• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เกราะของร่างกาย

เกราะของร่างกาย

คอลัมน์ “ความรู้เรื่องยา” ได้รับจดหมายจากท่านผู้อ่านที่ใช้นามปากกาว่า “ขอให้ลงเกี่ยวกับร่างกายของคนเรา ว่ามีการป้องกันตัวจากเชื้อโรคได้อย่างไรบ้าง ก่อนที่จะพูดถึงการรักษาด้วยยาได้ไหมครับ”

เมื่ออ่านข้อเสนอแนะของคุณ 10500 ทำให้นึกถึงคอลัมน์ “ความสุขถ้วนหน้า 2538” ตอน “สังคมเปิดสังคมปิด” ของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ที่ลงใน “หมอชาวบ้าน” ครั้งที่แล้ว กล่าวเปรียบเทียบ “เซลล์ของร่างกายมนุษย์ว่าเป็นระบบปิด แต่ปิดเพื่อการอยู่รอดไม่ได้อ้าซ่าแบบสังคมไทย”

ร่างกายมนุษย์นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ที่ธรรมชาติใช้เวลานับล้านปีในการปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ระบบต่างๆ สร้างขึ้นเพื่อความอยู่รอดของชีวิตโดยเลือกที่จะรับ สะสม และกำจัด “สภาวะสมดุล” ขึ้นภายในร่างกาย นั่นคือ หากสามารถรักษาสภาวะสมดุลได้มากเท่าไหร่ ก็หมายถึงการมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมที่จะต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น ขณะที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ตั้งแต่ อากาศ อาหาร น้ำ เต็มไปด้วยจุลินทรีย์เล็กๆ ที่มองไม่เห็น เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย ที่ทั้งก่อให้เกิดโรค และไม่ก่อให้เกิดโรค ร่างกายก็มีระบบคุ้มกันร่างกาย เป็นเกราะป้องกันไม่ได้ร่างกายเป็นโรค โดยที่เป็นกลไกของธรรมชาติที่มองให้ไว้สำหรับการดำรงชีวิต

ลองมาดูกันซิว่าร่างกายของเรา สร้างเกราะป้องกันอะไรไว้บ้าง

1. ผิวหนัง เยื่อบุผิวหนัง เป็นเสมือนเสื้อเกราะที่ปกคลุมร่างกายที่ดีที่สุดในการป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะบุกรุกเข้าไปภายใน ดังนั้นเมื่อเราเป็นแผล ถูกไฟลวกหรือถูกน้ำร้อนลวก จะเกิดการติดเชื้อบริเวณนั้นได้ง่าย

2. การไอ หรือจาม เป็นการขับสิ่งแปลกปลอมออกจากทางเดินหายใจ จึงนับเป็นขบวนการที่มีประโยชน์มาก ดังนั้นหากมีการไอ หรือจามมากๆ ก็ต้องค้นหาสาเหตุของปัญหาให้พบ แล้วแก้ปัญหาให้ถูกจุด อย่าแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการกินยาแก้ไอ เพราะนอกจากจะไม่ได้แก้ที่สาเหตุแล้ว ยังไปยับนั้งอาการไอ หรือจาม อาจทำให้เชื้อโรคนั้นเจริญเติบโตได้ดีขึ้นด้วย

3. น้ำตา น้ำมูก น้ำลาย ก็มีสารย่อยเชื้อโรคอยู่บ้าง และน้ำตา ยังเป็นยาล้างตาที่ดีที่สุด เหมือนนมแม่ที่เหมาะที่จะใช้เลี้ยงลูกมากที่สุด ดีกว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมวัว

4. ปัสสาวะที่ขับออกช่วยล้างทางเดินปัสสาวะยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค

5. กรดในกระเพาะ ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้มาก ผู้ที่กินยาลดกรดหรือตัดกระเพาะออก จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ก็ต้องระวังเรื่องอาหารการกิน

6. ต่อมทอนซิล ก็จะเป็นตัวจับเชื้อโรคไว้ ก่อนที่เชื้อต่างๆ จะเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นถ้ามีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายมากๆ ต่อมทอนซิลก็จะอักเสบ

7. เชื้อจุลชีพ ที่อาศัยอยู่ในตัวเรา บริเวณปากคอ หลอดลม ตามปกติจะควบคุมกันเอง ไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่ตัวเรา และยังช่วยป้องกันไม่ให้โรคร้ายๆ เจริญเติบโตได้ ดังนั้น ถ้าใครนิยมกลั้วคอด้วนน้ำยาบ้วนปาก หรืออมยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อในปากเป็นประจำโดยไม่จำเป็น นอกจากจะเสียเงินฟรีๆ แล้ว ยังอาจทำให้เชื้อโรคร้ายเจริญเติบโตขึ้นเป็นโรคตามมาได้อีกด้วย

8. ความเป็นกรดจากเชื้อแลกโตบาซิลัสที่เจริญอยู่ในช่องคลอดสตรีก็เช่นกัน สามารถป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้ออื่นได้ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นจึงไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อที่ช่องคลอด

9. นอกจากเกราะป้องกันธรรมชาติมากมายที่กล่าวมาแล้วนั้น เรายังมีกำลังทหารสำหรับต่อสู่โรคร้ายอยู่มากในร่างกายที่จะป้องกันเชื้อโรคที่เล็ดลอดด่านต่างๆ ได้อัน ได้แก่ เม็ดเลือดขาว และสารที่รักษาที่ร่างกายสร้างขึ้นมา ฯลฯ จะเป็นตัวกำหนดอีกทีหนึ่ง จะเห็นได้ว่าเกราะของธรรมชาติที่มอบมาให้กับเรานั้น สามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมได้สารพัด

ดังนั้น ขอให้เชื่อมั่นในของดีที่มีอยู่ รักษาสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง กินแต่อาหารที่มีประโยชน์มีคุณค่าทางอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อนั้นร่างกายก็จะอยู่ในสภาวะสมดุลที่ระบบต่างๆ จะทำหน้าที่ได้อย่างปกติ

ที่สำคัญอย่าเอาสิ่งแปลกปลอมมาทำลายเกราะป้องกันเหล่านี้ เช่น เชื่อคำโฆษณา ใช้ยาเกลือแร่บำรุงร่างกายจนเสียสมดุล ใช้ยาล้างตา ล้างช่องคลอด กินยาปฏิชีวนะ โดยไม่จำเป็น ทำให้จุลชีพที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายถูกทำลาย ซึ่งนอกจากจะเสียเงินเปล่าๆ แล้ว ยังเป็นการทำลายเกราะที่สำคัญของร่างกายได้

ข้อมูลสื่อ

79-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 79
พฤศจิกายน 2528
อื่น ๆ