• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โยคะเพื่อสุขภาพ

โยคะเพื่อสุขภาพ

 

                             

โยคะเป็นวิชาวิทยาศาสตร์
แขนงหนึ่งที่มีวัตถุประสงค์จะช่วยให้มนุษย์ที่อยู่ในโลกดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเป็นสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมีความแข็งแรง มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ วิชานี้เป็นวิชาที่ถ่ายทอดกันมากว่าหกพันปีแล้ว โดยการคิดค้นของชนเผ่าอารยัน ซึ่งอยู่ทางด้านเหนือของอินเดีย ชาวอินเดียเผ่าฮินดูเป็นผู้รับทอดมาอีกต่อหนึ่ง วิชานี้เป็นวิชาที่พระพุทธเจ้าได้เรียนรู้อย่างช่ำชองโดยท่านได้ศึกษามาจากมหาฤษีสองท่านที่ชื่อว่า โอฬาระ และอุทธกะ

เนื่องจากความเป็นสัพพัญญูของพระพุทธเจ้า ท่านได้นำเอาบางส่วนที่ดีของโยคะมาประยุกต์กับชีวิตประจำวัน เช่น การดับทุกข์ด้วยการนั่งสมาธิท่านสำเร็จวิชาโยคะขั้นสูงที่เรียกว่าราชาโยคะ
คนธรรมดาอย่างเรา ๆ จะศึกษาให้ถึงขั้นสูงของวิชาโยคะนั้น คงทำได้ยาก หรือถ้าจะพยายามฝึกตนให้ถึงขั้นสูงได้ก็ต้องผ่านวิชาโยคะเบื้องต้นเสียก่อนที่เราเรียกว่า “หะฐะโยคะ” วิชานี้เป็นวิชาที่กล่าวถึงการบริหารร่างกายท่ามือเปล่า โดยมีการหายใจเข้าออกร่วมไปด้วย เป็นวิชาที่เหมาะสำหรับมนุษย์ทุกวัย ทุกขนาด ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส เป็นการบริหารที่ช่วยให้จิตใจควบคุมร่างกายให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความแก่ช่วยป้องกันได้หลายโรค ช่วยให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น และทำให้มีรูปร่างงดงามสมส่วน มีเสน่ห์เป็นที่ขอบพอของบุคคลทั่วไป

เนื่องจากโยคะมีมากมายหลายพันท่า ดังนั้นผู้เขียนจึงขอเลือกเอาแต่ท่าบริหารอย่างง่าย ๆ ใช้เวลาเพียงวันละ 15-30 นาที และท่านอาจจะทำเองได้ฉะนั้นถ้าท่านอยากแข็งแรง ชะลอความแก่ สุขภาพดี จงเริ่มตั้งปณิธานเสียตังแต่บัดนี้ว่าจะฝึกกายบริหารแบบโยคะทุกวัน ท่านก็จะมีร่างกายแข็งแรงรูปร่างสมส่วนท่านจะเริ่มเห็นผลของการบริหารเมื่อทำได้ครบติด ๆ กัน 20 ครั้ง และท่านจะได้รับผลเต็มที่หลังจากฝึกครบ 3 เดือน หรือทำ 80 ครั้งขึ้นไป

การเตรียมตัวก่อนการฝึกโยคะ
1. ต้องมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะฝึกโยคะอย่างจริงจัง ต้องทำติด ๆ กันไม่ใช่ทำวันสองวันแล้วก็เลิก ท่านจะไม่เห็นผลเลย

2. เสื้อผ้าที่สวมใส่ในขณะฝึกควรเป็นผ้ายืด ไม่คับและไม่หลวมจนเกินไป ถ้าเป็นชายก็อาจจะนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียว กางเกงอาบน้ำหรือกางเกงในก็ได้

3. เลือกเวลาที่จะฝึกให้เหมาะกับตัวท่านเอง ว่าจะเล่นตอนเช้า ตอนเย็น เมื่อมีเวลาว่าง

4. ในขณะฝึกอย่าให้อิ่มหรือหิวจนเกินไป เพราะถ้าอิ่มไปอาจทำให้อึดอัดในขณะกำลังฝึก ควรจะเริ่มฝึกหลังอาหารอย่างน้อย 1 ½ ชม.ขึ้นไป จะทำให้การฝึกสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น

5. ก่อนฝึกจะต้องถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะให้หมดก่อน

