• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ท่าทำงานไม่ก้ม

เคยสำรวจอาการปวดหลังในชาวนาภาคกลาง มากกว่าร้อยละ 90 ปวดหลังจนต้องอาศัยยาแก้ปวดวันละหลายซอง ก่อให้เกิดปัญหาโรคแผลในกระเพาะ เพราะฤทธิ์ข้างเคียงของยา

ท่าที่ทำให้ปวดหลังที่สุดคือ ท่าก้มในขณะตกกล้าและเกี่ยวข้าว โดยเฉพาะการเกี่ยวข้าวชนิดพันธุ์เตี้ยลงๆ และต้นข้าวมักล้มลงเวลาสุก กว่าจะได้ข้าวหนึ่งกำมือต้องก้มลงจนหลังปวดแทบจะขาด
ท่าก้มจึงเป็นท่าที่มนุษย์ทนทุกข์ทรมานมาก เพราะเป็นท่าที่ทำให้ปวดหลัง

ในโรงงานทอผ้า กรรมกรสาวต้องคอยก้มตรวจต่อเส้นด้ายที่ขาดวันละหลายๆเที่ยวจนปวดเมื่อยหลังและคอ

ที่โต๊ะทำงานในหลายๆบริษัทหรือหน่วยราชการ โต๊ะที่เตี้ยหรือสูงเกินไป ทั้งเก้าอี้ที่ไม่ได้สัดส่วนกับช่วงลำตัวและขา ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องก้มหรือยกไหล่อยู่ตลอดเวลา เกิดอาการปวดเมื่อยที่ต้นคอ บ่าทั้งสอง และปวดหลัง

ย่อมเห็นได้ว่าท่าทำงานที่ไม่เหมาะสมเป็นต้นเหตุของอาการปวดต่างๆ โดยเฉพาะคอและหลัง
มีผู้เชี่ยวชาญตั้งเป็นสูตรว่าผู้ใช้แรงงาน เช่น ชาวนา กรรมกร ต้องปวดหลัง ผู้ทำงานใช้สมองต้องปวดคอ

ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ยังลืมกลุ่มแม่บ้านที่ต้องปวดไหล่ ปวดข้อศอกจากการที่ต้องหิ้วของจ่ายตลาด ตักน้ำ ซักเสื้อผ้า ซึ่งล้วนแต่เกิดจากกิจวัตรประจำวันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ทั้งๆที่สมัยนี้มีเครื่องผ่อนแรงต่างๆมากมาย แต่อาการปวดข้อดังกล่าวก็ไม่ได้ลดลง

การที่มนุษย์รู้จักทำงานและมีอาชีพต่างๆนั้น เป็นลักษณะเด่นของมนุษย์ที่สามารถยืนอยู่บนขา 2 ข้างได้ ซึ่งทำให้หลังตั้งตรงและชูศีรษะขึ้นได้อย่างสง่าผ่าเผย แต่หลังของคนเรานั้นไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเตรียมพร้อมรับงานที่หักโหมอยู่ตลอดเวลา และที่แน่ๆคือ ไม่สามารถทนต่อน้ำหนักต่างๆ เนื่องจากกล้ามเนื้อหลังสามารถสู้กับน้ำหนักได้เพียงไม่กี่กิโลกรัม และน้ำหนักที่ยก เมื่อคูณกับความยาวของช่วยแขนจะมีค่าเป็นน้ำหนักหลายสิบเท่าที่ฉุดดึงบนกระดูกสันหลัง และถ้าต้องอยู่ในท่าก้มแล้ว ที่บั้นเอวจะรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยเท่าของน้ำหนักที่ถือทีเดียว

ดังนั้นถ้าต้องทำงานอยู่ในสภาพก้มอยู่ตลอดเวลา กระดูกสันหลังจะเสื่อมเร็ว เช่นเดียวกับการที่กระดูกสันหลังได้รับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ย่อมก่อให้เกิดการบาดเจ็บของหลังได้ ทำให้ปวดหลังเหลือทน และที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคือ รากประสาทที่มาเลี้ยงแขนขาอาจถูกกดทับจากหมอนรองกระดูกสันหลัง เกิดอาการชา สูญเสียความรู้สึกที่ผิวหนัง หรือเกิดอาการอ่อนแรงลงของกล้ามเนื้อแขนขาได้

                                                            

