• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

บุหรี่ : ข้อเท็จจริงที่ทั้งคนสูบและไม่สูบควรทราบ

บุหรี่ : ข้อเท็จจริงที่ทั้งคนสูบและไม่สูบควรทราบ


ท่านผู้อ่านทราบไหมครับว่า...  บุหรี่แต่ละมวน ทำให้ผู้สูบอายุสั้นลง 18 นาที!

การอยู่ในห้องที่มีคนสูบบุหรี่เพียง 1 ชั่วโมง ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่จะหายใจเอาควันบุหรี่เข้าไปในปอดเป็นปริมาณเท่ากับบุหรี่ 1 มวน! หญิงไม่สูบบุหรี่ที่แต่งงานกับชายสูบบุหรี่ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดมากกว่าหญิงไม่สูบบุหรี่ที่แต่งงานกับชายไม่สูบบุหรี่ และโดยเฉลี่ยจะเสียชีวิตเร็วกว่าถึง 4 ปี
ทั้งๆที่เป็นเมืองพุทธ และศีลข้อที่ 5 สอนพุทธศาสนิกชนให้ว่างเว้นจากการเสพอบายมุข สุรายาเมา แต่กลับมีคนไทยติดบุหรี่ถึง 10 ล้านคน หรือคนไทยทุก 5 คนจะติดบุหรี่ 1 คน!

.ศ.2529 กระทรวงสาธารณสุขได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินงานทั้งหมดของกระทรวงเป็นเงินประมาณ 9,447 ล้านบาท แต่เฉพาะโรคหลอดลมอักเสบและโรคถุงลมในปอดพอง ซึ่งมีส่วนเกี่ยวพันกับการสูบบุหรี่นั้น ต้องใช้เงินในการรักษาถึงปีละประมาณ 4,670 ล้านบาท (ยังไม่รวมถึงโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่)ทั่วโลกมีคนตายจากการสูบบุหรี่ถึงปีละ 10 ล้านคน มากกว่าจำนวนคนตายจากสงคราม อุบัติเหตุ และโรคอื่นๆทุกโรครวมกัน! จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อองค์การอนามัยโลกประกาศว่า

การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของปัญหาสาธารณสุขโลกในปัจจุบัน”

ที่น่าเจ็บใจก็คือ เป็นสาเหตุเดียวที่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้
แต่ก็มีคนจำนวนมากที่นอกจากจะไม่หลีก ไม่เลี่ยงแล้ว ยังใช้เงินทองไปซื้อหามารีบสูบ เร่งอัดเอาควันเข้าปอด เพื่อให้เกิดโรค เกิดมะเร็ง เกิดความทุกขเวทนาแสนสาหัส ทุรนทุราย ตายก่อนวัยอันควร
ควันบุหรี่ หรือควันนรกนี้ นอกจากจะทำอันตรายต่อคนสูบเองแล้ว ยังไปรบกวนทำอันตรายต่อผู้ที่ไม่สูบอื่นๆรอบข้างอีกด้วยเพราะฉะนั้น การสูบบุหรี่จึงไม่ได้เป็นแค่ปัญหาสำคัญทางด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนอีกต่อไปแล้ว
ไม่ใช่ธุระส่วนตัวของใครคนเดียวแล้ว
ไม่ใช่เรื่องตัวใครตัวมันอีกต่อไปแล้ว
หากแต่ได้กลายเป็นปัญหาของสิ่งแวดล้อม ชุมชน ประเทศ และของโลก เพราะส่งผลกระทบกระเทือนถึง สุขภาพ...เศรษฐกิจ...สิทธิ...ตลอดจน...ความ “สุขกาย สบายใจ” ของ...ทั้งคนสูบบุหรี่ และไม่สูบบุหรี่ทุกคน!


⇒ มนุษย์เริ่มสูบบุหรี่เป็นมาตั้งแต่เมื่อไร
ไม่มีใครทราบว่ามนุษย์เริ่มสูบบุหรี่เป็นมาตั้งแต่เมื่อไรแน่ แต่ในยุคที่ชาวยุโรปเริ่มเดินทางไปสำรวจทวีปอเมริกาเหนือ ก็พบว่าพวกชาวอินเดียนแดงนิยมสูบควันของใบยาสูบจากกล้อง พวกนักบุกเบิกยุคแรกนี้จึงนำใบยาสูบมาเผยแพร่ในยุโรป
ผู้ที่ปรากฏชื่อเสียงเกี่ยวข้องกับยาสูบคนแรกคือ จัง นิโคต์ (JEAN NICOT) ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำโปรตุเกส ในช่วง ค.ศ.1560 เป็นผู้เผยแพร่ถึงคุณประโยชน์ต่างๆ ของใบยาสูบว่ามีคุณค่าทั้งทางการแพทย์และอื่นๆ จนกระทั่งชื่อของเขาได้รับเกียรติไปตั้งเป็นชื่อของต้นยาสูบ คือ NICOTIANA TABACUM และเป็นชื่อของสารเคมีสำคัญในใบยาสูบคือ นิโคติน (NICOTINE)
สมัยก่อนนั้นนิยมสูบใบยาสูบจากกล้องหรือทำเป็นมวนใหญ่แบบซิการ์ หรือเคี้ยวเส้นยาสูบ หรือบางทีก็ป่นเป็นผงแล้วสูดเข้าจมูกแบบยานัตถุ์