6. ถ้าท่านมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อนว่าท่านจะฝึกโยคะได้หรือไม่ เพราะโรคประจำตัวบางอย่างอาจทำให้มีอาการมากขึ้นและ อาจเกิดเป็นอันตรายได้

7. ผู้ฝึกต้องมีสมาธิ จิตใจไม่ว่อกแว่กในขณะฝึก ไม่ควรสนใจต่อสิ่งแวดล้อม จิตใจต้องจดจ่ออยู่กับการฝึกตลอดเวลา จะทำให้ได้ผลมากขึ้น

โยคะอาสนะ(ท่าบริหารแบบโยคะ)
ท่าบริหารมีมากมาย แต่ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นท่าง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถฝึกทำเองได้ ในวันสองวันแรกอาจจะทำยากหน่อย แต่ในระยะต่อไปตัวจะอ่อนลง กล้ามเนื้อยืดออก ท่านจะทำได้ง่ายขึ้น
ท่าเหล่านี้ถ้าท่านทำได้ทุกท่าจะเป็นประโยชน์ต่าง ๆ กัน ท่านควรจะศึกษาและจดจำให้ได้ด้วยว่า ท่าไหนมีประโยชน์อย่างไร แล้วท่านจะฝึกได้โดยไม่รู้จักเบื่อหน่าย ระหว่างทำควรพักสักหนึ่งหรือสองนาที แต่ถ้าไม่เหนื่อยจะไม่พักก็ได้
ท่าบริหารแบบโยคะที่ควรปฏิบัติ คือ 1.ท่านั่งยอง ๆ 2. ท่าสามเหลี่ยม 3. ท่ายืนด้วยไหล่ 4. ท่าบริหารตาแบบโยคะ 5. ท่าหัวปักเบื้อต้น 6. ท่าศีรษะถึงเข่า 7. ท่านั่งดอกบัว 8. ท่าคันไถ 9. ท่างู 10. ท่าธนู 11. ท่าเข่าแตะจมูก 12. ท่าหมุนท้อง 13. ท่าสงบจิต 14. ท่าศพอาสนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                            ( รูปที่  1 )                                                                   ( รูปที่ 2 )


1.ท่านั่งยอง ๆ
วิธีทำ
ยืนแยกขาห่างกันประมาณ 1 ฟุต ลำตัวตรง ยกแขนทั้งสองขึ้นไปข้างหน้าพร้อมกับเขย่งปลายเท้าและหายใจช้าๆ ฝ่ามือคว่ำ ต่อไปหายใจออกพร้อมกับลดตัวลง ค่อย ๆ นั่งลง (รูปที่ 1.2) แต่ปลายเท้ายังเขย่งอยู่เช่นเดิม (รูปที่ 1.1) เมื่อสูดหายใจออกก็ลดส้นเท้าลง ต่อไปสูดหายใจเข้ายกตัวขึ้น พร้อมกับเขย่งเท้าใหม่ ทำซ้ำเหมือนกับที่มาแล้วอย่างเดิม
ทำเช่นนี้ประมาณ 6-10 รอบ

ข้อควรระวัง ในการนั่งลงบนส้นเท้าต้องระวัง โดยเฉพาะในคนอ้วน อาจทำให้หงายหลังหกล้มได้ อาจจะต้องใช้มือจับยันโต๊ะไว้เพื่อกันล้มก็ได้

ประโยชน์
1. ทำให้กล้ามเนื้อขา สะโพกแข็งแรง
2. ป้องกันโรคปวดข้อ เข่า
3. เหมาะสำหรับท่านหญิงที่มีต้นขาใหญ่ จะทำให้เล็กลงสมส่วน

                                             

 

2 ท่าสามเหลี่ยม
วิธีทำ
ยืนแยกเท้าให้เท้าอยู่ห่างกันประมาณ 1 ฟุต กางแขนออกไปข้าง ๆ ระดับไหล่ หงายฝ่ามือขึ้น ต่อไปยืดอกพร้อมกับหายใจเข้า ยกมือทั้งสองขึ้นมาแค่ระดับไหล่ ต่อไปเอียงตัวไปทางซ้าย จนกระทั่งมือซ้ายจดหัวแม่เท้าซ้าย แขนขวาชี้ไปข้างบน ขณะที่หันหน้าไปข้างบน ตามองดูที่หลังมือขวา ยังหายใจออกอยู่ตลอดเวลา ต่อไปหายใจเข้ายกตัวขึ้น แขนกางตั้งฉากกับลำตัวอย่างเดิม ต่อไปหายใจออก แล้วก้มไปด้านขวา แล้วทำเช่นเดียวกันกับที่ทำทางด้านซ้าย (ดูรูปที่ 2)
ทำซ้ำเช่นนี้ข้างละ 6-10 ครั้งต่อวัน

