• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เจอไม้งาม เมื่อขวานจวนบิ่น

พระนิพนธ์
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ)
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ยังมีอีกเรื่องที่พอจะเล่าฝากให้ช่วยกันจำไว้คือการเลิกสูบบุหรี่ เพราะเห็นว่าได้เคยเป็นตัวอย่างให้มีผู้งดสูบบุหรี่ตามอย่างได้หลายราย จึงอยากให้แพร่หลายชวนให้เลิกสูบบุหรี่ได้อีกต่อไปอย่างกว้างขวาง

บุหรี่เราเริ่มติดมาตั้งแต่อุปสมบทเป็นพระภิกษุนั้น เพราะได้เคยกระหยิ่มอยากสูบมาตั้งแต่เป็นสามเณรเล็กๆ เห็นพระผู้ใหญ่มีกล่องบุหรี่ยาเส้น มีใบตองหรือใบจากเป็นเครื่องใช้มวนสูบ ให้นึกอยากจะมีกล่องบุหรี่เช่นนั้นบ้างดูเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ดี กล่องบุหรี่นั้น ก็คือกล่องกระดาษใส่สบู่ 3 ก้อน เมื่อใช้สบู่หมดแล้ว จึงทำเป็นกล่องบุหรี่ยาเส้น บุหรี่ที่มวนสูบเองนี้เรียกชื่อล้อกันเล่นว่า ไทยประคอง บุหรี่ที่มีผู้มวนไว้จำหน่ายซึ่งมีชื่อว่า สะพานโพ สี่กั๊ก เป็นต้น ก็มีอยู่หลายเจ้า แต่ผู้จะสูบบุหรี่ที่มวนจำหน่าย มักเป็นพระผู้ใหญ่ 4-5 พรรษาไปแล้ว (พอได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ (2461) ก็พยายามตั้งกล่องบุหรี่ ใช้ยาเส้นที่พ่อค้าทำ) เป็นตั้งเล็กๆไว้จำหน่าย มวนเองด้วยใบจากบ้าง ใบตองบ้าง กลีบดอกบัวบ้าง รู้สึกเป็นของแก้เคอะเขินเมื่อต้อนรับแขกอย่างหนึ่ง สมัยนั้นไม่มีพรรณนาโทษของบุหรี่กันเลย เพราะติดกันทั่วไป เว้นแต่เด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ ผู้ใหญ่จึงจะห้ามไม่ให้สูบว่าจะทำให้ตับดำ (เป็นโทษไม่ดรอย่างไรไม่ทราบ)

นอกจากบุหรี่ไทยมวนด้วยเส้นยาไทย ก็ยังมีบริษัทตั้งขึ้นใหม่ใช้เส้นยาจากเมืองนอก (ประเทศไหนบ้างไม่รู้) นอกจากเมืองไทยแล้วเป็นเรียกเมืองนอกทั้งนั้น มวนด้วยกระดาษ รสจืด เด็กหัดสูบใหม่มักไม่ชอบ แต่ผู้ใหญ่คอสูงไม่นิยมสูบ มักโทษว่าสูบยามวนด้วยกระดาษชวนให้ไอ จะเป็นฝีในท้อง
เคยลองชวนเพื่อพระเณรเลิกสูบบุหรี่กันอยู่คราวหนึ่ง แต่ก็ทนหมู่มากลากไปไม่ได้ จึงเลิกอยู่ได้ไม่ถึงเดือน ก็กลับหันมาสูบต่อไปตามเดิม แต่พอสังเกตตัวว่าเลิกสูบบุหรี่ไทยง่ายกว่าสูบบุหรี่มวนด้วยกระดาษ

ต่อมาราว พ.ศ.2500 (สมัยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสกปรก) ต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขณะที่พักฟื้นอยู่ที่ตึกสามัคคีพยาบาลชวนให้งดบุหรี่ได้ เพราะรู้สึกเหม็น (บุหรี่ไทยสี่กั๊ก ร้านอยู่ถนนเฟื่องนคร) ไม่นึกกระหาย แต่พอ 4 วันเลยไปแผลผ่าตัดติดสนิทดีแล้ว ความกระหายอยากสูบกลับขึ้นมาอีก จึงให้นำบุหรี่ไทย (บุหรี่สี่กั๊ก) อย่างที่เคยสูบมาแก้กระหาย ครั้งแรกทำให้สำลัก ไอ เพราะรสฉุนจัด ศิษย์จึงแนะว่า บุหรี่ไทยฉุนจัดทำให้ไอ ก็ลองบุหรี่กระดาษของโรงงานไทยดูบ้าง จึงเริ่มติดรสบุหรี่กระดาษแต่นั้นมา