จนกระทั่งถึง ค.ศ.1910 จึงเริ่มมีโรงงานผลิตยาสูบเป็นมวนบุหรี่สำเร็จรูปขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมวนด้วยกระดาษทำให้ขนาดมวนบุหรี่เล็กกะทัดรัด สวยงาม น่าสูบสะดวกใช้มากขึ้น เป็นเหตุให้ผู้คนหันมานิยมเสพอบายมุขนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว วิวัฒนาการก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการผลิตบุหรี่ ด้วยการมวนด้วยกระดาษสีสันต่างๆสวยงาม ในสมัยก่อนการบรรจุในห่อหรือกล่องที่ออกแบบงดงามทันสมัย พกพาติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวก การสามารถทำให้มีควันละเอียดขึ้น การคิดค้นก้นกรอง ตลอดจนนำเมนทอลมาผสม กอรปกับการนำกลอุบายการโฆษณาและการตลาดอันชาญฉลาดของบรรดาบริษัทยาสูบข้ามชาติที่ทุ่มโฆษณาล้างสมองคนทั้งโลกให้มีค่านิยมที่ผิดๆว่า การสูบบุหรี่เป็นสัญลักษณ์ของความโก้เก๋ ทันสมัย เป็นเครื่องหมายของลูกผู้ชาย ของผู้ประสบความสำเร็จ มีผลทำให้มีคนหลงผิดติดบุหรี่กันงอมแงมทั่วโลก
สมัยก่อนคนสูบบุหรี่ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย แต่พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้หญิงเริ่มหันมานิยมสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว


⇒ ควันบุหรี่มีส่วนประกอบอะไรบ้าง
ควันสีเทาของบุหรี่นั้น ประกอบด้วยส่วนประกอบต่างๆ ถึงกว่า 3,000 ชนิด!
โดย 10% เป็นอณูเล็กๆของสารต่างๆที่สำคัญและเป็นอันตรายที่สุดคือ นิโคตินและทาร์ (TAR) ส่วนอีก 90% เป็นแก๊สชนิดต่างๆ ที่สำคัญและเป็นอันตรายคือ คาร์บอนมอนอกไซด์ (CARBON MONOXIDE) นอกจากนี้ควันบุหรี่ยังประกอบด้วยสารพิษอื่นๆอีกมากมาย เช่น HYDROGEN CYANIDE, NITROGEN DIOXIDE, ALDEHYDES, AMMONIA, ARSENIC, METHANE, และตะกั่ว


⇒ นิโคตินคืออะไร มีผลต่อร่างกายเราอย่างไร

นิโคตินเป็นสารที่มีฤทธิ์แรงที่สุดในบรรดาสารทั้งหลายที่อยู่ในควันบุหรี่ เป็นสารอัลคาลอยด์ที่ไม่มีสีแต่มีพิษมาก ออกฤทธิ์ได้ทั้งเป็นตัวกระตุ้น กด และกล่อมประสาทกลางของสมองคนเรา เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนติดบุหรี่กันงอมแงม

นิโคตินนี้ที่แท้คือ ยาพิษที่มีฤทธิ์ฆ่ารุนแรงมาก เพียงนิโคตินเข้มข้น 2-3 หยดบนลิ้น ก็สามารถฆ่าคนๆนั้นได้  นิโคตินเพียงแค่ 30 มิลลิกรัมก็สามารถทำให้คนตายได้ ในขณะที่บุหรี่ธรรมดามวนหนึ่งจะมีนิโคตินอยู่ราว 15-20 มิลลิกรัม พูดง่ายๆก็คือจำนวนนิโคตินในบุหรี่ 2 มวน ก็พอจะทำให้คนตายได้ในทันที เพราะฉะนั้นจึงมีผู้นำนิโคตินไปทำเป็นยาฆ่าแมลงที่ได้ผลยิ่ง
แต่ที่คนสูบบุหรี่ติดต่อกันหลายมวนแล้วไม่ตาย ก็เพราะว่า ส่วนน้อยของนิโคตินในควันบุหรี่เมื่อสูบแล้วจะดูดซึมเข้าไปในร่างกาย ของผู้สูบ ฉะนั้นแม้ว่าบุหรี่ธรรมดาหนึ่งมวนจะมีปริมาณนิโคตินระหว่าง 15-20 มิลลิกรัมก็ตาม แต่จะให้นิโคตินออกมาในควันบุหรี่ประมาณ 0.6-2.6 มิลลิกรัมต่อมวน (ดูตาราง) บุหรี่ไทยมีปริมาณนิโคตินระหว่าง 0.1-1.6 มิลลิกรัมต่อมวนเท่านั้น

