วยแพทย์เคลื่อนที่อีก 1,120 ราย

นายแพทย์ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่เมาะ เปิดเผยว่า อาการของคนไข้ที่ตรวจพบในขั้นต้น คือ มีการระคายเคืองของอวัยวะที่เป็นเยื่อบุหลายๆ ส่วนพร้อมกัน ส่วนใหญ่ที่ตรวจพบจะมีเยื่อบุในช่องคอแดง แดงมากหรือแดงเป็นเลือดเลย บางรายน้ำตาไหล เยื่อบุตาแดง บางรายตรวจพบการใช้กล้ามเนื้อหน้าอกหายใจ เหนื่อยหอบ สภาพของปอดจะมีสภาพต่ำกว่าคนปกติ ส่วนเด็กในอำเภอแม่เมาะมีอาการคอแดง จมูกแดงมากกว่าเด็กอำเภออื่น และตรวจพบว่า เริ่มมีอาการตั้งแต่ปี 2534 แต่อาการยังไม่รุนแรงมาก อาการดังกล่าวข้างต้นเป็นพิษของสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ซึ่งมีผลโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ

ดร.จิรพล สินธุนาวา นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ซัลเฟอร์ไดออกไซด์เป็นกรด จึงทำให้เข้าไปในร่างกายได้เร็ว เวลาหายใจเข้าไปจะทำให้รู้สึกคัน สารตัวนี้จะเข้าไปทำลายถุงลมในช่องปอด ถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้หายใจไม่ออก แสบคอ และอาจถึงกับชักกระตุกได้ ซึ่งเป็นภาวะที่ชาวบ้านกำลังประสบอยู่ ที่รุนแรงและทุกข์ทรมานมาก คือ ทางเดินหายใจจะแสบไปหมด

วิธีป้องกันตัวหากเกิดมลพิษจากสารตัวนี้ขึ้นมาอีกคือ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำปิดปาก ปิดจมูกไว้ และวิ่งไปอยู่ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ดร.จิรพล กล่าวว่า ไม่เฉพาะสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เท่านั้นที่ปนเปื้อนอยู่ในบรรยากาศที่อำเภอแม่เมาะขณะนี้ แต่ยังมีสารไนโตรเจนไดออกไซด์ซึ่งเกิดขึ้นขณะที่เชื้อเพลิงกำลังเผาไหม้ ถ้าร่างกายได้รับสารไนโตรเจนไดออกไซด์เข้าไป จะมีอาการทางปอด ถุงลมอักเสบ หลอดลมอักเสบ ถ้าเข้าไปในร่างกายมากจะเกิดอาการคัน และเจ็บในช่องทางเดินหายใจได้เช่นเดียวกับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในส่วนของฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นที่แม่เมาะนั้น จะเป็นฝุ่นละอองที่มีการปนเปื้อนของสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์และไนโตรเจนไดออกไซด์ จึงก่อผลดังที่ชาวบ้านสบป้าดกำลังประสบอยู่

ข้อมูลสื่อ

164-008
นิตยสารหมอชาวบ้าน 164
ธันวาคม 2535
อื่น ๆ
ทานตะวัน