มาร่วมกันสร้างสังคมไทยให้ปลอดบุหรี่
ในปัจจุบันคงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ เมื่อพูดถึงบุหรี่สิ่งที่จะตามมา คือ มะเร็งปอดและอีกสารพัดโรค หรือถ้าจะพูดแบบโรแมนติกก็คงต้องพูดว่าเบื้องหลังควันสีเทาซึ่งดูนุ่มนวลนั้นคือความตาย ก่อนหน้านี้บุหรี่เคยเป็นมิตรคลายเหงาของหลายๆ คน แต่ปัจจุบันบุหรี่กลายเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากหลีกเลี่ยง สถานที่หลายๆแห่งประกาศเป็นเขตปลอดบุหรี่ และไม่รับคนที่สูบบุหรี่เข้าทำงาน
อย่างไรก็ตาม มีนักสูบบุหรี่หลายคนเย้าว่า
“เป็นสิทธิ์ของผมนะ คุณไม่เกี่ยว”
“ผมสูบมาตั้งนานแล้วไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“ช่างฉันเถอะ ตายเป็นตาย ขอดูด (ครับ) ก่อน”
หรือแม้กระทั่งบอกว่า
“ผมกลัวโรงงานยาสูบเจ๊ง”
เงินจำนวนมากจึงยังคงถูกเผาเล่นวันละหลายล้านบาท
บุหรี่ : แม้คุณไม่สูบก็มีสิทธิ์ตายได้
จากรายงานการแพทย์ของหลายๆสถาบันยืนยันว่า 1 ใน 4 ของผู้ที่สูบบุหรี่จะตายด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งต่างๆ โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดอุดตัน แต่บุหรี่ไม่ได้ทำร้ายเฉพาะผู้สูบเท่านั้น ผู้ที่ไม่สูบก็มีโอกาสป่วยและตายจากบุหรี่โดยไม่ต้องจุดบุหรี่สูบด้วยตนเอง เพราะเมื่อมีคนสูบบุหรี่ จะก่อให้เกิดควันออกมา 2 ชนิด
1. ควันซึ่งลอยไปในอากาศโดยตรงจากบุหรี่ที่จุดอยู่
2. ควันซึ่งผู้สูบอัดเข้าไปแล้วพ่นออกมา
ควันบุหรี่ส่วนใหญ่เป็นควันประเภทแรก ซึ่งมีสารเคมีที่เป็นอันตรายพอๆกับควันประเภทที่ 2 แต่มีความรุนแรงเข้มข้นมากกว่า
สารเคมีที่อยู่ในควันบุหรี่นั้น ได้แก่
- คาร์ซิโนเจน -- สารเคมีซึ่งก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
- คาร์บอนมอนอกไซด์ -- แก๊สพิษที่พบในควันจากท่อไอเสียรถยนต์และปล่องควันโรงงานอุตสาหกรรม
- นิโคติน -- ยาเสพติดที่มีฤทธิ์บีบเค้นหัวใจและหลอดเลือด
- สารประกอบกัมมันตภาพรังสี -- สารซึ่งก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
- ไฮโดรเจนไซยาไนด์ -- แก๊สซึ่งใช้ในการประหารชีวิตคนตามคำสั่งศาลในอเมริกา
- ยาฆ่าแมลงซึ่งรวมทั้งดีดีที
- โลหะ ซึ่งรวมทั้งสารหนูและนิกเกิล -- ทำให้เกิดมะเร็ง
- ถ้าท่านอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ ท่านก็อาจจะสูดเอาสารเคมีเหล่านั้นเข้าไปด้วย การกระทำเช่นนี้ เป็นที่รู้กันว่า คือ การสูบบุหรี่ทางอ้อม
จากรายงานทางการแพทย์พบว่า ถ้าคุณอยู่ในห้องเดียวกับคนสูบบุหรี่เพียงวันละ 1 ชั่วโมง โอกาสที่คุณจะเป็นโรคมะเร็งปอดนั้นมีมากกว่าผู้ที่อยู่ในสถานที่ที่มีฝุ่นสารใยหิน (asbestos - ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งปอด) เป็นเวลา 20 ปี ถึงเกือบ 100 เท่า
