• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

มหันตภัยเบาหวาน

มหันตภัยเบาหวาน


คุณนิยม อยู่ในวัย 30 ปีกว่าๆ เป็นผู้บริหารระดับต้นในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในระยะหลังคุณนิยมรู้สึกตนเองมีอาการหิวบ่อย หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะมาก น้ำหนักตัวลดลง เหนื่อยอ่อนเพลียง่าย เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หลังทราบอาการแพทย์ให้ตรวจเลือดพบว่าน้ำตาลในเลือดสูง 200 มก./ดล. คุณหมอบอกว่าคุณนิยมเป็นเบาหวาน คุณพ่อของคุณนิยมก็เป็นเบาหวานเมื่อตอนอายุประมาณ 40ปีกว่าๆ คุณนิยมจึงมีโอกาสสูงที่ตนเองจะเป็นเบาหวานได้อย่างไม่ต้องสงสัย 

มาดูกิจวัตรประจำวันของคุณนิยมตั้งแต่ตื่นเช้าประมาณ 6 โมง ขับรถไปทำงาน งานในสำนักงานส่วนใหญ่เป็นการประชุม ติดต่อลูกค้าต่างๆ ทางโทรศัพท์ ปกติคุณนิยมชอบเล่นเทนนิส ไปตีกอล์ฟบ้าง แต่ระยะหลังงานมากขึ้นจึงไปตีบ้างไม่ได้ตีบ้าง แต่ช่วงเย็นมักจะไปเลี้ยงรับรองลูกค้าบ่อย

คุณนิยมเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ซึ่งหมายถึงเบาหวานซึ่งมีอาการเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้เป็นตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนเรียกว่าเบาหวานประเภทที่ไม่ต้องพึ่งอินซูลิน ส่วนเบาหวานประเภทที่ 1 เป็นในเด็ก เมื่อก่อนเรียกเบาหวานประเภทต้องพึ่งอินซูลิน

คนเป็นเบาหวานในขณะนี้ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 90 เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 แต่แนวโน้มของโรคเริ่มเป็นในคนอายุที่น้อยลง มีเด็กเริ่มเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 มากขึ้น สาเหตุสำคัญเกี่ยวข้องคือ
พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม คนที่มีพ่อแม่ หรือปู่ย่า ตายายที่เป็นเบาหวานก็มีโอกาสอย่างมากที่จะมีสิทธิ์ได้เป็นเบาหวานมากกว่าคนที่ไม่มีประวัติเป็นในครอบครัวหลายเท่า สำหรับสาเหตุด้านสิ่งแวดล้อมนั้น
เกี่ยวข้องกับวิถีการดำเนินชีวิต ที่สำคัญคืออาหารที่คนเรากินเข้าไปและการใช้พลังงานออกไปมีความสมดุลกันหรือไม่
 

อาหารที่เรากินเข้าไปภายในร่างกายส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรตแป้ง จะย่อยและดูดซึมเป็นน้ำตาลในเลือดเพื่อนำไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย และเป็นพลังงานสำหรับการทำงานของร่างกายให้เรามีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าร่างกายกินเข้าไปมากเกินกว่าที่เราใช้ไป ก็จะไปสะสมเป็นไขมันในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
 
การนำเอาน้ำตาลในเลือดไปใช้นั้น อวัยวะที่มีบทบาทสำคัญคือ ตับอ่อน อยู่ใกล้ๆ กระเพาะอาหารจะผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่าอินซูลิน เจ้าอินซูลินนี่แหละจะเป็นตัวสำคัญในการช่วยนำน้ำตาลในเลือดไปใช้ในเซลล์ร่างกายของเรา ในคนเป็นเบาหวานนั้นมีความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้อินซูลินมีน้อย หรือทำงานไม่ได้ดีเท่าที่ควร ดังนั้นน้ำตาลในเลือดก็จะสูงมากขึ้นกว่าปกติที่ควรจะเป็น

 

คนไทยเป็นเบาหวานมากแค่ไหน

การสำรวจในปี 2543 พบว่าคนไทยอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปร้อยละ 10 เป็นเบาหวาน ที่น่าตกใจคือในจำนวนนี้คนที่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานมีเพียงครึ่งเดียวคือร้อยละ 5 และอีกร้อยละ 5 ยังไม่ทราบว่าตนเองเป็นเบาหวาน อัตราการเป็นเบาหวานในผู้ชายและหญิงใกล้เคียงกัน ผู้ชายไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานมากกว่าผู้หญิง และคนอายุน้อย ไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นมากกว่าคนอายุมาก
 

คนในเมืองมีอัตราเป็นมากกว่าคนชนบท แต่คนชนบท อย่าชะล่าใจ เพราะต่างกันเพียงเล็กน้อย
นั่นหมายถึงว่าคนในเมือง คนชนบท มีสิทธิ์เป็นได้ทั้งนั้นและดูเหมือนว่าแนวโน้มกำลังเพิ่มขึ้น

 

อันตรายของเบาหวาน
เบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง การมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง จะทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง และตีบตันได้ง่ายมากกว่าคนปกติ ทั้งหลอดเลือดเล็กและหลอดเลือดใหญ่ เมื่อเป็นที่หลอดเลือดแดงขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงที่จอรับภาพตา สุดท้ายทำให้จอรับภาพเสีย 
สูญเสียการมองเห็น ถ้ามีการอุดตันที่หลอดเลือดใหญ่สำคัญคือ หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ ก็ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ถ้ามีการอุดตันในหลอดเลือดในสมองก็ทำให้สมองขาดเลือดเลี้ยง และเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
 

