นายแพทย์กำพล ศรีวัฒนกุล หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่าได้มีการวิเคราะห์ถึงปริมาณการใช้ยาจากปริมาณการนำเข้ายาจากต่างประเทศ บางตัวพบว่า มีการใช้กันอย่างแพร่หลายเกินความจำเป็นถึง 10 เท่า เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ ที่ใช้สำหรับแก้โรคหอบหืดรุนแรง และโรคไขข้ออักเสบ จากปริมาณการนำเข้านี้ชี้ให้เห็นว่าเรามีการใช้ยาในทางที่ผิดมาก
โดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์นี้ ถูกนำไปใช้ผสมในยาทั้งแผนโบราณและปัจจุบัน ซึ่งยาตัวนี้หากได้รับในปริมาณมาก ๆ จะมีผลทำให้เกิดอาการตัวบวม ความดันเลือดสูง และกระดูกผุได้ง่าย แต่คนที่ใช้มักจะไม่สนใจถึงระยะยาวที่จะเกิดขึ้น มักสนใจแต่ระยะสั้นที่ใช้แล้วรู้สึกสบายขึ้นทั้ง ๆ ที่อาการของโรคในขณะนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับยาตัวนี้เลย ทำให้เป็นการสิ้นเปลืองยาโดยเปล่าประโยชน์
บางคนยังไม่เข้าใจเลยว่ายาที่คนกินเข้าไปนั้นมีผลอย่างไรบ้าง เช่น สมุนไพร แม้จะกล่าวว่าเป็นยาที่ปลอดภัย แต่จริง ๆ แล้วการกินยาสมุนไพรก็ยังมีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน เพราะบางตัวมีข้อกำหนดที่ยุ่งยาก ต้องมีการศึกษาถึงระดับที่ยาควรได้รับ และควรจะกินติดต่อกันนานเท่าใด
“อย่างเช่น มะเกลือที่ใช้ถ่ายพยาธินั้น การใช้ต้องผสมแล้วกินให้หมดใน 24 ชั่วโมง แต่บางคนไม่เข้าใจก็ผสมเอาไว้กินเกิน 24 ชั่วโมง ทำให้สารบางตัวที่เป็นส่วนผสมของมะเกลือกลายเป็นสารพิษที่มีผลต่อตาทำให้เกิดตาบอดได้ จึงอยากจะให้ประชาชนได้ระมัดระวังในการใช้ยาทุกชนิด ไม่ใช่คิดว่าไม่เป็นอันตรายแล้วก็ใช้โดยไม่ระวัง” นายแพทย์กำพลกล่าว
- อ่าน 2,150 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้