ประโยชน์
1. ทำให้เอวเล็ก หน้าท้องลด
2. แก้หลังแข็ง ปวดขัดที่กระดูกสันหลัง

 

                                            


3.ท่ายืนด้วยไหล่
วิธีทำ
นอนหงายราบกับพื้น แขนวางไว้ข้างตัว ฝ่ามือคว่ำ ต่อไปยกขาทั้งสองขึ้นช้า ๆ พร้อมกับหายใจเข้า เข่าเหยียดตรงตลอดเวลา ยกขาขึ้นไปจนกระทั่งขาได้ตั้งฉากกับลำตัว ต่อไปเด้งตัวขึ้นพร้อมกับเอามือทั้งสองมาพยุงลำตัว ยกขาและลำตัวขึ้นตรงจนลำตัวตั้งได้ฉากกับพื้น เอามือค้ำเอวไว้ ในขณะนี้พยายามกดคางให้ชิดกับหน้าอก ให้น้ำหนักตัวตกอยู่บนบ่าทั้งสองข้าง ต่อไปหลับตาแล้วหายใจเข้าออกช้า ๆ อยู่ในท่านี้ประมาณ 1-2 นาที

ประโยชน์
1. ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ทำให้ต่อมทิคูอิตารีทำงานดีขึ้น ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
2. ทำให้มีเลือดมาเลี้ยงใบหน้ามากขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดสิวบนใบหน้า
3. ช่วยรักษาริดสีดวงทวารหนักและป้องกันเส้นเลือดขอดที่ขา
4. ช่วยบำบัดอาการปวดมดลูกเมื่อเริ่มมีประจำเดือน


4 การบริหารตาแบบโยคะ
วิธีทำ นั่งขัดสมาธิ จะเอาขาทั้งสองไขว้กัน หรือให้เท้าข้างหนึ่งไปทับขาอ่อนของอีกข้างก็ได้ มือทั้งสองวางทับกันบนหน้าตัก แล้วหันหน้าไปที่กำแพงหรือฝาบ้าน แล้วจึงเริ่มบริหารตาเป็นขั้นดังนี้ 

                                     
 

1.จ้องมองไปข้างหน้า แล้วเหลือบตาขึ้นข้างบนโดยมองที่ระหว่างหัวคิ้ว ต่อไปมองลงไปที่ปลายจมูก ทำเช่นนี้จนครบโดยมองข้างบน 3 ครั้ง และมองข้างล่าง 3 ครั้ง ครั้งหนึ่งนาน 10 วินาที (รูปที่ 4.1)

                                         


2. มองไปข้างซ้ายสุดนาน 10 วินาที แล้วมองไปทางขวาสุด 10 วินาที มองกลับไปมา 3 รอบ
(รูปที่ 4.2)

                                           
3.มองเฉียงบนด้านซ้าย แล้วมองเฉียงล่าง เฉียงไปมา 3 รอบ (รูปที่ 4.3)

                                             


4. มองเฉียงบนด้านขวา แล้วมองเฉียงล่าง เฉียงไปมา 3 รอบ (รูปที่ 4.4)

                                              


5. กรอกตาเป็นรูปวงกลม หมุนกรอกวนทางขวา 3 รอบ และหมุนกรอกทางซ้าย 3 รอบ (รูปที่ 4.5)

ประโยชน์
1. ป้องกันสายตาสั้นเกินไป หรือยาวเกินไป
2. ป้องกันต้อหิน หรือต้อกระจก
3. ป้องกันเส้นเลือดในตาแตก

 

                                         


5.ท่าหัวปักเบื้องต้น

วิธีทำ นั่งคุกเข่า ตั้งเท้าขึ้น ปล่อยแขนทั้งสองไว้ข้างตัว ปลายมือแตะไว้ที่ตาตุ่มทั้งสองข้าง ต่อไปหายใจเข้าช้า ๆ พร้อมกับยืดอกขึ้นจนหลังตรง โน้มตัวลงไปข้างหน้า พร้อมกับก้มศีรษะลง หายใจออกช้า ๆ โค้งตัวลงจนกระทั่งหน้าผากแตะพื้น ดันตัวต่อไปทางข้างหน้าเพื่อให้ยอดศีรษะตั้งอยู่บนพื้น อยู่ในท่านี้ประมาณ 1-2 นาที แล้วจึงถอนตัวกลับให้ก้นกลับมานั่งบนส้นเท้าเช่นเดิม ในขณะที่ศีรษะยังแตะพื้นอยู่ หายใจธรรมดา