ถึงสมัยได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ทุกคราวประชุมประมาณเดือนละ 2 ครั้ง ถูกรับรองด้วยบุหรี่กระดาษ ยี่ห้อการิก เป็นบุหรี่ชั้นดี ทุกคราวประชุม ทำให้คอสูงสูบอย่างอื่นไม่อร่อย หายอยาก ต้องสูบยี่ห้อนี้จึงจะถึงใจ เมื่อศิษยานุศิษย์ผูเคารพนับถือ เห็นว่าชอบสูบบุหรี่ยี่ห้อนี้ ต่างก็ปรนปรือถวาย ทำให้เป็นภาระในการที่ต้องเลือกแต่รุ่นใหม่ๆ จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องเตรียมบรรจุย่าม พร้อมด้วยไม้ขีดไฟแช็กให้เพียงพอ เพราะสูบยี่ห้ออื่นไม่หายอยาก ติดรสเฉพาะการิกเท่านั้น ถ้าเป็นการเดินทางแรมคืนแรมวัน ต้องเตรียมเพื่อกะให้พอสูบจนกว่าจะกลับ

เมื่อตกเป็นทาสของบุหรี่เช่นนี้ เพียงเป็นภาระต้องแสวงหาตระเตรียมมิให้ขาดตกบกพร่องก็พอทำเนา ที่ร้ายแรงนั้น ก็คือทำให้ลิ้นไม่รับรสอาหาร ชวนให้เบื่อง่าย ร่างกายจึงได้อาหารไม่เพียงพอ น้ำหนักตัวลดเหลือ 45 กก. แม้จะรับทานยาบำรุงหลายขนาน มีวิตามิน เป็นต้น ก็สู้ฤทธิ์บุหรี่ไม่ได้ ร่างกายจึงซูบซีดหมดราศี ถึงกับเพื่อนฝูงบางท่านวิตกแทนว่า ชีวิตจะไม่ยืดยาวเสียกระมัง แต่ตัวเองก็ยังไม่เห็นโทษบุหรี่ ยังคงรักรสบุหรี่ยิ่งกว่าสุขภาพของตัวอยู่อย่างเดิม เพียงแต่จะหายาที่ช่วยเจริญอาหารประทังชีวิตอยู่เท่านั้น

กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงภายในพรรษา พ.ศ.2512 เดือนตุลาคม มีพรรคพวกมาชี้ชวนว่า เขาจะนำภาพยนตร์ที่แสดงโทษการสูบบุหรี่มาฉายให้ภิกษุสามเณรชม จะได้เป็นโอกาสให้เห็นโทษของบุหรี่บ้าง ชั้นแรกรู้สึกอึดอัด เพราะจะทำให้ต้องเลิกสูบบุหรี่ที่ชอบติดนิสัย ครั้นจะปฏิเสธก็ดูเป็นว่าเราผู้ปกครองภิกษุสามเณรไม่ส่งเสริมนโยบายของทางราชการ ที่สุดก็ตอบตกลงนัดวันเวลา (พุธที่ 1 ตุลาคม 2512 เวลา 19.30 น.) ใช้ตำหนักอรุณเป็นสถานที่ฉายให้ได้ชมทั่วๆกัน จนเรียกล้อสถานที่นี้ว่า “เฉลิมอรุณ”

ถึงวันเวลาฉาย เจ้าหน้าที่ได้นำปอดของคนที่ฟอกสะอาดแล้ว 2 ปอด ปอด 1 มีสีดำเป็นหย่อมๆ ว่าเป็นปอดของผู้สูบบุหรี่ (จะตรงกับที่คนโบราณห้ามเด็กไม่ให้สูบบุหรี่ว่าตับจะดำกระมัง) ส่วนอีกปอดสีนวลเหลืองไม่ดำ ว่าเป็นปอดของผู้ไม่สูบบุหรี่ ดูปอดกันทั่วถึงแล้วเริ่มฉายพร้อมกับพากย์อธิบายโดยละเอียดจนจบ ภาพยนตร์ที่ฉายเป็นภาพสีธรรมชาติ ตอนแสดงให้เห็นปอดและอวัยวะภายใน จะเห็นสีเลือดแดงฉานชวนเสียวไส้ ถึงบางท่านไม่สามารถทนดู เพราะวิงเวียนเป็นลมก็มี

เมื่อเสร็จการฉายแล้ว ความคิดก็แล่นขึ้นว่า นี่เขานำของจริงที่เป็นโทษมาให้ดู มิใช่ของหลอกลวง เรารู้เห็นแล้ว ขืนยังทนสูบสูบบุหรี่อยู่ต่อไป ศิษยาภิกษุสามเณรก็จะคิดว่า แม้ความผิดประการอื่นๆ เราผู้เป็นหัวหน้าปกครองก็คงละไม่ได้ อย่างนี้ไม่สมศักดิ์ศรีหัวหน้าผู้ปกครองที่ดี เลยทำให้มุมานะจะต้องเลิกสูบบุหรี่เพื่อรักษาเกียรติผู้ปกครองให้ได้ จึงอธิษฐานใจเลิกสูบตั้งแต่วันนั้น เวลาประมาณ 21 น.เศษ ทั้งที่ในย่ามยังมีบุหรี่เต็มซองอยู่