โปรดสังเกตว่า ก้นกรองนั้นไม่ได้ทำให้ปริมาณนิโคตินลดน้อยลงแต่อย่างไรเลย เพราะฉะนั้นมีก้นกรองหรือไม่มีก้นกรอง ได้รับพิษจากนิโคตินเท่าเทียมกันหมดถ้าใครยังสูบถี่ สูบแรง ดูดยาวและอัดลึก ก็จะได้ปริมาณนิโคตินเข้าปอดมาก ถ้าใครยิ่งสูบจนเหลือก้นบุหรี่สั้นเท่าไร ก็จะได้ปริมาณนิโคตินเข้าปอดมากเท่านั้น
นิโคตินจะไปออกฤทธิ์ทั้งที่สมองกลาง ระบบหัวใจและหลอดเลือด และที่ระบบการหายใจ เช่น จะไปกระตุ้นให้หัวใจทำงานมากขึ้น เต้นเร็วขึ้น ความดันเลือดสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ไปทำให้หลอดเลือดหดตัว อันเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือด ความดันสูง เป็นต้น
นอกจากนี้นิโคตินยังไปทำให้เบื่ออาหาร ไม่รู้รสอาหาร ในขณะเดียวกันก็ไปกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะ เป็นต้นเหตุของโรคแผลในกระเพาะและทางเดินอาหาร


⇒ทาร์คืออะไร มีผลต่อร่างกายเราอย่างไร
ทาร์คือ น้ำมันที่เกิดจากการเผาไหม้ของใบยาสูบ กระดาษมวน และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆในบุหรี่ ประกอบด้วยสารเคมีหลายร้อยชนิด ส่วนใหญ่เป็นสารพวกไฮโดรคาร์บอน หรือน้ำมันซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดมะเร็งในคนและสัตว์
บุหรี่ต่างประเทศจะควบคุมปริมาณทาร์อยู่ในระหว่าง 1-18 มิลลิกรัมต่อมวน บุหรี่ไทยมีปริมาณทาร์ระหว่าง 24-33 มิลลิกรัม/มวน ซึ่งสูงกว่าบุหรี่นอกมาก (ดูตาราง)
 

ตารางปริมาณของนิโคตินและทาร์ในบุหรี่ไทยชนิดต่างๆ 

ชื่อบุหรี่

ประเภท

นิโคติน/มวน

ทาร์/มวน

พระจันทร์

ไม่มีก้นกรอง

0.6

24

รวงทิพย์

ไม่มีก้นกรอง

0.8

24

เกล็ดทอง

ไม่มีก้นกรอง

1.0

26

รอแยล สแตนดาร์ด 3

ไม่มีก้นกรอง

1.5

28

รอแยล สแตนดาร์ด 3

ก้นกรอง

1.6

28

สามิต 14

ก้นกรอง

1.5

29

สามิต

ไม่มีก้นกรอง

1.6

31

กรองทิพย์

ก้นกรอง

1.6

28

กรุงทอง 85

ก้นกรอง

1.8

29

กรุงทอง

ไม่มีก้นกรอง

1.8

30

สายฝน

ก้นกรองกับเมนทอล

1.8

28

ทีทีเอ็ม

ก้นกรอง

2.6

33

 
คนที่สูบบุหรี่วันละ 1 ซอง ปอดจะได้รับน้ำมันทาร์เข้าไปราว 300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ 110 กรัมต่อปี
น้ำมันทาร์ที่เข้าไปอยู่เต็มทางเดินหายใจ หลอดลม และถุงลมในปอดเป็นต้นเหตุของเสมหะ การไอเรื้อรัง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง และมะเร็งของริมฝีปาก ลิ้น ช่องปาก กล่องเสียง หลอดลม และปอดในที่สุด


⇒ คาร์บอนมอนอกไซด์คืออะไร มีผลต่อร่างกายเราอย่างไร
คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นแก๊สที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ที่เรารู้จักกันดีคือ เป็นแก๊สพิษที่อยู่ในควันของท่อไอเสียรถยนต์ คนสูบบุหรี่ดูดเอาแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์จำนวนมากมายเข้าไปในปอดมากกว่าจำนวนของคาร์บอนมอนอกไซด์บนถนนที่รถติดจอแจมากมายไม่รู้กี่เท่า คาร์บอนมอนอกไซด์จะถูกดูดซึมที่ปอด เข้าไปในเม็ดเลือดแดงทางกระแสเลือด ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถจะจับกับออกซิเจนได้ ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนในร่างกายเรา เซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆทั่วตัวจะขาดออกซิเจน เช่น เซลล์ที่สมอง ที่หัวใจ ทำให้ทำอัไรก็เหนื่อยง่าย และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ 


                                                                                                                             (อ่านต่อฉบับหน้า)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

ข้อมูลสื่อ

91-015
นิตยสารหมอชาวบ้าน 91
พฤศจิกายน 2529
สุขกาย-สบายใจ
รศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม