• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เด็กสามขวบ ถึงสีขวบ

 

                            

  

 

 


336. เล่นอวัยวะเพศ
การเล่นอวัยวะเพศของเด็กวัย 3-4 ขวบนี้ มีเหตุผลเช่นเดียวกับการติดนิสัยดูดนิ้ว เมื่อบอกคุณแม่ว่าปล่อยให้เด็กดูดนิ้วต่อไปได้ เพราะจะหายเองในอนาคต คุณแม่ส่วนใหญ่ยอมรับฟัง แต่พอพูดเช่นนี้กับคุณแม่ ที่มีปัญหาลูกเล่นอวัยวะเพศ คุณแม่มักยอมรับไม่ได้ เพราะอะไรที่เกี่ยวกับเพศ จะทำให้ผู้ใหญ่เดือดเนื้อร้อนใจเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี การเล่นอวัยวะเพศของเด็กวัยนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศในความคิดของผู้ใหญ่เลย เด็กผู้หญิงติดนิสัยนี้มากกว่าเด็กผู้ชายหลายเท่า เด็กผู้หญิงบางคนเอาหมอนข้างหรือผ้าห่มสอดไว้ ระหว่างขาและออกแรงขยับจนหน้าแดงก่ำ พ่อและเห็นเข้าก็ตกใจ เด็กผู้หญิงบางคนใช้วิธีถูไถด้านหน้ากับขอบเก้าอี้ในห้องที่ไม่มีคนอยู่ เมื่อพ่อแม่บังเอิญมาพบเข้าครั้งแรกก็รู้สึกช็อก และวิตกว่าจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของลูก จะทำให้ลูกโง่หรือกลายเป็นคนจิตวิปริต ความตกใจและความกังวลใจ ที่อัดอยู่ในหัวอกแม่จึงระเบิดออกมาเป็นเสียงตวาดลูก

อันที่จริง การเล่นอวัยวะเพศของเด็กวัยนี้ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการอมมือ ถ้าจะคิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพศก็คงเหมือนกับความคิดของซิกมันต์ ฟรอยด์ ที่ว่า การดูดนิ้วเกี่ยวโยงกับเรื่องเพศเท่านั้นเอง ซึ่งนิสัยเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเด็กไม่มีโอกาสและสถานที่ระบายพลังงานออกจากกายอย่างเพียงพอ หากเด็กได้เล่นกับเพื่อน ได้วิ่งเล่นออกกำลังกายนอกบ้านตามความต้องการนิสัยเหล่านี้จะหายไปเอง และไม่มีผลต่ออนาคตของเด็กเลย เวลาเด็กอมนิ้วหรือเล่นอวัยวะเพศ ตัวแกเองก็รู้สึกอายเหมือนกัน จึงไม่ยอมทำในที่ที่มีคนเห็น หากพบว่าลูกมีนิสัยเล่นอวัยวะเพศ การห้ามปรามตรง ๆ คงไม่ได้ผล ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวยให้เด็กมีโอกาสเล่นอวัยวะเพศดีกว่า

เด็กที่อยู่บนแฟลตสูง ๆ และไม่ได้เล่นกับเพื่อน คุณแม่ควรพาแกลงมาเล่นบนพื้นดินกับเด็กอื่น ๆ บ้าง หรือส่งไปโรงเรียนอนุบาล แทนที่จะให้ไปเหงาอยู่กับบ้าน ถ้าที่บ้านมีสนาม อาจเลี้ยงลูกสุนัขได้เป็นเพื่อนวิ่งเล่น หรือทำชิงช้า ทำที่ปีนป่ายให้เล่น เป็นต้น ในกรณีที่รู้ว่าเด็กใช้เก้าอี้ตัวนั้นเสียชั่วคราว การหยิก การตี ขู่ว่าอวัยวะจะเน่า หรือหลอกเด็กว่าจะทำให้แก่โง่เง่า เป็นสิ่งไม่ควรทำ การล้างมือของเด็กให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อวัยวะเพศ ถ้าเด็กมีพยาธิจะทำให้รู้สึกคันก้นและบริเวณอวัยวะเพศบ่อย ๆ จนกระทั่งรู้จักการเล่นอวัยวะเพศ ควรตรวจและกำจัดพยาธิเป็นประจำ
การเล่นอวัยวะเพศซึ่งเริ่มในช่วงอายุ 4 ขวบ อาจติดเป็นนิสัยไปจนถึงวัยเข้าโรงเรียน และจะหายไปเองในวัยประถม หลังจากนั้น แกก็กลายเป็นเด็กปกติ

