• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

พระ : หมอโบราณ

พระ : หมอโบราณ

คนสมัยใหม่ชอบว่าคนโบราณไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คือ ไม่รู้เหตุผล เชื่อและทำตามกันอย่างงมงาย การที่คนโบราณรู้หรือทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลทางธรรมชาติ และความรู้นั้นไม่เป็นระเบียบสักแต่ว่ารู้ว่าทำ ไม่รู้เหตุผลเป็นระเบียบจึงกลายเป็นคนโบราณไป ดังนั้นคนสมัยใหม่กับคนโบราณจึงต่างกันที่ความรู้คนโบราณกินข้าวกินน้ำไม่รู้ว่าข้าวว่าน้ำเป็นอะไร คนสมัยใหม่ก็กินเหมือนกันแต่มีความรู้ว่า ข้าวมีคาร์โบไฮเดรตเป็นพื้น กินเข้าไปทำให้เกิดพลังงาน ส่วนน้ำมีไฮโดรเจน และออกซิเจน เป็นเครื่องละลายอาหารเป็นน้ำเลือดน้ำเหลืองและเข้าไปประกอบเป็นน้ำหล่อลื่นของร่างกายให้ชุ่มชื้น เหล่านี้เป็นต้น แต่ในทางปฏิบัติ คนสมัยใหม่และคนโบราณก็คงกินข้าวกินน้ำเหมือนกัน

คนโบราณไม่มีความรู้ตามระบบวิทยาศาสตร์ แต่คนโบราณมีสมองประหลาดมหัศจรรย์ เป็นผู้ชี้ช่องทางแก่วิทยาศาสตร์ รู้และทำมาก่อนวิทยาศาสตร์ ถ้าเราจะศึกษาเรื่องโรคของยาก็จะเป็นว่ามียาเป็นอันมากที่คนโบราณใช้ตรงแก่โรคและอาการนำวิทยาศาสตร์มาก่อนเป็นพันๆ ปี เช่น เหล็ก สารหนู กำมะถัน ปรอท เกลือ ฯลฯ ยาจำพวกพันธุ์ไม้ก็มีและใช้ตรงแก่โรคและอาการ เช่น ยาแก้ไข้ ยาถ่าย ยาธาตุ ยาแก้ท้องเดิน ยาใส่แผล และยาอื่นๆ เป็นอันมาก

ทุกอย่างที่คนโบราณรู้และกระทำอย่างถูกต้องมาก่อน เช่น คนโบราณกินข้าว กินผัก กินผลไม้ กินปลา กินเกลือ และกินน้ำ อะไรที่กินไม่ได้หรือไม่ควรกิน คนโบราณก็รู้และคนสมัยใหม่ก็กินตามคนโบราณอยู่ การกินของคนสมัยใหม่บางอย่างกลับกินเลวกว่าคนโบราณ เช่น คนโบราณกินข้าวสีซ้อมมือ ปลอกเม็ดข้าวยังติดอยู่ ได้กินวิตามินแบบโบราณๆ ส่วนคนสมัยใหม่กินข้าวสีด้วย เครื่องมือวิทยาศาสตร์ สีจนเหลือแต่เม็ดข้าวไม่มีวิตามิน ถ้าจะต้องกินวิตามินก็ต้องซื้อกินอย่างคนสมัยใหม่ต่างหากอีก

คนโบราณนี้มีกำลังกาย กำลังใจเข้มแข็ง มีความพากเพียรอุตสาหะมานะอดทน ซื่อตรงต่อหน้าที่และการงาน ไม่รู้จักคอร์รัปชั่น เซ็งลี้ ดูถูกเหยียดหยามเพื่อนมนุษย์ เข้ารับราชการก็ไม่เคยคอร์รัปชั่น ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการพลเรือนอื่นใดก็ดี ไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่หาผลประโยชน์มาเป็นส่วนตัว ไม่เคยรับสินบาทคาดสินบนใคร ถึงแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตสักแค่ไหน ก็ไม่เคยปล่อยผู้ต้องหาหรือนักโทษแต่ประการใด หรือร่วมกันโกงชาติบ้านเมืองในการก่อสร้างถนนหนทาง ถ้าคนโบราณคิดจะสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นผู้แทนกับเขาบ้าง ก็สมัครเหมือนกัน แต่ไม่เคยใช้เงินทุ่มเงินหว่านเพื่อหาเสียงเหมือนกับคนสมัยใหม่เขา คนโบราณไม่ชอบการผูกขาดความรักชาติเสียคนเดียวพวกเดียว เพราะคนโบราณกลัว “สิ้นชาติ” เช่น ประเทศใกล้บ้านเรือนเคียง