ท่าทำงานจึงต้องหลีกเลี่ยงการก้ม โดยพยายามทำให้หลังอยู่ในแนวตรงเสมอ ที่สำคัญคือ เวลายกของหนักต้องพยายามอุ้มสิ่งของนั้นแทนที่จะหิ้วหรือยกในท่ายื่นแขนไปข้างหน้า เพราะสิ่งของเมื่ออยู่ใกล้ลำตัวจะทำให้ออกแรงยกน้อยกว่าเมื่ออยู่ห่างจากลำตัว เราอาจทดลองดูโดยหยิบขวดน้ำยื่นไปด้านหน้าในท่าแขนเหยียดตรง กับการอุ้มขวดน้ำประชิดลำตัวหรือหนีบไว้ใต้รักแร้ จะเห็นได้ว่าการยื่นแขนออกจะถือขวดน้ำไม่ได้นาน

                                                            

ในการทำงานจึงต้องรักษาท่าอกผายไหล่ผึ่ง หลังตรงและให้น้ำหนักของสิ่งของอยู่แนบลำตัวเสมอโดยไม่กลัวความสกปรก ซึ่งหลีกเลี่ยงได้โดยใส่ชุดทำงานแทนชุดปกติ

การเข็นล้อเลื่อนไม่ก้มลงเข็นแต่ตั้งตัวให้ตรง งอเข่าและสะโพก ย่อตัวลงให้อยู่ในระดับที่เข็นได้สบาย
การยกกระถางของหนักต้องใช้วิธีย่อตัวลงและอุ้มขึ้น เช่นเดียวกับเวลาอุ้มเด็ก ไม่ควรก้มลงยกของหรืออุ้มเด็ก

การหิ้วของหนักให้แบ่งหิ้วทั้ง 2 มือ ทดสอบน้ำหนักที่หิ้วว่าเกินความสามารถของตนเองหรือไม่ โดยงอข้อศอกดู ถ้างอข้อศอกไม่ได้แสดงว่าของที่หิ้วหนักเกินไป

                                                            

การยกของจากที่สูง เช่น จากบนรถสิบล้อ ควรมีผู้ช่วยยกอยู่บนรถ และอุ้มของนั้นใส่บ่าผู้ยกหรือใช้ไม้กระดานพาดเป็นทางยาวสำหรับเดินลงจากบนรถ ถ้าไม่มีผู้ช่วยยกควรใช้ม้านั่งเสริมให้สูงขึ้นเพื่อยกของชิ้นนั้น

เวลาพิมพ์ดีด ต้องใช้โต๊ะพิมพ์ดีดซึ่งต่ำกว่าโต๊ะธรรมดา เพราะพิมพ์ดีดมีความสูงมาก เวลาพิมพ์หนังสือจะได้ไม่ต้องยกบ่าอยู่ตลอดเวลา

                                                          

เวลาเขียนหนังสือ ต้องใช้ข้อศอกอยู่เหนือกว่าโต๊ะทำงานเล็กน้อยเพื่อไม่ต้องก้มศีรษะลง

สำหรับแม่บ้าน การซักผ้าอยู่กับพื้นควรมีม้านั่งเตี้ยๆ นั่งซัก หรืออาจเปลี่ยนมายืนซักในระดับอ่างล้างหน้า

เวลาขัดพื้น อาจลงไปขัดในท่าคลาน แต่วิธีที่ดีอาจจะใช้วิธียืนขัดด้วยไม้ขัดพื้น โดยไม่ต้องก้มลง

                                              

โรงงานต่างๆ ควรปรับเครื่องมือให้อยู่ในระดับที่ไม่ต้องก้มลง เพราะจากสถิติการลาหยุดงานเพราะปวดหลังเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ซึ่งเกิดผลเสียต่อโรงงานและตัวกรรมกร

หลังจากแก้ปัญหาให้ท่าทำงานหลายๆรูปแบบแล้ว ท่าทำงานที่ยังแก้ไขไม่ได้คือ ท่าทำงานของชาวนาซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ แต่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการปวดกระดูกสันหลัง

วิธีแก้ไขคงมีอยู่ท่าเดียวคือเปลี่ยนเทคโนโลยีการทำนาให้ใช้เครื่องจักรหรือคิดค้นเครื่องผ่อนแรงให้มากขึ้น มิฉะนั้นแล้วประชากรส่วนใหญ่ของประเทศคงต้องอยู่ในสภาพปวดหลังเมื่อต้องทำนาในท่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้
 

ข้อมูลสื่อ

106-025
นิตยสารหมอชาวบ้าน 106
กุมภาพันธ์ 2531
บุคลิกภาพ
รศ.ประโยชน์ บุญสินสุข