คุณอาจจะฆ่าลูกคุณโดยไม่รู้ตัว
ทารกที่อยู่ในครรภ์อาศัยเลือดของแม่หล่อเลี้ยงให้เจริญเติบโต ถ้าเลือดของแม่ปนเปื้อนนิโคตินและสารเคมีอื่นๆ ในควันบุหรี่ที่แม่สูบ ลูกก็ย่อมตกเป็นเหยื่ออย่างน่าสมเพช แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ในควันบุหรี่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะจับกับเม็ดเลือดแดงแน่นหนา ทำให้เม็ดเลือดนั้นไม่สามารถนำพาแก๊สออกซิเจนไปให้ทารกได้ เด็กจึงตกอยู่ในสภาพขาดออกซิเจน การเจริญเติบโตของทารกจึงถูกรบกวน ผลเช่นนี้สามารถตรวจทราบได้ทันที โดยพบว่า หัวใจของทารกเต้นถี่ขึ้น และการดิ้นของทารกลดน้อยลงในทันทีที่แม่สูบบุหรี่
แพทย์ในอังกฤษค้นพบว่า ทารกที่คลอดจากแม่ที่สูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์ตายระหว่างการคลอด ตายก่อนคลอด และตายภายใน 1 สัปดาห์หลังคลอด มากกว่าทารกที่แม่ไม่สูบบุหรี่ และถ้าแม่ที่สูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์หยุดสูบบุหรี่ภายใน 4 เดือนแรก ลูกก็มีโอกาสรอดตายมากขึ้น
นอกจากนี้ทารกที่เกิดจากแม่ที่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ มีน้ำหนักตัวโดยเฉลี่ยน้อยกว่าทารกที่เกิดจากแม่ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 200 กรัม (2 ขีด) ยิ่งแม่สูบบุหรี่จัดเท่าใด ลูกที่คลอดออกมายิ่งมีน้ำหนักน้อยมากขึ้นเท่านั้น
มาร่วมกันคุ้มครองตัวท่านเองและครอบครัว
- เมื่อมีผู้ถามว่าท่านรังเกียจหรือไม่ถ้าเขาจะสูบบุหรี่ใกล้ๆท่านให้ตอบว่า “รังเกียจ” และถ้าเขาไม่ได้ถาม ก็จงขอร้องเขาอย่างสุภาพให้ไปสูบบุหรี่ไกลจากตัวท่านและครอบครัว
- พยายามอยู่ในบริเวณปลอดควันบุหรี่ เมื่อใดก็ตามที่ทำได้ จงบอกผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสถานที่ที่ท่านใช้อย่างสุภาพแต่หนักแน่นว่า ท่านต้องการอากาศบริสุทธิ์ เพราะชีวิตของท่านอาจตกอยู่ในอันตราย ถ้าในสถานที่นั้นอบอวลไปด้วยควันบุหรี่
- ถ้าท่านเป็นผู้ทำกิจการสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร หรือสถานที่ที่มิได้เปิดโล่งอื่นๆ แต่มีผู้สูบบุหรี่ ควรคิดหาทางว่าจะทำให้สถานที่นั้นปลอดควันบุหรี่ได้อย่างไร ในต่างประเทศได้มีการฟ้องร้องต่อนายจ้างที่มิได้จัดให้ที่ทำงานเป็นสถานที่ปลอดควันบุหรี่
- ถ้าท่านสูบบุหรี่ ควรแน่ใจว่าท่านอยู่ห่างจากคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเด็กๆ อย่าสูบบุหรี่ในสถานที่ปกปิดมิดชิด ซึ่งมีคนอื่นๆ อยู่ร่วมด้วย สำหรับบ้านที่มีเด็กหรือผู้ไม่สูบบุหรี่ท่านควรออกมาสูบข้างนอกคนเดียว
โปรดระลึกไว้เสมอว่า ครอบครัวของท่านมีสิทธิที่จะได้รับอากาศบริสุทธิ์
เกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณหยุดสูบบุหรี่?
ถ้าคุณเป็นคนที่สูบบุหรี่จัด คือ สูบวันละไม่ต่ำกว่าซองหรือ 20 มวน และอัดควันบุหรี่ลงปอดไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งต่อมวน ทำอยู่อย่างนี้ติดต่อกันหลายปีคุณก็คงได้รับสารนิโคตินประมาณวันละ 200 ครั้ง และสารเคมีอื่นๆ อีกหลายพันชนิด ทุกวันเป็นปีๆ
เมื่อร่างกายของคุณอยู่ภายใต้อำนาจของบุหรี่นับเป็นเวลาหลายปี จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ร่างกายคุณย่อมถูกบังคับให้ขาดนิโคตินในบุหรี่ไม่ได้ และเมื่อคุณหยุดสูบบุหรี่ ร่างกายคุณย่อมต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ทั้งทางร่างกายและอารมณ์ และบางส่วนจะไม่ปรากฏให้คุณรู้สึก
แม้ว่าในระยะแรกๆ อาการดังกล่าวอาจไม่น่ารื่นรมย์อย่างที่คิด แต่ทั้งหมดของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นข่าวดีทั้งสิ้น เพราะมันหมายถึงการที่ร่างกายของคุณกำลังคืนสู่สภาพธรรมชาติอันสุขสมบูรณ์เช่นเดียวกับก่อนที่คุณจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของนิโคติน
อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกคน เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ขณะที่คุณกำลังก้าวสู่อิสรภาพโดยหลุดจากพิษภัยของบุหรี่ แต่อาจกล่าวโดยรวมได้ดังนี้ว่า เมื่อคุณเริ่มหยุดสูบบุหรี่จะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นกับคุณนับตั้งแต่ชั่วโมงแรกๆ เลยทีเดียว
- ภายใน 2 ชั่วโมง
จะไม่มีนิโคตินหลงเหลืออยู่ในตัวคุณอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม กว่าที่กากของนิโคตินจะถูกขจัดให้หมดสิ้นไป อาจกินเวลาถึง 2 วัน
- ภายใน 6 ชั่วโมง
หัวใจคุณที่เคยถูกเร่งให้เต้นถี่กว่าปกติ จะเต้นช้าลงและทำให้ความดันเลือดที่เคยสูงเกิน ค่อยๆ ลดลงมาเล็กน้อย กว่าที่ระดับความดันเลือดจะลดลงถึงระดับที่ควรจะเป็น (ตามสภาพร่างกายของคุณ) ต้องกินเวลาราว 3 วัน ถึง 1 เดือน
- ระหว่าง 12-24 ชั่วโมง
แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ที่จับแน่นกับเม็ดเลือดแดงก็ถูกขจัดออกไป ปอดจะกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะพบว่า อาการเหนื่อยหอบง่ายค่อยๆดีขึ้น กำลังวังชาดีขึ้น
- ภายใน 3-4 วัน
คุณจะเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้น คนที่อยู่ใกล้ชิดก็จะรู้สึกเช่นนั้นต่อกลิ่นตัวคุณด้วย ประสาทรับรสที่ลิ้นจะฟื้นตัว ประสาทรับกลิ่นจะกลับคืนมา คุณอาจรู้สึกเคลิบเคลิ้ม เพราะคุณได้ทำในสิ่งที่คุณเคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้
หลายวันต่อมา เสมหะที่สะสมอยู่ในปอดจะเริ่มใสขึ้น แล้วในหลายสัปดาห์ต่อมา คุณจะไอมันออกมาได้ ขนอ่อนที่บุผนังทางเดินหายใจซึ่งเป็นอัมพาตเพราะควันบุหรี่จะฟื้นคืนชีพ เพื่อทำงานปัดกวาดสิ่งสกปรกในหลอดลม แต่คงต้องกินเวลาถึง 3 เดือนกว่าที่ขนอ่อนนับล้านๆ เส้นเหล่านี้จะฟื้นคืนชีพได้สมบูรณ์
- ภายใน 3 สัปดาห์
ปอดของคุณจะทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถทดสอบได้ด้วยเครื่องมือพิเศษ คุณจะสามารถออกกำลังกายได้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา (สมัยที่กำลังสูบบุหรี่)
- ภายใน 2 เดือน
เลือดจะไหลเวียนไปสู่แขนขาได้ดีขึ้น คุณจะมีกำลังวังชามากขึ้น... ช่างน่าภาคภูมิใจจริงๆ ใช่ไหม
- ภายหลัง 3 เดือน
กลไกขจัดสิ่งสกปรกในปอดจะทำงานได้เป็นปกติ เชื้ออสุจิ (ในคุณผู้ชาย) จะกลับเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงสภาวะปกติ และจำนวนเชื้ออสุจิก็เพิ่มขึ้นด้วย... คุณเซ็กซี่มากขึ้น เห็นมั้ย