วิชาแพทย์แผนโบราณ ก็เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของคนโบราณ เพราะมีอะไรแยบคายดี หลายอย่างมีมาก่อนวิทยาศาสตร์และบางอย่างก็สูงกว่าวิทยาศาสตร์ วิชาแพทย์โบราณของไทยเราสืบเนื่องมาจากวิชาแพทย์แฟนโบราณของฮินดู ประเทศอินเดีย วิชาแพทย์ของฮินดูเข้ามาประเทศไทยเราพร้อมกับคนไทยที่ได้รับการศึกษาศิลปะวิทยาต่างๆ จากพราหมณ์ซึ่งเป็นฮินดูพวกหนึ่ง และเข้ามาพร้อมกับภิกษุสงฆ์ที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระพุทธเจ้าทรงสนับสนุนให้ภิกษุสงฆ์เรียนวิชาแพทย์ในระบบ “อายุรเวท” ด้วยเหตุผล 4 ประการ คือ

1. พระพุทธเจ้าทรงทราบความจริง และคุณประโยชน์ของแพทย์ระบบ “อายุรเวท” ว่าเป็นวิชาที่สามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และสรรพสัตว์ได้ตามสมควร การที่ทรงทราบก็เพราะพระองค์เคยศึกษาพระเวทมาก่อน เมื่อครั้งอยู่กับอาฬารดาบสและอุทกดาบสผู้เป็นอาจารย์

2. พระภิกษุสงฆ์เป็นผู้ขาดญาติพี่น้อง พ่อแม่ ลูกเมีย ตัวคนเดียว เมื่อภิกษุสงฆ์เจ็บไข้ได้ป่วยภิกษุต้องบอกกล่าวกัน และต้องช่วยกันรักษาพยาบาลกัน ผู้ใดช่วยรักษาพยาบาลภิกษุผู้เจ็บไข้ได้ป่วยพระองค์ถือว่าเท่ากับได้ช่วยพระองค์ด้วย

3. ภิกษุต้องรู้วิชาแพทย์เพื่อป้องกันโรค บำบัดโรค ให้แก่ตัวเองเองเท่าที่สามารถจะทำได้

4. ภิกษุต้องใช้วิชาแพทย์ช่วยผู้เจ็บไข้ได้ป่วยที่พบเห็น และที่ขอให้ช่วย เป็นการแผ่เมตตากรุณ ปลูกศรัทธาให้แก่คนทั่วไป

โดยเหตุผล 4 ประการของบรมพระศาสดาดังกล่าวมานี้ พระจึงเป็นหมอมาแต่โบราณกาล ประชาชนทั้งหลายก็ได้อาศัยหมอพระ ไม่มีใครทำให้ด้วยน้ำใจอย่างพระ คนที่เป็นหมอโบราณรุ่นหลังๆ มานี้ก็เรียนมาจากพระทั้งสิ้น แต่ทุกวันนี้ พระภิกษุสงฆ์ไม่มีสิทธิ สอบขอรับใบประกอบโรคศิลปะจากกระทรวงสาธารณสุข มันขัดกับ พ.ร.บ. หรือกฎหมายอะไรก็แล้วแต่ ก็น่าจะแก้ไขได้

ขอพูดเรื่องโรคภัยไข้เจ็บกับยาพื้นบ้านของเราต่อนะครับ

1. ฟกช้ำ เคล็ด ปวดหัว พิษแมลงสัตว์กัดต่อย คันตามผิวหนัง เอาน้ำส้มสายชู เหล้าน้ำ ส่วนละเท่ากันปิด หรือทาก็ได้

2. ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เอาน้ำมันมะพร้าว น้ำปูนใส อย่าละ 10 ซี.ซี. ไข่แดง น้ำประสานทอง 0.4 กรัม ผสมกันแล้ว ทาบริเวณที่ไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก

3. ปวดข้อรูมาติซั่ม เอาน้ำมันเม็ดมะรุม น้ำมันถั่วลิสง ส่วนละเท่ากัน ทาแก้ปวด

4. เจ็บคอ หวัด ไข้หวัดใหญ่ ล้างจมูก เอาเกลือสินสมุทร 4 กรัม น้ำอุ่น 500 ซี.ซี. ใช้อมบ้วนปากกลั้วคอ สวนท้องก็ได้ครับ

5. เป็นไข้ บวม ขับปัสสาวะ เอาดินประสิว 2 ช้อนกาแฟ น้ำลูกเดือยต้ม 500 ซี.ซี. ผสมกันกินครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 ครั้ง

6. แก้บิด เอาเปลือกลูกทับทิม เปลือกมังคุด เปลือกโมกหลวงอย่างละ 30 กรัม น้ำ 500 ซี.ซี. ต้มให้เดือดนานสัก 15 นาที กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง

7. แก้บิด และท้องเดิน เอาเปลือกลูกทับทิมแห้ง 60 กรัม การพูล 8 กรัม ตำรวมกับน้ำ 500 ซี.ซี. ต้มเดือดสัก 15 นาที แล้วกรอง กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ

8. แก้บิดและริดสีดวงพลวก เอากล้วยน้ำว้าสุกงอม 1 ลูกบด น้ำนมสด 120 ซี.ซี. ผสมให้เข้ากันดี ตักกินด้วยช้อนกาแฟช้า ๆ ให้หมด ทำกินวันละ 3 ครั้ง

9. แก้บิด และ ท้องเดิน เอากล้วยน้ำว้าสุกงอม 8 กรัม มะขามเปียก 16 กรัม เกลือ 2 กรัม บดเข้าด้วยกันกินวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

10. ภายในปากอักเสบ เอาชะมดยอบ 4 กรัม น้ำผึ้ง บรั่นดี หรือสุราก็ได้ อย่างละ 4 ซี.ซี. น้ำ 180 ซี.ซี. ผสมกันใช้อมแก้ปากอักเสบ

11. ยาถ่าย เอาสมอไทย 20 กรัม โกฐน้ำเต้า 4 กรัม น้ำ 120 ซี.ซี. ต้มเดือดนาน 10 นาที แล้วกรองกินครั้งเดียวให้หมด

12. ยาถ่าย เอาสมอไทย 24 กรัม อบเชย กานพูล อย่างละ 4 กรัม น้ำ 240 ซี.ซี. ต้มเดือดนาน 10 นาที แล้วกรองกินครั้งเดียวให้หมด

13. ท้องเดินและขับลมในลำไส้ เอาสมอไทย ดีปลี เกลือสินเธาว์ ส่วนเท่ากัน ทำเป็นผล กินครั้งละ2 กรัม หลังอาหาร (ยาพื้นบ้านเราถ้าไม่ระบุว่าหลังอาหารส่วนมากต้องกินก่อนอาหารทั้งสิ้น)

14. ขับปัสสาวะ และระบายท้อง เอาน้ำคั้นลูกมะขามป้อม 12 ซี.ซี. น้ำตาล 12 กรัม น้ำ 300 ซี.ซี. ผสมกันกิน

15. บำรุงกำลัง และแก้คอแห้ง เอาชะมดเชียง กระวาน กานพลู อย่างละ 0.32 กรัม บดผสมกับน้ำผึ้ง 30 ซี.ซี. กินครั้งละ 1 ช้อนกาแฟ

16. ฮิททีเรีย ตื่นเต้นหรือชัก เอาโกศชฎามังสี 8 กรัมตำ น้ำเดือด 300 ซี.ซี. ชงแช่ไว้ 1 ชั่วโมง แล้วกรองกินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ

17. ยาระงับประสาท เมื่อเร็วๆ มานี้ ได้เดินทางไปพบบาทหลวงวิจิตร ไตรภพ ที่ อ. ขลุง จันทบุรี พอพบหน้ากันท่านบอกว่ามีคนไข้รายหนึ่งกินยาระรงับประสาทมานานแล้ว โดยหมอหลวงเขาจ่ายยาให้แต่คนไข้อยากจะเลิก หมอหลวงก็บอกเหมือนกันว่ากินมากๆ ไม่ดี ได้ถามกระผมว่าจะใช้ยาสมุนไพรอะไรดี กระผมบอกกับท่านว่ายาระงับประสาทที่กระผมจะให้นี้ กระผมเคยใช้มาแล้วได้ผลดีพอสมควร คือ เอาโกศชฎามังสี 150 กรัม ตำ เอาเหล้าอย่างแรง 500 ซี.ซี. หมักแช่ไว้ 2 วันแล้วกรองใส่ขวดจุกให้แน่น กินครั้งละ 1 ช้อนกาแฟก่อนอาหาร

18. วิธีทำน้ำเชื่อมผสมยาต่างๆ เมื่อบาทหลวงวิจิตร ไตรภพ รู้เรื่องยาระงับประสาทง่ายๆ แล้วท่านก็ยังถามต่อไปอีกว่า แล้วน้ำเชื่อมผสมยาต่างๆ นั้นทำอย่างไร วิธีทำน้ำเชื่อมผสมยาต่างๆ ทำดังนี้ครับ กระผมก็ตอบท่านไป คือ เอาน้ำตาลทรายขาว 84 กรัม เติมน้ำลงไป 100 ซี.ซี. ต้มให้เดือดแล้วเก็บไว้ผสมยาเท่านี้เองแหละครับ

19. แก้หืด แก้ไอ เอาใบลำโพงแห้งทำเป็นบุหรี่สูบ

20. ยาแก้สะอึก เอาใบมะตูม 1 กำมือ หัวหอม 3 หัว พริกไทย 3 เม็ด ต้มกิน

21. ยาแก้สะอึก เอากระเทียมคั่วให้สุก ใบแมงลักคั่วไม้ตับปิ้งปลาเอาตรงที่คาบปลาเผาให้ไหม้ส่วนเท่ากัน บด ละลายน้ำร้อนกิน

22. ยาพอกฝี เอาข้าวสุกเผาไฟ บอระเพ็ด ขมิ้นอ้อย ใบสะเดา ใบฝรั่ง ตำพอก

23. ถ้าฝีแตกแล้ว เอาเปลือกเม็ดมะขามคั่ว ขมิ้นอ้อย ดินสอพอง เกลือตัวผู้ ข้าวบูด บดให้ละเอียดพอกเข้าไปเพื่อดูดหนอง

ยาอายุวัฒนะตำรับพิเศษ

ยาอายุวัฒนะตำรับนี้ได้มาจากนักศึกษาคนหนึ่งที่กระผมได้ไปอบรมให้ เมื่อจบการอบรมแล้วนักศึกษานั้นบอกว่า ถ้าเอาไปลง “หมอชาวบ้าน” ได้จะดีมาก เพราะคนไทยส่วนมากเจ็บไข้ได้ป่วยกัน ก็เพราะไม่ได้กิน ยาอายุวัฒนะตำรับพิเศษนี้ มีตัวยาดังต่อไปนี้ครับ

1. ท่านให้เอาต้นกตัญญูกตเวทีทั้ง 5

2. เปลือกอารีอารอบ

3. ใบอ่อนน้อม

4. ดอกอัชฌาสัย

5. แก่นสันติ

6. เกสรเมตตาจิต

7. ก้านสันโดษ

8. ผักประเพณี

9. น้ำใจบริสุทธิ์ ตัวยาทั้งหมดเสมอภาค

10. ผลความสัตย์ เท่ายาทั้งหมด

ผสมยา 10 อย่างนี้ ใส่กระทะคั่วไปด้วยความประณีต อย่างช้าๆ ค่อยๆ ผ่อนความร้อนจากไฟราคะ โลภะ โทสะ โมหะ จนความร้อนเย็นพอสมควร แล้วเอายานี้นำลงครกดวงจิต เอาสติเป็นสาก ค่อยบุบ ตำให้ละเอียดทั่ว เก็บไว้ในโถปัญญา เอาน้ำคำสั่งสอนของธรรมะพร้อมด้วยเกร็ดยินดีแทรกเป็นน้ำกระสายยากินได้ทุกวัน อายุยืนดีนักแล