กลางคืนผ่านไปจนถึงรุ่งขึ้นเวลาเช้า ฉันอาหารแล้ว ถึงเวลาเคยที่จะสูบบุหรี่ ฉันน้ำชาจีนสลับคู่กันไป มองดูกล่องบุหรี่การิกที่วางอยู่ข้างๆ ปลุกความกระหายใคร่สูบให้เกิดขึ้น สติก็เตือนว่าตั้งใจจะเลิกสูบแล้ว ควรรักษาความตั้งใจไว้ เมื่อว่างจากการสูบบุหรี่ ทำให้รู้สึกเบาในสมอง โหวงเหวง จึงดื่มน้ำชาแทนความกระหายนั้น คอยแก้การอยากสูบบุหรี่ด้วยการดื่มน้ำชาร้อนแทน บังคับใจอยู่ได้ประมาณ 7 วัน รู้สึกลิ้นที่ไม่เคยจับรสอาหารนั้นกลับรู้รสดีขึ้น เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม อร่อยชวนให้อยากบริโภคผิดกว่ายามสูบบุหรี่ เป็นกำลังใจให้คงงดสูบต่อไป ยิ่งกว่านั้นเมื่อวันเวลาผ่านไปได้ 7 วัน ถึงเวลาลงทำวัตรเย็นพอหมดพิธีได้หันไปถามพระเณรว่า เมื่อดูภาพยนตร์เรื่องโทษของบุหรี่แล้ว มีใครงดสูบบุหรี่ได้บ้าง ปรากฏว่าไม่มีใครสามารถงดสูบได้เลย จึงแจ้งให้พระเณรทั้งนั้นทราบว่า เราเลิกสูบบุหรี่ได้แล้ว 7 วันแล้ว จะเลิกสูบได้เด็ดขาดต่อไปหรือไม่ ยังไม่แน่ แต่ก็จะพยายาม อาศัยความพยายามควบคุมตนเองเป็นหลักสำคัญ

พองดสูบมาได้ประมาณ 1 เดือน ลองชั่งน้ำหนักตัวเข็มชี้บอกเลขที่ 50 แสดงว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแล้ว จึงมั่นใจแน่วแน่ที่จะเลิกสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดแต่บัดนั้น เมื่อเลิกสูบบุหรี่มาได้ประมาณ 2 เดือน ร่างกายมีเลือดฝาด ผิวพรรณดีขึ้น ถึงกับการทักทายจากเพื่อนฝูงว่าได้ยาอะไรมาบริโภคจึงมีเลือดฝาดดีขึ้น จึงตอบเป็นสำนวนว่า “ฉันยาเลิกสูบบุหรี่”

ขอบรรดาญาติมิตร ศิษยานุศิษย์ผู้เคารพนับถือ ผู้ที่ยังตกเป็นทาสของบุหรี่อยู่ จงตัดใจเลิกสูบบุหรี่โดยเด็ดขาดเถิด ชีวิตจะได้พบความสุขสำราญอย่างแท้จริง แม้จะเลิกได้ภายหลังก่อนสิ้นชีวิต ก็ยังนับว่าเป็นโชคดี ที่พบไม้งาม เมื่อขวานจวนบิ่น
สวัสดีมีชัย

                          คติเลิกสูบบุหรี่
  ติด บุหรี่ที่สูบล้วน                      ล่อใจ
ง่าย กว่าติดอื่นใด                        ทุกด้าน
เลิก ลดงดช่างกะไร                     เหลือสละ
ยาก ยิ่งกันทั่วบ้าน                       บ่มเชื้อมะเร็งรุม
  เสีย ทรัพย์จับจ่ายซื้อ                 บ่อยซอง สูบเอย
เสีย สุขภาพเผาดอง                     จิตด้าน
เสีย ค่ารักษามอง                         โรคมะ เร็งนา
เสีย ชีพก่อนชาวบ้าน                    บ่นเศร้าเอาใคร
  ขืนสูบก็ดั่งสร้าง                           โศกสุม ใจเอย
ใช่จักอิ่มกาย คุม                           ก่อไข้
เพราะหลงติดตามรุม                      เล่ห์โปร่ง สมองนา
แท้ก่อโรค ลามให้                         ทุกข์ทรมาน
  บุหรี่ใช่เครื่องจ้อง                        จำเป็น ชีพเอย
ล้วนแต่เราหลงเห็น                         สุขให้
ส่วนธาตุบุหรี่เกณฑ์                        ก่อโรค มะเร็งแล
กว่านึกโทษเมื่อใกล้                       กลอกหน้าลาตาย
  ความร้ายบุหรี่ล้วน                        รุมผลาญ
หมดรสเรื่องอาหาร                         หดน้อย
เสียสินทรัพย์เกินประมาณ               หมดสุข – ภาพนอ
เป็นแหล่งรับโรคร้อย                      บุหรี่ร้ายตายทั้งเป็น
  ควรเห็นว่าจิตเจ้า                          ของจง คิดดู
แรกก็หลงสูบ ลง                             เล่นแท้
มินานกลับติด คง                            คอยหลบ สูบแล
เลยตกเป็นทาสแพ้                          พ่ายล้วนเร็วตาย

 


 

ข้อมูลสื่อ

99-017
นิตยสารหมอชาวบ้าน 99
กรกฎาคม 2530
อื่น ๆ