ประโยชน์
1. ทำให้มีเลือดออกมาหล่อเลี้ยงสมองมากขึ้น ป้องกันเส้นเลือดตีบในสมอง
2. ป้องกันผมหงอกผมร่วง
3. ทำให้กระปรี้กระเปร่าเพราะมีเลือดมาเลี้ยงต่อมต่าง ๆ ในสมองทำให้การทำงานของต่อมต่าง ๆ ดีขึ้น
 

                                       

 

6.ท่าศีรษะถึงเข่า
วิธีทำ นั่งตัวตรง ยืดตัวขึ้น เหยียดขาไปข้างหน้าทั้งสองข้าง แยกขาออกจากกันแล้วพับขาขวาให้ฝ่าเท้าขวาแตะกันอยู่ด้านในของต้นขาซ้าย เอามือทั้งสองวางไว้บนหน้าขาซ้าย ต่อไปสูดหายใจเข้ายกแขนขึ้นระดับไหล่ แล้วก้มหน้าและตัวลง ก้มให้มากที่สุดที่จะมากได้ แต่ต้องไม่งอขา ขาให้เหยียดตึงอยู่เสมอ มือทั้งสองข้างเหยียดตึง ปลายนิ้วไปแตะอยู่ที่ตาตุ่ม หรือแตะที่ส้นเท้า เมื่อหายใจออกหมดแล้วจึงเงยหน้ายกตัวขึ้นพร้อมกับสูดหายใจเข้า ตั้งตัวตรงเหมือนเดิมใหม่ ทำซ้ำเช่นเดียวกันอย่างนี้อีกห้าครั้ง แล้วจึงย้ายไปทำข้างขวาอีก 6 ครั้งเช่นเดียวกัน

ประโยชน์
1. ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
2. ทำให้ประสาทที่อยู่ทางด้านหลังถูกยืดออก จึงถูกกระตุ้น จึงทำให้การควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้ดีขึ้น
3. ลดผนังหน้าท้อง

 

                                        


7.ท่านั่งดอกบัว

วิธีทำ นั่งขัดสมาธิให้เท้าขวาทับพาดอยู่บนขาอ่อนข้างซ้าย และขาซ้ายมาพาดอยู่บนตักขวา สำหรับผู้ที่หัดใหม่ จะขัดขาเพียงข้างเดียวก่อนก็ได้ ต่อไปยืดตัวตรงเอามือประสานกันที่ด้านหลังของศีรษะ หายใจเข้ายืดตัวขึ้น เมื่อสูดหายใจเข้าแล้วค่อยก้มตัวเอียงไปข้างๆ ให้ข้อศอกซ้ายมาแตะที่เข่าซ้ายพร้อมกับหายใจออก เมื่อสูดหายใจออกแล้วก็ยกตัวกลับมาที่เดิมพร้อมกับหายใจเข้า
สลับทำข้างขวาเช่นเดียวกัน ทำเช่นนี้อีกข้างละ 5 รอบ

ประโยชน์
1. การทำท่านี้จะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในช่องท้องถูกกระตุ้นให้ทำงานแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ตะโพกและขาจะแข็งแรงขึ้น แก้อาการขาเปลี้ยเวลาเดิน
2. ลดไขมันหน้าท้อง หลัง ขา และตะโพก

 

                                        


8.
 ท่าคันไถ
วิธีทำ
นอนหงาย มือวางไว้ข้างลำตัว เหยียดขาตรง ต่อไปหายใจเช้าพร้อมกับยกขาขึ้นตรง ๆ เมื่อขาตั้งได้ฉากกับลำตัวแล้วค่อย ๆ กระเด้งตัวขึ้นหรือดันก้นขึ้น ต่อไปกดเท้าลงไปเหนือศีรษะ พยายามกดปลายเท้าให้ลงต่ำไปทางศีรษะเท่าที่จะทำได้ อาจจะต้องมีผู้ช่วยคอยจับเท้าค่อย ๆ กดลงไปอย่าให้ตัวโงนเงน ตอนระยะแรก ๆ อย่ากดเท้าลงไปมาก เมื่อทำหลาย ๆ หนแล้วจึงกดลงมากขึ้นอาจถึงพื้นก็ได้ อยู่ในท่านี้แล้วหายใจเข้าออก 4 ครั้ง แล้วจึงลดขาลงพร้อมกับหายใจออก ทำซ้ำเช่นเดียวกันนี้อีก 5 ครั้ง (ดูรูปที่ 8)