- ภายหลัง 5 ปี
ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการหัวใจขาดเลือด (heart attack) จะลดลงจนเกือบเท่ากับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย
- ภายหลัง 10-15 ปี
ความเสี่ยงที่จะตายจากโรคทุกชนิด รวมทั้งมะเร็งปอดก็จะใกล้เคียงกับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย
และนี่คือ อิสรภาพที่คุณเท่านั้นสามารถมอบให้แก่ตัวคุณเอง
รายงานการสัมมนาบุหรี่
ปัญหาบุหรี่นอกกับมาตรา 301 และทางออกของไทย
หากใครติดตามข่าวคราวทางหน้าหนังสือพิมพ์ช่วงเดือน 2 เดือนที่ผ่านมานี้ อาจจะทราบกันแล้วว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันของสมาคมผู้ส่งออกบุหรี่สหรัฐฯ และสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ในการที่จะให้ไทยเปิดตลาดบุหรี่ต่างประเทศ และยกเลิกการห้ามโฆษณาบุหรี่ และเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม – 2 สิงหาคมที่ผ่านมา คณะผู้แทนสหรัฐฯ ได้เดินทางมาเจรจากับตัวแทนรัฐบาลไทย เรื่องการเปิดตลาดบุหรี่
แม้ว่ารัฐบาลไทยโดยคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบกับการห้ามนำเข้าบุหรี่ และได้มีการออกกฎหมายห้ามโฆษณาบุหรี่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา แต่เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า สมาคมผู้ส่งออกบุหรี่สหรัฐฯ และสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะยังคงพยายามทุกวิถีทางในการผลักดันให้ประเทศไทยเปิดตลาดเปิดตลาดบุหรี่ให้จงได้
ด้วยตระหนักว่าปัญหานี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนไทย โครงการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้จัดให้มีการสัมมนาเรื่อง “ปัญหาบุหรี่นอกกับมาตรา 301 และทางออกของไทย” ขึ้น เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐฯ และเอกชน จำนวน 120 คน ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาการผลักดันให้มีการนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ และวิเคราะห์ถึงผลกระทบของการเปิดตลาดบุหรี่ต่างประเทศ ตลอดจนร่วมกันเสนอแนวทางออกในเรื่องดังกล่าว ซึ่งได้ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ ดังนี้
ผลกระทบของการนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศ
1. การนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศจะมีผลทำให้คนไทยสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากอิทธิพลของการโฆษณาและการส่งเสริมการขาย ซึ่งจะต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอนหากมีการเปิดตลาด ภาวะการณ์ดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มปัญหาสุขภาพแก่ประชาชนไทยในระยะยาวมากขึ้น
2. แม้ว่าการนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศจะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีบุหรี่เพิ่มขึ้น จากการที่คนสูบบุหรี่มากขึ้น และอาจจะลดปัญหาการลักลอบนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศได้ แต่รัฐบาลจะต้องใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นในจำนวนซึ่งมากกว่าที่ได้มาจากภาษีบุหรี่ในระยะยาว ในการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยโรคซึ่งเกิดจากการสูบบุหรี่ รวมทั้งการสูญเสียทรัพยากรบุคคลก่อนเวลาอันควร
