ในครั้งที่แล้วคุณพิฑูรย์ สารสม จากขอนแก่นเขียนมาแสดงความชื่นชมต่อแนวทาง “หมอชาวบ้าน” แต่ก็ยังเกรงว่าจะเป็นการหาเสียง ก็น่าเห็นใจครับ เพราะชาวบ้านถูกหลอกกันมามากเสียใจจนขยาด แต่เราขอถือโอกาสเรียนว่า นิตยสาร “หมอชาวบ้าน” มิได้เป็นของทางราชการ หรือรัฐบาล หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เกิดจากบุคคลคณะหนึ่ง ซึ่งใฝ่ฝัน แสวงหา และตะเกียดตะกาย ที่จะเห็นวิทยาการทางการแพทย์กระจายตัวไปเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านมากที่สุด
ที่ปกครั้งที่แล้วเราชูคำขวัญว่า ไม่ควรทำหรือใช้ยาชุดที่ใส่ยาคลอแรมหรือเพร็ดนิโชโลน ทั้งนี้ก็เพราะว่ายาชุดแก้ไข้ที่ขายๆ กันตามร้านชุดละ 2.50 หรือ 3 บาทนั้น นิยมใส่ยาคลอแรม (คลอแรมเฟนิค่อล) และแพร็ดนิโชโลน อย่างละ 1 เม็ด สำหรับ คลอแรม ที่ใส่ไป 1 เม็ดนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลยมีแต่โทษ ถ้าใครซวยหน่อยก็เกิดโรคไขกระดูกฝ่อ ตายไปเลย ส่วนเพร็ดนิโซโลน นั้นเล่าก็เป็นยาอันตรายสารพัดอย่าง (อย่างหมอชาวบ้าน ฉบับเดือนกรกฎาคม 2522 หน้า 40)
จึงขอร้องขายยาทั้งหลายว่า อย่าใส่คลอแรมหรือเพร็ดนิโซโลนในยาชุด และขอแนะนำท่านผู้อ่านว่า อย่าซื้อยาชุดที่ใส่คลอแรมหรือเพร็ดนิโซโลน
อันที่จริงเมื่อเป็นไข้หวัด ควรจะใช้ยาแยกไปตามอาการมากกว่าไปใช้ยาชุดรวมๆ ไปทั้งหมด คือถ้าเป็นไข้ หรือปวดหัว ก็ใช้แอสไพริน หรือพาราเซตามอล ถ้าคัดจมูกก็ใช้ยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน ถ้าไอก็ใช้ยาแก้ไอ เช่น ยาแก้ไอน้ำดำขององค์การเภสัชกรรม หรือยาแก้ไอยี่ห้ออื่นๆ (อ่าน หมอชาวบ้าน ฉบับเดือนพฤษภาคม 2522หน้า 26)
พูดถึงยาแก้ไอ ทำให้นึกขึ้นได้ว่าในฉบับที่ 2 หน้า 44 ในเรื่อง ยาแก้ไอ เราได้เอารูปขวดยาแก้ไอน้ำดำขององค์การเภสัชกรรมลงประกอบด้วย ทำให้บางท่านคิดว่าเป็นการโฆษณา ขอเรียนให้ทราบว่าเราเอาลงเองเพื่อประโยชน์ของผู้อ่าน โดยไม่ได้รับค่าโฆษณาจากผู้ผลิตเลย และขอเรียนอีกด้วยว่า ที่เราลงโฆษณายาตำราหลวงขององค์การเภสัชกรรมโดยบทความ ตั้งแต่ฉบับที่ 1 เป็นต้นมา เราลงให้ฟรีๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับค่าโฆษณา
แต่เราก็อยากจะลง เพราะยาตำราหลวง หรือยาสามัญประจำบ้าน ขององค์การเภสัชกรรมเป็นยาที่ได้มาตรฐาน ราคาถูก และประชาชนสามารถจะซื้อขายกันเองได้ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาต
- อ่าน 1 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้