ประโยชน์
1. ลดไขมันหน้าท้อง
2. แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
3. ทำให้มีการนวดคลึงตับอ่อน ทำให้หลั่งอินซูลินมากขึ้น อาการเบาหวานก็ดีขึ้น

 

                             


9.
ท่างู
วิธีทำ นอนคว่ำหน้า ส้นเท้าชิดกัน ฝ่ามือคว่ำวางลงบนพื้นระดับไหล่ ต่อไปเงยหน้าขึ้นหายใจเข้า ในขณะที่ใช้ดันคอยยกศีรษะขึ้นและใช้กล้ามเนื้อหลังดึงให้ไหล่สูงขึ้น แล้วจึงใช้แขนดันตัวขึ้นอีกเล็กน้อยจนระดับสะดือพ้นพื้น ต่อไปจึงกลั้นใจนิ่งประมาณ 2-3 วินาที แล้วจึงหายใจออกพร้อมกับลดตัวลง
ทำท่าเช่นนี้อีก 5 รอบ

ประโยชน์
1. ทำให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง กระดูกหลังไม่แข็งตึงเคลื่อนไหวได้ง่าย กระดูกสันหลังไม่เปราะง่าย ป้องกันโรคกระดูกแฟบ
2. ทำให้กระปรี้กระเปร่า เพราะในการแหงนคอ ทำให้ต่อมธัยรอยด์ถูกบีบนวด
3. ไตทำง่านดีขึ้น ขับถ่ายของเสียได้มากขึ้น ช่วยป้องกันโรคนิ่วในไต

                                             

10.ท่าธนู
วิธีทำ นอนคว่ำ งอขาไปทางด้านหลัง เอามือยื่นไปจับที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง ยกหลังและดึงขาพร้อม ๆ กัน ให้ลำตัวโค้งเหมือนคันธนู ในขณะดึงขายกตัวขึ้นนี้ให้หายใจเข้า เมื่อลดตัวลงหายใจออก
ทำซ้ำอีก 5 ครั้ง

ประโยชน์
1. ลดความอ้วน
2. กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวได้ดี
3. ทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น เนื่องจากในท่านี้จะทำให้มีเลือดมาเลี้ยงต่อมเพศ และอวัยวะเพศมากขึ้น

 

                                      

11.ท่าเข่าแตะจมูก
วิธีทำ นอนหงายปลายเท้าชิดกัน คว่ำฝ่ามือไว้ข้างตัว ต่อไปยกขาซ้ายขึ้น พร้อมกับหายใจเข้าช้า ๆ ยกขาขึ้นจนขาตั้งฉากกับลำตัว แล้วลงเข่าเอามือทั้งสองมาประสานกันที่หน้าแข้ง ดึงเข่ามาหาหน้าอกพร้อมกับโน้มตัวมาข้างหน้า ดึงเข่ามาแตะที่จมูกหรือคาง พร้อมกับหายใจออก ต่อไปเหยียดขาตรงพร้อมกับหายใจเข้า ปล่อยมือวางไว้ข้างตัว ลดขาลงพร้อมกับหายใจออก
ต่อไปทำทางด้านขวาเช่นเดียวกัน ทำเช่นนี้ข้างละ 6 ครั้ง

ประโยชน์
1. แก้ปวดหลัง ทำให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง
2. แก้ปวดเข่า

 

                                        


12 .ท่าหมุนท้อง

วิธีทำ นอนหงายเท้าชิดกัน คว่ำมือแยกแขนออกตั้งฉากกับลำตัว ยกขาทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับหายใจเข้า ยกขึ้นจนกระทั่งขาตั้งฉากกับลำตัว แล้วเอียงขาทั้งสองไปทางด้านซ้ายพร้อมกับหายใจออก ต่อไปยกขากลับมาตรงกลางพร้อมกับหายใจเข้า ลดขาลงตรงกลางพร้อมกับหายใจออก ยกขาขึ้นพร้อมกับหายใจเข้า แล้วเอียงขาไปทางขวาพร้อมกับหายใจออก แล้วยกกลับมาตรงกลางพร้อมกับหายใจเข้า แล้วลดขาลงหายใจออก ทำเช่นนี้ซ้ำกันอีกรอบหนึ่ง