3. แม้ว่าประเทศไทยจะมีการห้ามโฆษณาบุหรี่ แต่เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า หากมีการเปิดตลาดบุหรี่ บริษัทผู้ผลิตบุหรี่จะดำเนินการในทุกวิถีทาง ที่จะให้มีการยกเลิกกฎระเบียบดังกล่าว หรือมิเช่นนั้นก็จะมีการละเมิดข้อบังคับต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ได้ปรากฏตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รวมทั้งจากกรณีตัวอย่างในต่างประเทศ
4. เด็ก เยาวชน และสตรี จะเริ่มหันมาสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น เนื่องจากประชากรกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของบริษัทบุหรี่ต่างประเทศ ทั้งนี้จากประสบการณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน
5. ผลที่ตามมาจากการเปิดตลาดบุหรี่จะเป็นอุปสรรคต่อความพยายามของรัฐบาลในการณรงค์ให้คนไทยเลิกสูบบุหรี่ หรือสูบบุหรี่น้อยลง
6. โรงงานยาสูบไทย รวมทั้งชาวไร่ยาสูบจะได้รับผลกระทบในทางลบจากการเปิดตลาดบุหรี่ เนื่องจากตลาดบุหรี่ถูกแบ่งไปบางส่วนจากบุหรี่นอก
ข้อเสนอต่อกรณีการถูกผลักดันให้เปิดตลาดบุหรี่ต่างประเทศ
1. ในกรณีปัญหาการที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้ไทยเปิดตลาดบุหรี่นั้น ในระยะนี้ที่ประชุมเสนอให้รัฐบาลคงจุดยืนในการที่จะไม่เปิดตลาดบุหรี่ ด้วยเหตุผลทางสุขภาพของประชาชนไทยเป็นหลัก โดยพยายามรณรงค์ให้สหรัฐฯ ถอนเรื่องบุหรี่ออกจากการใช้กฎหมายการค้ามาตรา 301 กับไทย โดยที่ประชุมได้เสนอกลวิธี และแนวทางออกต่อเรื่องนี้ ดังนี้
ก. ในการเจรจากับฝ่ายสหรัฐฯนั้น ความมีสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของฝ่ายไทย จะเพิ่มอำนาจในการต่อรองกับฝ่ายสหรัฐฯมากขึ้น
ข. การเจรจายังจะต้องดำเนินต่อไปเป็นเวลา 10 เดือนเป็นอย่างน้อย หรืออาจถึง 1 ปี 4 เดือน ขณะนี้จึงยังเป็นการเร็วเกินไปที่อุตสาหกรรมอื่นๆ จะตระหนกตกใจถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หากการเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้
ค. แม้ว่าจะยังมีเวลาอีกอย่างน้อย 10 เดือนในการเจรจาก็ตาม รัฐบาลควรจะต้องเร่งกำหนดแผนและขั้นตอนในการดำเนินการเจรจาต่อรองกับฝ่ายสหรัฐฯ อย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่บัดนี้
ง. ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ รัฐบาลไทยควรเจรจากับสหรัฐฯ ไปตามขั้นตอนของกฎหมายมาตรา 301 โดยยังไม่ต้องตอบรับหรือปฏิเสธ ก่อนที่จะถึงกำหนดเวลาจริงๆ
จ. ขณะเดียวกันทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐฯ และภาคเอกชนจะต้องเร่งรณรงค์การไม่สูบบุหรี่อย่างจริงจังและกว้างขวาง เพราะการที่ประเทศไทยมีการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ภายในประเทศอย่างเข้มแข็ง และสามารถเคลื่อนไหวมวลชนทุกกลุ่มมาสนับสนุนการรณรงค์ จะทำให้สหรัฐฯ เห็นว่าชาวไทยเราก็ไม่ต้องการบุหรี่เช่นเดียวกับชาวอเมริกัน ซึ่งสหรัฐฯ เองมุ่งมั่นที่จะขจัดบุหรี่ให้หมดไปจากสังคมของตนเอง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีอำนาจต่อรองมากขึ้น
ฉ. จะต้องประสานกับกลุ่มต่างๆ ในอเมริกา ทั้งกลุ่มด้านสุขภาพ สมาชิกสภาผู้แทนฯ และวุฒิสมาชิก ซึ่งไม่เห็นด้วยกับสำนักผู้แทนการค้าฯ ที่ทำการไต่สวนไทยเพื่อให้เปิดตลาดบุหรี่ โดยร่วมกันในการรณรงค์ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ตระหนักว่าประเทศตนเป็นผู้นำของโลก ไม่ควรมองเพียงความชอบธรรมทางการค้าถ่ายเดียวและละเลยจริยธรรมซึ่งมีความสำคัญมาก ภาพพจน์ของอเมริกาจะตกต่ำลง ถ้าคำนึงถึงแต่เรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น ในกรณีสินค้าเช่นบุหรี่ หากสามารถให้ประชามติของชาวอเมริกันเองเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องเกียรติภูมิของสหรัฐฯเอง อาจจะเป็นจุดตัดสินที่สำคัญที่สุดสำหรับปัญหาที่ไทยเผชิญอยู่ขณะนี้
ช. ต้องพยายามรณรงค์ให้เห็นว่าบุหรี่เป็นสินค้าพิเศษที่ไม่เหมือนสินค้าอื่น เนื่องจากบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและการตายที่สามารถป้องกันได้ที่สำคัญที่สุดของชาวโลกในขณะนี้ บุหรี่จึงควรจะถูกถอนออกจากรายการสินค้าที่จะใช้กฎหมายการค้ามาตรา 301
ซ. ในการเจรจากับสหรัฐฯนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องมีข้อต่อรองต่างๆ เพื่อผลลัพธ์สุดท้ายคือประเทศไทยไม่ต้องเปิดตลาดบุหรี่ เช่น ไทยจะซื้อใบยาสูบจากสหรัฐฯ มากขึ้น เพราะแม้เราซื้อมากขึ้น เราก็สามารถควบคุมการสูบบุหรี่ได้ แต่หากมีการเปิดตลาดให้บุหรี่ต่างประเทศเข้ามา เราจะไม่สามารถควบคุมได้
อนึ่ง กฎหมายการค้ามาตรา 301 สามารถใช้ได้กับสินค้าทุกประเภท ฉะนั้น แม้ไทยจะยอมเปิดตลาดบุหรี่ สหรัฐฯ ก็อาจจะใช้กฎหมายการค้ามาตรา 301 กับไทยได้อีกสำหรับสินค้าอื่นๆ ในอนาคต
2. จะต้องมีการรณรงค์ลดการสูบบุหรี่ภายในประเทศอย่างเข้มแข็งมากขึ้น ทั้งนี้ไม่ว่าไทยจะเปิดตลาดให้บุหรี่ต่างประเทศเข้ามาหรือไม่ก็ตาม เพราะผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว คือ การลดอัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยให้เหลือต่ำที่สุด
การรณรงค์เรื่องนี้จะไม่เป็นการกระทบกระเทือนต่อกรรมกรโรงงานยาสูบ และเกษตรกรที่ปลูกใบยาสูบแต่อย่างใด เพราะแนวโน้มการบริโภคยาสูบของคนไทยจะยังค่อยๆเพิ่มขึ้น จากการที่ประชากรเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้กำลังบริโภคเพิ่มขึ้น และแม้การรณรงค์ให้คนไทยเลิกสูบบุหรี่จะทำอย่างเต็มรูปแบบแล้วก็ตาม การลดการสูบบุหรี่จะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทำให้ทุกๆส่วนสามารถปรับตัวได้ การรณรงค์จึงไม่ไปเป็นปรปักษ์ต่อคนงานโรงงานยาสูบ หรือชาวไร่ยาสูบ
เพื่อให้การรณรงค์มีประสิทธิภาพ รัฐบาลจะต้องเข้ามาสนับสนุน และให้ความสำคัญอย่างจริงใจมากขึ้น โดยอาจจะนำเงินบางส่วนจากภาษีบุหรี่มาสนับสนุนการรณรงค์ดังที่บางประเทศปฏิบัติอยู่ นอกจากนี้ ภาคเอกชน รัฐสภา สื่อมวลชน พลังประชาชน กองทัพ ควรเข้ามาร่วมกันรณรงค์อย่างจริงจัง ถ้าอัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยลดลงก็จะครอบคลุมทั้งบุหรี่ไทย และบุหรี่ต่างประเทศ ที่ประชุมได้เสนอให้รัฐบาลมีมาตรการต่างๆ เพื่อลดอัตราการสูบบุหรี่ในคนไทย ดังนี้
1. จะต้องเร่งออกกฎหมายห้ามโฆษณาบุหรี่โดยเฉพาะที่มีความรัดกุม และมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วยบทลงโทษที่หนักพอ และมีหน่วยงานเฉพาะคอยควบคุมดูแลเรื่องนี้
2. จะต้องมีการรณรงค์ให้ประชาชนลดและเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง โดยการจัดแผนการรณรงค์อย่างเป็นรูปธรรม มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง รวมทั้งให้งบประมาณในการดำเนินการอย่างเพียงพอ
3. ทำการขึ้นภาษีบุหรี่เป็นระยะๆ เนื่องจากการขึ้นภาษีบุหรี่จะมีผลทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
- อ่าน 5,263 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้