ยาอายุวัฒนะตำรับพิเศษนี้ ห้ามของแสลง 7 อย่าง

1. ริษยา

2. ปากดีใจร้าย

3. ยกตนเกินฐานะ หรือยกตนข่มท่าน

4. ใจน้อย หูเบา

5. คิดพยาบาท มาดร้าย

6. ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น

7. หน้าไหว้หลังหลอก

ของแสลง 7 อย่างนี้ ห้ามแตะต้องหรือเข้าใกล้เด็ดขาด หากท่านปฏิบัติได้ดังนี้แล้วไซร้ หรืออดของแสลงเหล่านี้ได้แล้ว สรรพคุณของยาจะเห็นผลอย่างรวดเร็วครับ

เกร็ดยากลางบ้าน

6. ซีดและไอ เอาสารส้ม 3.2 กรัม น้ำดอกไม้เทศ 150 ซี.ซี. กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง

7.แก้หืด เอาใบเสนียดแห้งมวนเป็นบุหรี่สูบ

8. แก้ไอ เอาใบเสนียดสดคั้น เอาน้ำ 30 ซี.ซี. น้ำผึ้ง 30 ซี.ซี. กินครั้งละ 1-2 ช้อนกาแฟ

9. พยาธิตัวตืด เอาเม็ดขางแดง 4 กรัม น้ำตาลทรายขาว 4 กรัม บดปั้นเม็ด 1 เม็ด กินขับพยาธิ

10. ลักปิดลักเปิด หรือขาดวิตามิน ซี. เอาเนื้อมะตูม 50 กรัม น้ำ 120 ซี.ซี. น้ำตาลทราย ขาวตามต้องการ ต้มกินตามควร วันละ 3 ครั้ง หรือเอาน้ำมะนาวสด 30 ซี.ซี. น้ำตาล 80 ซี.ซี. น้ำ 240 ซี.ซี.ผสมกันกินวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

11. บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ เอาว่านน้ำ 24 กรัม น้ำเดือด 300 ซี.ซี. ชงแช่ไว้ 6 ชั่วโมง กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง

12. ทราย กรวด หิน ฯลฯ เข้าตา เอาน้ำมันละหุ่งหยอดตาครั้งละ 2 หยด กันมิให้บาดตาแล้วรีบเอาออกเสีย

13. เจ็บคอ ไอ เหงือกบวม เลือดออกทางปาก ปากอักเสบ เอาสีเสียดอมเอาใต้ลิ้น

14. ท้องขึ้น ปวดท้อง เอาขิง 30 กรัม น้ำเดือด 500 ซี.ซี. ชงแช่ไว้ 1 ชั่วโมง แล้วกรองกินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ

15. ลมบ้าหมู ฮีสทีเรีย เอาโกศชฎามังสี 13 กรัม การบูร 2 กรัม อบเชย 3.2 กรัม ทำผงแบ่งเป็น 10 ห่อ กินครั้งละ 1 ห่อ

16. ยาระบายท้อง เอาดอกผักบุ้ง เกลือสินเธาร์ อย่างละ 30 กรัม ขิง 4 กรัม ทำผงกินครั้งละ 1ช้อนกาแฟ วันละ 3 ครั้ง

17. บิดและท้องเดิน เอาเปลือกมังคุด 6.5 กรัม อบเชย 3.2 กรัม กระวาน 6.5 กรัม ทำผงแบ่ง 10 ห่อ กินครั้งละ 1 ห่อ วันละ 3 ครั้ง

18. บิดและท้องเดิน เอาเปลือกมังคุด 60 กรัม น้ำ 500 ซี.ซี. ต้มเดือดนาน 30 นาที แล้วกรอง เอาน้ำเชื่อมเติมลงไป กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ

ข้อมูลสื่อ

5-014
นิตยสารหมอชาวบ้าน 5
กันยายน 2522