ต่อไปยกขาขึ้นหายใจเข้า แล้วเหวี่ยงขาเป็นรูปวงกลมรีไปทางซ้าย พร้อมกับหายใจออก เมื่อครบวงกลมลดขาลง ต่อไปยกขาขึ้นหายใจเข้า แล้วหมุนเท้าเป็นรูปวงรีไปทางขวาพร้อมกับหายใจออกเช่นเดียวกัน เมื่อหมุนครบรอบหายใจออกอยู่เรื่อย ๆ ลดขาลงแล้วยกขาขึ้นพร้อมกับหายใจเข้า ต่อไปลดขาลงหายใจออก

                                   


13 .ท่าสงบจิต

วิธีทำ นอนหงาย ศีรษะอยู่ห่างจากผนังข้างฝาประมาณ 1-2 ฟุต มือวางไว้ข้างตัว ต่อไปหายใจเข้าพร้อมกับยกขาทั้งสองข้างขึ้นตรง ๆ ต่อไป กระเด้งตัวเล็กน้อยขึ้นข้างบนพร้อมกับเอนตัวไปทางศีรษะจนปลายเท้าจดผนังตึก แล้วค่อย ๆ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นไปข้างบนเพื่อรับน้ำหนักของขาทั้งสองข้าง การยกแขนขึ้นไปนี้ต้องทำช้า ๆ มิฉะนั้นจะทำให้การทรงตัวเสีย อาจทำให้ล้มลงมาก็ได้ ต่อไปหายใจเข้าออกธรรมดา ส่งสมาธิไปที่ฝ่ามืออยู่ในท่านี้ประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงค่อย ๆ ลดขาลงแล้วเหยียดขา เหมือนอย่างเมื่อเริ่มต้น

ประโยชน์
ท่านี้ทำให้จิตใจไม่วอกแวก ไม่คิดถึงเรื่องอื่น ทำให้หมดกังวล จะทำให้ท่านนอนหลับได้ง่ายภายในไม่กี่นาที

 

                                          

14 .ท่าศพอาสนะ
วิธีทำ นอนหงายเหยียดขาตรงยาแยกกันประมาณ 1 ฟุต วางแขนไว้ข้าง ๆ ลำตัว ฝ่ามือหงาย ปล่อยตัวตามสบาย ผ่อนคลายก้ามเนื้อทุก ๆ ส่วนในร่างกาย หายใจเข้าออกช้า ๆ ขณะหายใจเข้าผนังหน้าท้องจะพองออก และขณะที่หายใจออกท้องจะแบนแฟบลงเล็กน้อย หลับตา ส่งจิตใจไปที่ผนังหน้าท้อง ท่านอยู่ในท่านี้ประมาณ 3-5 นาที

ประโยชน์
ท่านี้จะทำให้ได้พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งประสาทด้วย หัวใจก็จะได้รับการพักผ่อน การไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้อย่างสม่ำเสมอ ความดันเลือดจะลดต่ำลง เพราะฉะนั้นท่านี้จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูง
หลังจากทำท่านี้แล้วจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในทันที ทำให้ทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่านี้เหมาะสำหรับนักบริหารทุกคนควรปฏิบัติ
 

บทสุดท้าย
ดังนั้นท่านจะเห็นได้ว่า การบริหารแบบโยคะนี้มีประโยชน์มากมายท่านอาจปฏิบัติได้ทุกวัน ส่วนประโยชน์นั้นมีมาก ถ้าท่านทำทุก ๆ ท่าที่เขียนข้างบนนี้จะกินเวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ไม่เปลืองเวลาเลย สำหรับท่านที่ยังไม่แน่ใจ จะโทรศัพท์ติดต่อไปที่ผมโดยตรง ที่สุนีย์ โยคะสถาน โทร.2450269 ผมยินดีจะให้การแนะนำเสมอ
โยคะ ทำให้สุขภาพจิต สุขภาพกายสมบูรณ์
โยคะ ทำให้รูปร่างสมส่วน
โยคะ ช่วยชะลอความชรา

 

ข้อมูลสื่อ

20-009
นิตยสารหมอชาวบ้าน 20
ธันวาคม 2523
โยคะ