 

 

 

 

337. ติดอ่าง

ปัญหาเรื่องพูดติดอ่างนี้ เคยกล่าวไว้ในช่วงอายุ 2-3 ขวบแล้ว โปรดอ่านทบทวนดูด้วย (ดู 304. ติดอ่าง หมอชาวบ้าน ฉบับที่ 94 เดือนกุมภาพันธ์2530 หน้า 61)
เด็กวัย 3-4 ขวบ เป็นวัยช่างพูดและเป็นช่วงพัฒนาความสามารถในการสนทนา หากมีอะไรมาขัดขวางเวลาเด็กอยากพูด จะทำให้เด็กพูดไม่ออก และพูดติดอ่าง โดยเฉพาะเวลาเด็กง่วงหรือเหนื่อยจะพูดติดอ่างได้ง่าย
ยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้ชายวัยนี้ซึ่งมีพี่สาวอยู่ชั้นประถมหนึ่ง และพี่สาวเป็นเด็กคุยเก่งมาก พอน้องชายจะพูดอะไร พี่สาวก็แย่งพูดเสียก่อนทุกที เมื่อเป็นเช่นนี้บ่อย ๆ เข้าน้องชาย กลัวว่าพี่สาวจะแย่งพูดอีก จึงเกิดความอึดอัดทุกครั้งที่จะพูด และทำให้พูดติดอ่าง หรือในกรณีที่ลูกเป็นเด็กช่างซัก ตั้งคำถามถามแม่ทั้งวัน จนคุณแม่ทนไม่ไหวตวาดให้หยุดถามเสียที เด็กกำลังอยากพูด เมื่อมีอะไรมาสะดุด จึงพูดติดอ่าง เราต้องระวัง มิให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น

เด็กอายุเกิน 3 ขวบ สามารถเล่าเรื่องยาว ๆ ได้แล้ว ถ้าติดอ่าง คำพูดของแกจะสะดุดกลางคันบ่อย ๆ กว่าจะพูดจบแต่ละเรื่องต้องใช้ความพยายามมาก ยิ่งพ่อแม่จ้องหน้าแกด้วยความร้อนรน เพราะอยากให้พูดจบเร็ว ๆ แกจะขาดความมั่นใจ เกรงว่าจะพูดไม่ตลอดรอดฝั่ง จึงหยุดเล่าไปเลย และถ้าถูกเตือน แกจะนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอีก เวลาลูกพูดติดอ่าง ท่าทีของพ่อแม่ในขณะนี้มีบทบาทสำคัญที่สุด พ่อแม่จะต้องไม่เร่งรัดลูก ต้องทำตัวตามสบาย เพื่อมิให้เด็กเกิดอาการเครียดเกร็ง ไม่ควรจ้องมองหน้าลูก แต่ก็มิใช่ว่าทำท่าไม่สนใจเอาเสียเลย ควรรับฟังคำบอกเล่าของแกอย่างปกติธรรมดา และตอบคำถามเมื่อจำเป็น เวลาเด็กติดอ่างพูดไม่ออก ก็ช่วยเสริมด้วยท่าทีปกติและชักชวนให้เด็กเล่าต่อ เมื่อถึงเวลาพ่อแม่พูด ควรพูดช้า ๆ แต่อย่างถึงกับช้าผิดธรรมชาติ เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าการคุยกันนั้น พูดช้า ๆ ก็ได้ไม่ต้องรีบร้อน
หากเด็กรู้สึกอายที่พูดติดอ่าง จนไม่ยอมพูดอะไร เราอาจแก้ได้โดยพ่อแม่ลูกร่วมร้องเพลงด้วยกัน เด็กที่ชอบดนตรีบางคนหายได้ด้วยวิธีนี้ สาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดอาการเกร็งจนพูดไม่ออกนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากท่าทางร้อนใจของพ่อแม่ เมื่อแม่มาปรึกษาหมอ ได้ระบายความกลุ้มใจ และหมอช่วยอธิบายจนแม่สบายใจ ลูกก็หายติดอ่าง กรณีเช่นนี้มีมากทีเดียว

วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาเด็กพูดติดอ่างคือ ทำให้เด็กเลิกสนใจอาการของตน ดังนั้น การพาไปรักษาตามสถาบันฝึกพูดของผู้ใหญ่ ไม่น่าจะเป็นผลดี เพราะทำให้เด็กกังวลกับอาการของตนมากยิ่งขึ้น

 

ข้อมูลสื่อ

112-020
นิตยสารหมอชาวบ้าน 112
สิงหาคม 2531