ผลต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตทำให้เป็นโรคไต ทำงานได้ลดลง ข่าวร้ายก็คือ ความผิดปกติของผนังหลอดเลือดเกิดขึ้น ตั้งแต่ก่อนเป็นเบาหวาน ดังนั้น การไม่รู้ว่าตนเองเป็นเบาหวาน ย่อมไม่ได้รับการรักษา โอกาสโรคแทรกซ้อนที่ตามมาจึงสูงมาก การรักษาควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไปได้ในคนเป็นเบาหวานด้วยการกินยา หรือฉีดอินซูลิน ตามความรุนแรงของโรคจึงช่วยชะลอสิ่งแทรกซ้อนเหล่านี้ให้ผ่อนหนักเป็นเบา และยืดเวลาของการทำลายอวัยวะเหล่านี้ออกไปได้

 

โหงวเฮ้งคนเป็นเบาหวาน

ศาสตราจารย์นายแพทย์เทพ หิมะทองคำ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคต่อมไร้ท่อโดยเฉพาะเบาหวาน กล่าวว่า งานวิจัยในขณะนี้ทำให้เรารู้เกี่ยวกับโรคนี้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าสิ่งที่ไม่รู้ยังมีอีกมาก ตอนนี้เราสามารถทำนายเบาหวานโดยดูโหงวเฮ้งคนที่มีโอกาสเป็นเบาหวานได้

มาดูว่าโหงวเฮ้งคนเป็นเบาหวานว่าเป็นอย่างไร

ประการแรกคือ อ้วนลงพุง
ประการที่ 2 คือ เป็นโรคความดันเลือดสูง

ถ้ามี 2 ลักษณะนี้แล้วก็คงต้องตรวจเลือด ดูไขมัน และน้ำตาลในเลือดแล้วหละ ถ้าพบว่าไขมันประเภทไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูง และไขมันดีที่เรียก HDL ต่ำ แล้วก็น้ำตาลสูงกว่า 100 มก./ดล. แต่ยังไม่ถึง 126 มก./ดล. ถ้ามีลักษณะครบทั้ง 5 ขณะนี้ทางการแพทย์เรียกเมตาโบลิก ซินโดรม (metabolic syndrome)  ก็แสดงว่าต่อไปมีโอกาสเป็นเบาหวาน สูงมาก ถ้าไม่รีบป้องกันและรักษา

 

ข่าวดีก็คือเบาหวาน ป้องกันได้

มีการวิจัยในต่างประเทศ ติดตามในคนที่เกือบเป็นเบาหวาน คือมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติเล็กน้อยแต่ยังไม่มากถึงขั้นเรียกเบาหวาน แบ่งคนเหล่านี้เป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มแรก ให้ยารักษาเบาหวาน ที่เรียก เมทฟอร์มิน
กลุ่มที่ 2 ไม่ได้ให้ยาแต่ให้มีพฤติกรรมการกินอาหารสุขภาพและออกกำลังกายอย่างพอเพียงเป็นประจำ คืออย่างน้อยมีการออกกำลังกายเกือบทุกวันรวมกันไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 150 นาที
ส่วนกลุ่มสุดท้าย  ไม่ได้ให้ยาหรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างไร เป็นกลุ่มเปรียบเทียบ ปรากฏว่าเมื่อ 5 ปีผ่านไป กลุ่มที่สามารถป้องกันเป็นเบาหวานได้มากที่สุดคือกลุ่มที่ควบคุมอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอได้คือร้อยละ 58 ดังนั้น ในคนที่มีน้ำตาลในเลือดสูง หรือมีความเสี่ยงทางกรรมพันธุ์ อาจจะมีโอกาสป้องกันหรือชะลอการเป็นเบาหวานได้ หากกินอาหารอย่างถูกต้อง และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
 

เป็นเบาหวานแล้วทำอย่างไร
เป็นเบาหวานทำให้มีภาวะแทรกซ้อนตามมาทั้งโรคไต โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง แผลที่เท้าซึ่งเป็นง่ายแต่หายยากมาก ดังนั้น คนเป็นเบาหวานอย่างคุณนิยมจึงควรรักษาตนเองร่วมกับแพทย์อย่างเข้มงวด ทั้งการควบคุมน้ำตาลในเลือด การใช้ยาลดน้ำตาลในเลือด คอยตรวจดูความดันเลือด ระดับไขมันในเลือด ถ้ามีความดันเลือดสูงก็ต้องควบคุมความดันเลือด ควบคุมไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ปรับแนวทางการดำรงชีวิตกินอาหารสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าทำได้เช่นนี้โรคแทรกซ้อนต่างๆ ทางหลอดเลือดหัวใจและสมองต่างๆ ก็จะลดลง

ส่วนคนที่ยังไม่เป็นเบาหวานเราก็มาป้องกัน โดยการออกกำลังกายกันอย่างสม่ำเสมอกันเถอะครับ

ข้อมูลสื่อ

303-002
นิตยสารหมอชาวบ้าน 303
กรกฎาคม 2547
รศ.นพ.วิชัย เอกพลากร